บุคลากรทางการแพทย์หลายคนลำบากใจมาก หนึ่งในพยาบาลทางการแพทย์ผู้หญิงในวัยกลางคนได้พูดโน้มน้าวขึ้นมาว่า “สามีของคุณเป็นคนที่น่าทึ่งมาก คุณเป็นห่วงเขา พวกเรานั้นเข้าใจอยู่ แต่ว่าคุณยืนรอดูอยู่ตรงนี้ก็ไปช่วยอะไรไม่ได้ กลับไปอยู่ในรถก่อนเถอะ เวลานี้สภาพร่างกายของคุณนั้นแย่มาก......”
เหยาเสินรู้สึกเหมือนได้ฝันร้าย ฝันถึงตัวเองได้ค่อยๆจมลงไปในใต้น้ำ ราวกับว่าได้ตกลงไปในเก้าโลกใต้พิภพ อากาศที่หนาวเย็นก็แทรกซึมเข้าไปตามรอยแยกของกระดูก
จากนั้นเธอมึนงงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าคือภาพลวงตาหรือเปล่า ราวกับมีฟองอากาศมากมายห่อหุ้มเธออยู่ จากนั้นดูเหมือนมีมือใหญ่คู่หนึ่งลากเธอพาเธอขึ้นไปบนผิวน้ำ
ฉันคงตายแล้วจริงๆใช่ไหม?
คนที่โดนจมน้ำตายต่างหากจึงจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ
เธอลืมตาขึ้นมาช้าๆ ใบหน้าที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคยของเซียวชุ่นปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้า
พอนึกถึงฉากตรงหน้าที่เธอเห็นก่อนตายนั้น หัวใจดวงนี้ก็เหมือนถูกฉีกเป็นชิ้นๆ และตอนนี้ยังคงเปื้อนเลือด
เจ็บปวดบาดลึกตรงหัวใจ
เขาก็ตายแล้วหรอ?
สมน้ำหน้า!
“ไปให้พ้น!” เหยาเสินเย็นชาพูดด่าคำนี้ออกมา ส่วนที่ลึกสุดในดวงตาคือความขยะแขยงที่เข้มข้น ความผิดหวังและความเกลียดชัง จากนั้นเธอมองเห็นแสงแดดที่สอดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง หัวใจกระตุก
ฉันไม่ตายเหรอ?
ฉันรอดแล้ว?
ทันใดนั้นในใจรู้สึกวุ่นวายสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าควรรู้สึกดีใจไหม
เซียวชุ่นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง มองเห็นเหยาเสินในหน้าที่สวยงามขาวเหมือนกระดาษ เป็นห่วงมากเลย พอเห็นเธอฟื้นขึ้นมานำมือไปจับมือของเธอมากุมไว้ พูดพร้อมใบหน้าที่โล่งใจว่า “ในที่สุดคุณก็ฟื้นขึ้นมา”
“ฉันรอดมาได้คุณผิดหวังมากล่ะสิ?” เหยาเสินใช้แรงนำมือหลุดจากการจับกุม มองเขาที่แสดงแบบนั้นออกมาด้วยความขยะแขยงและพูดเยาะเย้ย
เซียวชุ่นงุนงงสับสน คงเป็นเพราะไข้ยังไม่ลดงั้นเหรอ ไม่น่าใช่นี้ หมอเพิ่งวัดอุณหภูมิร่างกายของเธอไปเมื่อกี้นี่เอง ปกติดีนี่
“ยังมีไข้?” เขาเอื้อมมือไปทางหน้าผากของเหยาเสิน
เพี๊ยะ!
เหยาเสินปัดมือของเขาออกด้วยการตบหนึ่งครั้ง พูดด้วยสีหน้าท่าทางเศร้าโศกที่มีไม่มากเกินไปกว่าหัวใจที่ตายลง “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ต่อไปก็อย่าแตะต้องตัวฉัน คุณออกไปเถอะ ฉันในตอนนี้ไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณเนี่ย?” เซียวชุ่นมือข้างหนึ่งของเขาชะงักกลางอากาศ สับสนงุนงงไม่เข้าใจเอ่ยพูด
เซียวชุ่นเงียบไปครู่หนึ่ง ในดวงตาที่จ้องมองไปยังเขานั้นไม่มีความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ในเมื่อคุณมีคนในใจแล้ว งั้นเราหย่ากันเถอะ แบบนี้ต่อไปคุณก็ไม่ต้องหลบๆซ้อนๆอีก”
“คุณพูดเรื่องไร้สาระอะไร?” เซียวชุ่นยังคงมีสีหน้าที่สับสนงุนงง คนคือฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ทำไมจู่ๆก็ดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกันล่ะ
เขาไม่รู้ว่าเหยาเสินบังเอิญไปเห็นฉากที่เขาประคองอุ้มถางซือซือขึ้นบนฝั่ง
ในเวลานั้นสถานการณ์ของถางซือซือวิกฤตมาก หากยังคงชักช้าสัก10วิ หรือ1นาทีต่อให้ช่วยชีวิตขนาดไหนก็คงช่วยไม่รอดอยู่ดี
แต่เหยาเสินมีเครื่องรางอยู่ติดตัว ชีวิตปลอดภัย ดังนั้นเขาเลยไปช่วยถางซือซือก่อนเป็นอันดับแรก โดยไม่ได้คิดวิเคราะห์อะไรมากมายเลย
ถึงแม้จะไม่ใช่ถางซือซือเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ไม่เคยรู้จัก เขาก็คงอาจจะยังเลือกทำแบบนี้
ต่อให้เขาไม่เคยคิดอยากจะเป็นผู้กอบกู้ที่กล้าหาญ ช่วยชีวิตผู้คน แต่ท้ายที่สุดนั้นคือชีวิตของคนคนหนึ่ง เลยทำได้แค่เลือกหนึ่งอย่างจากสองตัวเลือกที่ลดความเสียหายมากที่สุด
แน่นอนว่าเหยาเสินอาจจะต้องประสบความยากลำบากบ้าง ถ้าเทียบกับชีวิตของคนคนหนึ่งมาพูดนั้น โดยธรรมดาแล้วเขาสามารถแยกแยะออกว่าอันไหนสำคัญกว่ากัน
อีกอย่างถางซือซือก็ไม่ถือว่าเป็นคนไม่รู้จัก
เหยาเสินพ่นลมหายใจหนึ่งครั้ง หันหัวไป น้ำตาไหลตามปลายตาหยดลงบนใบหมอน ถ้าคุณกล้าที่จะยอมรับว่ามีความสัมพันธ์อะไรกับถางซือซือบ้าง อย่างน้อยจะไม่ทำให้ฉันรู้สึกดูถูกคุณหรอก
กระแสความอบอุ่นได้พุ่งออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ถางซือซือจู่ๆก็รู้สึกขึ้นมาว่าการมีเขาอยู่เคียงข้าง พูดยังไงดี มันสบายใจมาก
“เมื่อกี้เสี่ยวติงได้นำข้าวต้มมาให้ มือฉันในตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรง คุณป้อนฉันสักสองสามคำ?” ถางซือซือนัยน์ตาที่นุ่มละมุนดุจสายน้ำ เหลือบมองข้าวต้มสีขาวที่อยู่ข้างๆเธอครู่หนึ่งเพื่อเป็นสัญญาณบอก
“เสี่ยวติง ไปไหนแล้วหละ?”
“น่าจะไปกินข้าวแล้ว คุณป้อนข้าวต้มฉันกินสักสองคำมันจะตายหรือไง? ตอนนี้ฉันเป็นผู้ป่วยไม่สบาย ” ถางซือซือพูดอย่างโกรธเคือง
“ก็ได้” เซียวชุ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หยิบชามขึ้นมา ตักข้าวต้มขึ้นมาหนึ่งช้อนคำเล็กส่งไปที่ข้างปากเธอ
ในเวลาเหมาะเจาะ หลิวหยุนเซียงกับเหยาเจี้ยนกั๋วรีบร้อนได้มาถึงหน้าประตูห้องพักผู้ป่วยแล้ว เห็นฉากนั้นแบบพอดิบพอดี
“เซียวชุ่น เหยาเสินล่ะ? แล้วเธอคือใคร?” หลิวหยุนเซียงเหลือบมองถางซือซือด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นมองไปที่เซียวชุ่นด้วยสายตาที่เหมือนมีดสองเล่มเอ่ยถาม
เหยาเจี้ยนกั๋วที่อยู่ด้านข้างสีหน้าก็ดูแปลกๆเล็กน้อย แต่แค่ไม่ได้เอ่ยปากพูด
“เหยาเสินอยู่ห้องพักผู้ป่วยหมายเลข 9 ห้องข้างๆ ผมพาพวกคุณไปเอง”
เซียวชุ่นไม่มีทางเลือกนอกสักจากวางชามลงก่อนแล้วพูดกับถางซือซือด้วยความทำตัวไม่ถูกเล็กน้อยว่า: “เดี่ยวรอเสี่ยวติงกลับมาก็ให้เธอช่วยป้อนข้าวต้มคุณแทนล่ะกัน”
พอพูดจบ ลุกขึ้นพาหลิวหยุนเซียงกับเหยาเจี้ยนกั๋วทั้งสองออกจากห้องพักผู้ป่วยของถางซือซือ
“ผู้หญิงคนนั้นคือใคร? ทำไมคุณถึงไม่ตอบคำถามนี้?” หลังเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย หลิวหยุนเซียงพยายามถามแบบไม่หยุดยั้ง
“เผอิญเป็นเพื่อนที่แวะกลับเจี่ยงไห่พร้อมกันกับพวกเรา” เซียวชุ่นตอบกลับแบบลวกๆ
“เป็นแค่เพื่อนเหรอ?” หลิวหยุนเซียงยังคงใช้สีหน้าเย็นชาถามกลับ
“เป็นแค่เพื่อน” เซียวชุ่นพูดตอบกลับอย่างหนักแน่นเด็ดขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...