“ผมกับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันจริงๆ” เซียวชุ่นเอ่ย
ตอนนี้ถ้าเขาตอบรับก็แปลว่าได้ยอมรับระหว่างเขากับถางซือซือมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจตอบรับได้
เหยาเสินเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็ลุกขึ้นและมุ่งเดินขึ้นไปทางชั้นบนด้วยอารมณ์โกรธจัด ตามหลังหลิวหยุนเซียงกับเหยาเจี้ยนกั๋วก็ลุกออกจากโต๊ะไปด้วยความโกรธ
เซียวชุ่นถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลือก นำยันต์หยกที่โดนเขวี้ยงลงบนพื้นเก็บขึ้นมา
ในค่ำคืนนี้ คงได้นอนบนโซฟาของชั้นล่างแล้วแหละ
ในขณะนั้นเวลาเดียวกัน เหลยหยางในโรงแรมระดับห้าดาวที่หนึ่ง
เฉิงหยูยืนอยู่ตรงหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานอันกว้างขวาง แก้วไวน์แดงหนึ่งแก้วถืออยู่ในมือ นัยน์ตาลึกล้ำจ้องมองไปที่แสงไฟสว่างไสวของตระกูลว่านที่อยู่ไกลออกไป
เหว้ยเทียนฮั๋วยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีแสดงความเคารพ พูดอย่างอ่อนน้อม: “คุณถัง ร่างกายไม่มีปัญหา ได้ออกจากโรงพยาบาลกลับถึงเจียงไห่แล้ว”
“พวกคุณควรดีใจที่ชือชือไม่เป็นอะไร ถ้าเธอเกิดประสบอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาอีก ฉันจะทำให้พวกคุณคนในตระกลูเหว้ยทั้งหมดเป็นศพฝังอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
คำพูดของเฉิงหยูเหมือนลมเย็นที่พัดมาจากไซบีเรีย ทำให้เหว้ยเทียนฮั๋วอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
“ครั้งนี้พวกเราตระกลูเหว้ยตั้งเป้าไปที่อันนั้นนามสกุลเซียว แต่คาดไม่ถึงว่าคุณถังจะอยู่บนรถคันเดียวกันกับเขา นี่เป็นเพียงอุบัติเหตุ”
เมื่อได้ยินเซียวชุ่น เฉิงหยูก็ยิ่งเกลียดจนฟันคัน
เขาไม่เคยคิดว่าในเจียงไห่พื้นที่เล็กๆนี้จะมีตัวประหลาดออกมาที่ยากจะจัดการ แม้แต่อยู่ในเมืองหลวงเขาก็ไม่เคยพบเจอคนที่จัดการยากเช่นนี้
“เขายังคงมีชีวิตรอดอยู่ใช่ไหม?” เฉิงหยูเขย่าแก้วไวน์ ถามอย่างไม่ใส่ใจ
“ยังมีชีวิตรอดอยู่ แต่ว่าเจียงไห่เป็นอาณาเขตของเขา รวมถึงหอการค้าชิงติ่งก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา อีกอย่างตัวเขาก็มีทักษะศิลปะการต่อสู้อยู่บ้าง ครั้งล่าสุดอันธพาลสองคนที่โคว่โม่ชูนำมาเป็นถึงผู้ชำนาญในศิลปะการต่อสู้ อยู่ในกำมือของเขาส่วนใหญ่ออกได้ไม่กี่กระบวนท่าก็โดนเขาสวนทุบตีกลับอย่างหมดสภาพ เผด็จการอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่ว่าคุณชายเฉิงไม่ต้องกังวล ตามคำกล่าวที่ว่าการโจมตีแบบเปิดเผยง่ายต่อการจัดการในขณะที่การโจมตีแบบแอบแฝงยากต่อการป้องกัน ต่อหน้าทำอะไรเขาไม่ได้ ในเมื่อหนึ่งครั้งทำเขาไม่ตายงั้นก็ทำมันอีกหลายๆครั้ง ปู่ของผมได้ส่งนักบู๊จิงฉู่ที่ได้การสนับสนุนจากตระกูลเหว้ยของเราไปที่เจียงไห่เพื่อกำจัดเศษเล็กเศษน้อยนั้น”
“เขาดูหมิ่นพวกเราตระกูลเหว้ยหลายครั้ง ซึ่งทนได้และทนไม่ได้ ตอนนี้พวกเราอยู่ในเรือลำเดียวกันกับคุณชายเฉิง” เหว้ยเทียนฮั๋วเผยรอยยิ้มที่พอใจออกมาเอ่ยพูด
เฉิงหยูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันจะส่งผู้ช่วยเพิ่มให้พวกคุณอีกสองสามคน งั้นก็กำจัดสมุนของเขาทิ้งพร้อมกันเลย หอการค้าชิงติ่งใช่ไหม?”
“ใช่ มีคุณชายเฉิงลงมือ แน่นอนว่าไม่มีปัญหา” เหว้ยเทียนฮั๋วพูด
“ผมยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะปรึกษากับคุณชายเฉิง”
“พูดสิ ”
“ชายชราในตระกูลเราอยากจะพบคุณชายเฉิงด้วยตนเอง ไม่รู้ว่า......” เหว้ยเทียนฮั๋วพูดอย่างเสียงครวญคราง
“ถ้าเรื่องนี้สามารถจัดการได้สำเร็จ เมื่อฉันรับช่วงต่อจากตระกูลเฉิง แน่นอนว่าตระกูลเหว้ยของพวกคุณก็จะมีที่ยืนในเมืองหลวงโดยปริยาย” เฉิงหยูเหลือบมองเขาจากด้านข้างเอ่ยพูด
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหว้ยเทียนฮั๋วดีใจมาก
ตระกูลเหว้ยอยู่หนิงโจวมากสุดก็เป็นได้แค่ผู้ปกครองสถานที่ที่หนึ่ง แม้แต่อาจจะเป็นผู้ปกครองสถานที่ที่หนึ่งก็ยังนับไม่ได้เลย ระยะทางยังอยู่ห่างไกลมากจากศูนย์กลางอำนาจในเมืองหลววง
หากมีการช่วยดึงหนุนจากตระกูลเฉิง แน่นอนว่าตระกูลเหว่ยก็จะก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงมากยิ่งขึ้นได้ในระยะสั้นๆ และจะก้าวเข้าไปหาสู่ศูนย์กลางของอำนาจอีกก้าวก็เป็นสิ่งที่แน่นอน
หลายวันผ่านไป หลังจากในตอนเช้าที่อยู่บริษัทเซียวชุ่นทนทุกข์จากความรุนแรงอันหนาวเย็นจากเหยาเสินตลอดทั้งวันนั้น เขาได้รับสายจากโทรศัพท์ที่ต้วนเจียได้โทรมาในเวลาประมาณ 8 โมงเย็น
คิดว่าจะเป็นเรื่องที่เขาให้ไปสืบสวนถึงคดีของคนขับรถบรรทุกคันนั้นมีเบาะแสคำตอบขึ้นมาแล้ว
ดังนั้นเซียวชุนจึงรีบไปที่คอนฟิว บาร์ เขาน่าจะพอเดาได้ว่าใครเป็นคนทำ ซึ่งท้ายที่สุดเขาเองก็ทำให้ใครหลายๆคนไม่พอใจอยู่มาก เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับบาดเจ็บ ก็ได้ให้ต้วนเจียไปตรวจสอบอีกครั้ง
ไม่พูดไม่ได้ว่าต้วนเจียผู้ชายคนนี้คงชอบสถานที่แบบนี้จริงๆ ขนาดจะคุยเรื่องสำคัญยังจะนัดมาที่บาร์อีก
เมื่อถึงคอนฟิว บาร์ก็ 9 โมงแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คึกคัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...