“หลันญ่าหมิง ระลอกถัดไปถึงตานายแล้วใช่ไหม ?”
เพื่อนหนึ่งในนั้นที่ไว้ผมแสกกลาง หน้าตาคล้ายดาราชายยุคเก้าศูนย์คนหนึ่งเอ่ย
เขาชื่อว่า หยางโป ที่บ้านมีโรงงานเล็ก ๆ ไม่กี่แห่ง ทรัพย์สมบัติมีอยู่ราว ๆ หลายสิบล้าน
“ใช่ ใกล้แล้ว”
หลันญ่าหมิงแกว่งกุญแจรถเบนซ์ที่อยู่ในมืออย่างไม่ถึงกับตั้งใจนัก พร้อมกับกล่าวยิ้มตาหยี จากนั้นเขาหันหน้าไปมองยังซ่งหลิงเอ๋อร์ : “เธอรู้จัก F1 ไหม ?”
ซ่งหลิงเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อย : “เคยได้ยิน”
“ตอนฉันอายุเจ็ดแปดขวบก็เริ่มจับรถแล้ว เป้าหมายในอนาคตก็คือกลายเป็นนักแข่งรถของ F1 คนหนึ่ง ฉะนั้นการแข่งแบบนี้สำหรับฉันแล้วก็เป็นเรื่องกล้วย ๆ ” หลันญ่าหมิงพูดด้วยจิตใจที่ฮึกเหิม
ซ่งหลิงเอ๋อร์ไม่พูดแต่ส่งยิ้มให้ ในใจแอบกลอกตา
บอกเรื่องนี้กับฉันทำไม เกี่ยวอะไรด้วยกับฉัน ? ตอนที่ฉันแดรกเรซซิ่งนายยังไม่รู้เลยว่าอยู่ถนนเส้นไหน !
เห็นซ่งหลิงเอ๋อร์ไม่พูดจา หลันญ่าหมิงจึงยิ้มอย่างเก้อเขินเล็กน้อย พลันเอ่ย : “เธอลึกลับมาก เพียงได้เจอเธอที่มหาวิทยาลัยอยู่ไม่กี่ครั้ง ฉันก็รู้สึกสนใจเธอมาก หวังว่าจากนี้เราจะกลายเป็นเพื่อนกันได้”
หยางโปก็ตะโกนมาในเวลานี้ : “หลันญ่าหมิง ถึงตานายแล้ว เร็ว !”
หลันญ่าหมิงเหลือบมองซ่งหลิงเอ๋อร์อย่างอาลัยอาวรณ์แล้ว จึงสาวเท้ารีบเดินไปยังออฟโรดเบนซ์คันนั้นของตัวเอง พลันเปิดประตูแล้วมุดเข้าไปด้านหน้าของรถ และยังโบกมือมาทางนี้มาโดยเฉพาะ
เด็กสาวไว้ผมแดงคนนั้นเมื่อครู่ก็เข้ามา พลันโอบไหล่ของซ่งหลิงเอ๋อร์ไว้แล้วบอก : “หลันญ่าหมิงเหมือนจะสนใจเธอนะ เธอจะต้องคว้าโอกาสเอาไว้ นี่เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบเลยเชียวนะ ที่บ้านมีเงิน หน้าตาก็หล่อ แค่ในคณะพวกเราตอนนี้ก็มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่กำลังจ้องเขมือบอยู่”
“งั้นเหรอ ?” ซ่งหลิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เธอคบเพื่อนจะต้องระวังตัวให้ดี อย่าไปคบกับพวกเพื่อนที่ไม่ได้เรื่อง”
เด็กสาวไว้ผมแดงพูด ๆ อยู่ นัยน์ตากลับชำเลืองมองเซียวชุ่นโดยไม่รู้ตัว
“เหมือนอย่างหยางโป หลันญ่าหมิง แล้วก็โจวจื่อฟาแบบนี้ ที่บ้านมีเงิน ย่อมมีการอบรมสั่งสอนจากที่บ้านมาดี คุณสมบัติสูงกว่าโดยทั่วไป จากนี้พวกเราได้เที่ยวอยู่ด้วยกันมากหน่อย เธอก็จะรู้เอง”
“คงจะไม่เป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอนหรอกมั้ง ? ทายาทเศรษฐีในตอนนี้กลายเป็นคำเชิงลบแล้วไม่ใช่หรอกเหรอ ?” ซ่งหลิงเอ๋อร์พูดพลางยิ้มจาง ๆ
“นั่นเป็นบางคน พวกคนที่เกลียดคนรวยพวกนั้นถูกขยายการตรวจสอบในวงสังคมน่ะ ในความเป็นจริงนั้นคนส่วนใหญ่ถือว่าไม่เลวเลย” เด็กสาวไว้ผมแดงกล่าว
จากนั้นเธอก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาถาม : “จริงสิ ที่บ้านเธอทำอะไรหรือ ?”
“ทำพวกธุรกิจเล็ก ๆ น่ะ” ซ่งหลิงเอ๋อร์พูดเรียบ ๆ
เซียวชุ่นได้ยินแล้วก็หางตากระตุก ยัยหนูนี่พูดจาเพ้อเจ้อโดยไม่กระดากเลย
“อ้อ ถ้าในอนาคตเธออยู่กับเซียวชุ่นแล้ว จะมีส่วนช่วยต่อธุรกิจที่บ้านเธออย่างแน่นอน ที่บ้านเขาทำธุรกิจใหญ่มาก จะดึงสักหน่อยอย่างไรก็ได้ แล้วธุรกิจบ้านเธอก็จะไต่เต้าขึ้นมาเป็นใหญ่ได้”
ซ่งหลิงเอ๋อร์รู้สึกถึงได้ว่าเด็กสาวที่ไว้ผมแดงคนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนทำตัวเป็นแม่เล้า ในใจจึงเกิดความรังเกียจอยู่มาก จึงไม่เอ่ยปากพูดอีก
“ดูเร็ว หลันญ่าหมิงพุ่งขึ้นไปแล้ว !” หยางโปตะโกนพลางชี้ไปยังเนินลาดชันด้านนั้นที่อยู่ไกลอย่างตื่นเต้น
เห็นเพียงออฟโรดสีดำคันนั้นของหลันญ่าหมิงอยู่นำหน้า ล้อหลังม้วนฝุ่นทรายขึ้นมา แล้วพุ่งขึ้นไปบนยอดเนินในครั้งเดียวด้วยเสียงดังสนั่น ทำให้เกิดเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง
“เจ๋งว่ะ คนขับรถผู้อาวุโสไม่ได้ขี้โม้จริง ๆ ” อีกคนที่ชื่อว่าโจวจื่อฟาก็ตะโกนตาม
ประมาณสิบนาทีต่อมา หลันญ่าหมิงประสบความสำเร็จในการได้รับชัยชนะแล้ว จึงขับรถมาจอดอยู่ข้างฝูงชน แล้วเปิดประตูลงกระโดดลงมาจากรถอย่างสง่างาม
“เจ๋งมาก !” หยางโปกับโจวจื่อฟาเดินไปข้างหน้าพลางเอ่ยพร้อมกับไฮไฟว์กับเขา
หลันญ่าหมิงเดินไปที่ข้าง ๆ ซ่งหลิงเอ๋อร์ พูดเจือด้วยรอยยิ้มที่ลำพองใจ : “ตอนบ่ายมีเวลาไหม ฉันขับรถพาเธอไปรับลมได้”
“ไม่ต้องเรา พวกเราขับรถกันมา” ซ่งหลิงเอ๋อร์บอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...