เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของหลิวหยุนเซียงก็อ่อนลงเล็กน้อย
แต่ว่าไม่นานเซียวชุ่นก็โดนเหยาเสินไล่ออกไปอีกครั้ง ทำให้เขาหดหู่มาก
ถ้ารวมถึงฉากเหตุการณ์ที่เห็นเมื่อกี้กับวันนี้ที่เหยาเสินเป็นกังวลร้อนรน เพิ่งรุ่งเช้าก็ขับรถออกไปที่เหลยหยางในทันที ต่อให้หลิวหยุนเซียงจะโง่แค่ไหนก็สามารถดูออกได้ว่ามีช่องโหว่บางอย่างอยู่ ซึ่งก็เริ่มไม่พอใจกับทัศนคติของเซียวชุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ
พอนึกย้อนกลับไปดีๆถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น หัวใจของเหยาเสินเหมือนตกลงในหลุมน้ำแข็ง
ตอนรถจมลงไปในน้ำในเสิ้ยววิเธอยังพอมีสติรู้สึกตัวอยู่เล็กน้อย เซียวชุ่นเวลานั้นอยู่ข้างๆเธอแท้ๆ อีกอย่างตัวเขายังคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ แทบจะไม่มีโอกาสโดนเหวี่ยงออกจากรถเลย
กล่าวคือ เซียวชุ่นขณะนั้นอยู่ข้างๆเธอแต่ไม่ได้ช่วยเธอ แต่เลือกที่จะไปช่วยถางซือซือก่อนเป็นอันดับแรก
ไม่มีใครสามารถเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของเธอในตอนที่เห็นเซียวชุ่นประคองอุ้มถางซือซือว่ายน้ำไปทางฝั่ง ยิ่งไม่มีใครสามารถเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกที่แสนสิ้นหวังของเธอในตอนที่เหลืออากาศหายใจเฮือกสุดท้ายตะโกนคำนั้นออกมา”สามีช่วยฉันด้วย”
ยิ่งคิดใจก็ยิ่งชา เธอไม่สามารถเข้าใจได้เลย และไม่สามารถให้อภัยเซียวชุ่นที่เพิกเฉยต่อเธอในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการรอดชีวิตและตาย ไปช่วยผู้หญิงคนอื่นๆ แม้แต่จะมีคนพูดคำที่ไร้สาระนี้ขึ้นมาว่าชีวิตเท่าเทียมกันก็ไม่สามารถโน้มน้าวเธอได้
เหตุการณ์ ณ ตอนนั้น ทั้งหมดไม่ใช่แบบนี้เลย เธอที่เป็นภรรยายังดีไม่เท่าคนนอกคนหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานมานี้เลย ไหนล่ะความเท่าเทียมกัน
เซียวชุ่นจากในอีกสองวันข้างหน้าที่จะถึงนั้นมันเป็นเหมือนน้ำแข็งและไฟที่ต่างกันแต่เกิดในช่วงเวลาเดียวกันเพียงระยะสั้นๆ
ด้านหนึ่งคือความเฉยเมยเย็นชาของเหยาเสิน อีกด้านหนึ่งคือความกระตือรือร้นที่เหมือนไฟของถางซือซือและส่วนตัวเขาเองนั้นก็เอาแต่สับสนไม่เข้าใจ
ยังโชคดีที่ร่างกายของทั้งสามคนไม่รับบาดเจ็บมากนัก แผลเป็นบนใบหน้าของเซียวชุ่นหายอย่างรวดเร็วหลังจากใช้โคลนยาทาที่เขาเป็นคนคิดผสมขึ้นมาเอง ในอีกสองวันต่อมาก็ได้ออกจากโรงพยาบาลกลับมายังเจียงไห่
ในคืนนั้น
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารนั้นอึดอัดถึงขั้นสุด
คนในครอบครัวทั้ง 4 คนต่างเงียบตกอยู่ในห่วงความคิดของตัวเอง เพื่อฉลองที่เหยาเสินออกจากโรงพยาบาล หลิวหยุนเซียงได้ทำอาหารจานใหญ่เต็มโต๊ะ ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีรสชาติแล้ว
ในชั่วขณะหนึ่งดวงตาของเธอได้จ้องมองระหว่างเหยาเสินกับเซียวชุ่น แล้วเอ่ยปากถามว่า: “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอทั้งสองกัน? มีเรื่องอะไรก็พูดออกมา เก็บไว้ในใจไม่ใช่วิธีที่แก้ไขปัญหาได้”
เหยาเสินไม่ได้เล่าเรื่องให้กับหลิวหยุนเซียงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากอุบัติเหตุทางรถ แต่ว่าในวันนั้นเหยาเสินรีบร้อนเพิ่งจะรุ่งสางก็ขับรถออกไปที่เหลยหยาง เธอก็คงรู้อยู่ภายในใจบ้างว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่ๆ แน่นอนว่าสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดนั้นคือเซียวชุ่นอยู่ข้างนอกอาจจะมีคนอื่น ไม่งั้นคงไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เหยาเสินโกรธมากถึงเพียงนี้
“เซียวชุ่น นายพูดก่อน เกิดอะไรขึ้น?” เห็นว่าทั้งสองคนเอาแต่เงียบไม่ตอบ หลิวหยุนเซียงเลยมองไปทางเซียวชุ่นแล้วเอ่ยถาม
เซียวชุ่นเงยหน้าขึ้นสีหน้าที่งุนงงสับสนหันมองแล้วมองเหยาเสิน แล้วหันไปมองทางหลิวหยุนเซียง: “แม่ ผมก็ไม่รู้ ในตอนที่อยู่เหลยหยางแค่เห็นมีการเข้าใจผิดบางอย่างระหว่างกับเพื่อนคนหนึ่ง แต่ว่าก็แก้ไขเรียบร้อยแล้ว......”
เหยาเสินเมื่อเห็นว่าเขายังแกล้งโง่อยู่ก็เกิดโกรธขึ้นมา
เธอตบตะเกียบวางลงบนโต๊ะอย่างแรง พูดอย่างสีหน้าเย็นชาว่า: “ใช่เหรอ? งั้นฉันถามคุณ หลังจากที่เราตกลงในน้ำทำไมคุณถึงไม่ช่วยฉัน ฉันก็อยู่ข้างๆคุณ แต่คุณกลับว่ายไปช่วยคนนอกคนหนึ่ง ยังจะพูดว่าคุณกับเธอไม่เคยอะไรกัน? ฉันนี้มันโง่มากเลยจริงๆ โดนคุณเล่นจนไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้ว แบบนี้คุณคงรู้สึกว่ามันสนุกมากเลยใช่ไหม? มันน่าสนุกตรงไหน?”
“ฉันยอมรับว่าเมื่อก่อนฉันเคยค่อนข้างเข้มงวดกับคุณ คุณถ้าภายในใจมีความแค้นก็พูดออกมา ต่อให้เป็นการหย่าร้างฉันก็ไม่มีปัญหา แต่คุณไม่จำเป็นที่จะต้องทำกับฉันแบบนี้!”
เหยาเสินพูดอยู่เบ้าตาก็เกิดแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย น้ำตาไหลลงเหมือนจะร้องไห้ ผมเห็นแล้วรู้สึกเป็นห่วงสงสาร
“ที่แท้คือเรื่องนี้นี่เอง คุณเข้าใจผิดแล้วจริงๆ” เซียวชุ่นตระหนักถึงเอ่ยพูด
“คุณมีเครื่องรางชิ้นนั้นที่ผมให้ไว้อยู่กับตัว ผมเคยบอกว่ามันในยามวิกฤตสามารถช่วยชีวิตคุณไว้ได้ ในเวลานั้นผมสังเกตเห็นว่าคุณได้สวมห้อยมันไว้บนตัว ดังนั้นเลย......”
“เซียวชุ่น เรื่องนี้เป็นเพราะคุณไม่ได้ทำอย่างถูกต้อง ไม่ว่าอย่างไงเหยาเสินก็เป็นภรรยาของคุณ อันดับแรกคุณช่วยเธอก่อนนั้นเป็นสิ่งที่ควรอยู่แล้ว ยังดีที่ครั้งนี้เหยาเสินไม่ได้เป็นอะไร ถ้าเกิดอุบัติเหตุเป็นอะไรขึ้นมา คุณคิดเลือกที่จะทำอย่างไร?”
เหยาเจี้ยนกั๋วหลังฟังคำอธิบายของเขาจบก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน
เขาเป็นศาสตราจารย์ ยังเป็นศาสตราจารย์วิชาเคมี แน่นอนว่าเขาไม่ยอมรับคำกล่าวอ้างจากเซียวชุ่นที่ว่ายันต์หยกสามารถช่วยชีวิตคนได้
“ทำไงดีหละ? ฉันตายก็จะเหมาะเจาะพอดี เขาก็จะสามารถคบกับเธอคนนั้นคุณถังของเขาอย่างเปิดเผยได้ เหยาเสินเอ่ยพูด”
“คุณพูดอะไรเนี่ย ผมไม่มีอะไรกับเธอจริงๆ” เซียวชุ่นพูดอธิบายอย่างซีดเซียวเล็กน้อย
“คุณหุบปากสะ! ในมือเพิ่งจะมีตังค์เล็กน้อยก็เริ่มไปข้างนอกหาสาวอื่นแล้ว ภายหลังจะขนาดไหน? คงเตรียมพร้อมที่จะไล่พวกเราออกจากบ้านหลังนี้แล้วใช่ไหม?” หลิวหยุนเซียงพูดประณาม
“อย่าคิดว่าคุณในตอนนี้ประสบความสำเร็จ หาเงินได้นิดหน่อยก็รู้สึกว่าตัวเองโครตเก่ง คุณอยู่ในบ้านของเรากินฟรีอยู่ฟรีมาเป็นเวลานาน ตอนนี้หันกลับมาตอบแทนบ้านเราก็เป็นเรื่องที่ควรอยู่แล้ว หากคุณกล้าทำอะไรที่ผิดต่อเหยาเสิน ฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”
“แม่ ผมไม่ได้ทำจริงๆ” เหยาเสินพูดอย่างหมดหนทาง
“งั้นคุณตอบฉันสิ ต่อไปจะสามารถตัดการติดต่อกับนางจิ้งจอกนามสกุลถังนั้นได้หรือเปล่า?”
ในไม่กี่นาทีที่หลิวหยุนเซียงเงียบลงความคิดของเธอก็เปลี่ยนไป ในความเห็นของเธอนั้นทั้งสองยังไม่ถึงจุดขั้นที่หย่าร้างกัน ตราบใดที่เซียวชุ่นยอมรับความผิด เรื่องนี้ก็จะผ่านไปได้ในไม่ช้า
เธออายุปูนนี้แล้วเข้าใจผู้ชายเป็นอย่างดี แม้แต่เหมือนเหยาเจี้ยนกั๋วเป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์ขนาดนี้ตอนที่เป็นหนุ่มๆยังเคยมีความสัมพันธ์แบบคลุมเครือเล็กน้อยกับผู้หญิงในออฟฟิศเลย ตอนนี้ก็ยังคงดีๆอยู่ไม่ใช่เหรอ
ท้ายที่สุด เธอไม่ต้องการให้ทั้งสองคนหย่ากัน อย่างน้อยก็แค่ในตอนนี้ที่ไม่ต้องการ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...