โฮ๋เฉิงเหอพูดอีกว่า
“บนโลกนี้ผู้มีฝีมือช่างเยอะเหลือเกิน แชมป์ที่มีนามว่าเถียนปินที่ลานประลองบู๊ระดับสูงคนนั้นในขณะนี้ ก็ไม่รู้ภูมิหลังว่าเป็นมาอย่างไรเช่นกัน ฉันสงสัยว่าเขาไม่ใช่มนุษย์เลยด้วยซ้ำ
มีรอบหนึ่ง ผู้ท้าชิงยังไม่ทันได้ประชิดตัวก็กลัวไปก่อนแล้ว เหมือนลืมไปชั่วครู่หนึ่งว่าตนเองนั้นไปท้าดวล เขาก็ตามใจการออกกระบวนของอีกฝ่าย ไม่แม้กระทั่งโต้ตอบ งั้นยังต้องแข่งอะไรอีก ? แชมป์ในปีนี้ฉันว่าคงจะเป็นเขาแล้ว”
ทะลวงช่องว่าง ?
ส่วนที่ยอดเยี่ยมของในบู๊เส้าหลิน หนึ่งในสามสิ่งยอดเยี่ยมของเจ็ดสิบสองศิลปะ ทว่าเล่าลือกันว่าไม่ได้สืบทอดกันนานแล้ว หรือว่ามีคนเก่งเช่นนี้อยู่จริง ๆ ?
เซียวชุ่นแอบครุ่นคิด
แน่นอนว่าไม่ได้มีความหมายอะไรในสายตาของเซียวชุ่น เพียงแต่กังฟูที่ไม่ได้สืบทอดกันนานแล้วมาปรากฏอีกครั้ง ยังคงทำให้เขารู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง
บู๊ฮั๋วเซี่ยมีประวัติมายาวนาน เป็นการตกผลึกทางสติปัญญาของเหล่าบรรพบุรุษ และก็เป็นของล้ำค่าทางวัฒนธรรมของชนชาติฮั๋วเซี่ย บัดนี้ตกต่ำลงเนื่องจากสาเหตุหลากหลายประการ ถึงขนาดถูกคนประฌามว่างดงามแต่ไร้แก่นแท้ ใช้การจริงไม่ได้ จึงทำให้คนทอดถอนใจ
“ประธานโฮ๋ฉันว่าครั้งนี้คุณอย่าเข้าร่วมเลย” เซียวชุ่นยิ้มกล่าว
“ทำไมล่ะ ? ฉันไม่ได้แข่งเพื่อเงินแค่นั่นซะหน่อย มาหาความบันเทิงต่างหาก” หลังจากโฮ๋เฉิงเหอได้ยินประโยคนี้ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
“เพราะว่าผู้ชนะเลิศสองคนนี้ล้วนเป็นของฉัน” เซียวชุ่นกล่าวด้วยความสุขุม
โฮ๋เฉิงเหออึ้งไป เกือบจะนึกว่าตนเองนั้นฟังผิดไปแล้ว
“คุณวางเงินเดิมพันว่าฉันชนะได้ น่าจะได้กำไรไม่น้อย จะไม่ได้เสียเที่ยวที่มาครั้งนี้” เซียวชุ่นยิ้มกล่าว
โฮ๋เฉิงเหอไม่ได้พูดอะไร เหลียงฮั่นก็ไม่ทำแล้ว
เขาเห็นเซียวชุ่นมีรูปร่างที่ไม่เลว ทว่าบนร่างกายของผู้ที่ฝึกบู๊ทุกคนต่างจะมีราศีที่พิเศษอย่างหนึ่งอยู่ แต่เซียวชุ่นที่อยู่เบื้องหน้ากลับไม่มีท่าทีของนักบู๊เลยสักนิด
ไม่ต้องพูดถึงลานประลองบู๊ระดับกลางหรือสูงเลย ต่อให้เป็นระดับต้นเขาก็อาจจะสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
“พี่คนนี้ทะนงตนเองมากเกินไปแล้วกระมัง ?”
“ฉันแค่พูดความจริงก็เท่านั้น ส่วนนายจะเชื่อหรือไม่ ไม่นานก็จะพิสูจน์ได้” เซียวชุ่นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เหลียงฮั่นมีนิสัยหุนหันพลันแล่น ตอนกำลังจะโมโหก็ถูกโฮ๋เฉิงเหอขวางเอาไว้ : “อย่าเสียมารยาทกับพี่เซียว ในเมื่อพี่เซียวพูดขนาดนี้แล้ว พวกเราตั้งหน้าตั้งตารอก็พอแล้ว”
หลังจากเซียวชุ่นรักษาโรคที่เขาบอกใครไม่ได้ที่เป็นมาหลายปีจนหายดี เขาจึงมีความเชื่อใจต่อเซียวชุ่นอยู่บ้าง
ทว่าในตอนนี้เขาก็ต้องรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง
ดูจากประสบการณ์ที่เขาเข้าร่วมแท่นบู๊เงามืดมาหลายปี และก็เคยคบค้ากับผู้ที่ฝึกบู๊มาแล้วไม่น้อย
เซียวชุ่นไม่ใช่ผู้ที่ฝึกบู๊เลย สาวสวยน้อยคนนั้นยังพอมีกังฟูอยู่บ้าง ทว่าอย่างไรเสียก็เป็นเพียงแม่หนูที่อายุยี่สิบต้น ๆ ต่อให้เก่งจะสามารถเก่งได้สักแค่ไหนกันเชียว ?
มังกรสามก็นับเป็นคนหนึ่ง ทว่าเทียบกับเหลียงฮั่นแล้วยังคงมีความต่างอยู่บ้าง
เหลียงฮั่นเคยผ่านการสู้รบจริงมาแล้ว เป็นราชาแห่งพลทหารรุ่นหนึ่งที่ปืนออกมาจากกองคนตาย
โฮ๋เฉิงเหอคุยกันตามประสาไปที่ 603 ได้สักพักก็จากไปแล้ว
“พี่เซียว ไม่มีอะไรแล้วละก็ ฉันออกไปเดินเล่นล่ะ”
หลังจากทิ้งทั้งสามคนไว้ มังกรสามรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินที่อยู่ในห้อง จึงเอ่ยปากพูด
แม้เขาคิดว่าพี่สะใภ้สวยขนาดนั้น เพียบพร้อมขนาดนั้น พี่ใหญ่ยังพาเด็กสาวที่ไม่ค่อยใจกว้างออกมา ทว่าอย่างไรเสียก็เป็นเรื่องครอบครัวของคนอื่น เขาก็พูดอะไรลำบาก
อีกอย่างเขารู้ว่าต้องแสดงเป็นบทคนใช้ให้ดีอย่างไร ต่อให้เซียวชุ่นไม่ได้เห็นเขาเป็นคนใช้ก็ตาม
เซียวชุ่นก็ไม่ได้คิดมาก นึกว่าเขาแค่อยู่ในห้องแล้วรู้สึกอุดอู้ จึงอยากออกไปผ่อนคลาย
“ได้ ไปสิ”
หลังจากมังกรสามออกไปเขาจึงตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องนิดหน่อย ชายโสดหญิงโสดอยู่ร่วมห้องเดียวกัน บรรยากาศจึงอึดอัดนิดหน่อยอย่างแปลกประหลาด
ทั้งสองคนก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยอยู่ร่วมห้องเดียวกันมาก่อน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจู่ ๆ ถึงได้เกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...