บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 573

หยู่เหวินเห้าเห็นแล้วก็เศร้าใจเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เขาไม่เคยเห็นสถานการณ์ศพกองพะเนิน บนสนามรบ ไม่ต้องพูดถึงศพไม่กี่ร้อยศพ เป็นพันๆหมื่นๆก็เห็นมาแล้ว

แต่ว่า ทหารเหล่านั้นตายอย่างมีคุณค่า พวกเขาเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องบ้านเมือง ตอนมีชีวิตและหลังจากเสียชีวิตพวกเขาล้วนมีค่าที่จะนับถือ

แต่คนเหล่านี้ ตอนมีชีวิตก็เต็มไปด้วยความยากลำบาก หลังจากตายแล้วก็เต็มไปด้วยความยากลำบากยิ่งกว่า ตอนมีชีวิตและหลังจากที่ตายแล้วล้วนถูกผู้คนละทิ้งรังเกียจ

ก็เหมือนกับตัวอ่อนของแมลงวันตัวหนึ่ง ทำให้คนอยากจะอาเจียนแม้ได้มองเพียงแค่แวบเดียว

ดังนั้น หากบอกว่าแรกเริ่มหยู่เหวินเห้าตัดสินใจต้องการให้การรักษาผู้คนที่เขาโรคเรื้อนเป็นเพราะสนับสนุนหยวนชิงหลิง ตอนนี้เห็นทุกอย่างแล้ว เป็นความยินยอมของเขาเองแล้ว

พวกเขาใช้อีกเส้นทางหนึ่งเดินไปทางกำแพงที่ล้อมไว้ สามารถมองเห็นคนป่วยเป็นกลุ่มๆบางตานั่งอยู่บนที่ราบเรียบหน้าประตู ระยะทางค่อนข้างไกล แต่ก็สามารถมองรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมากของพวกเขาออกได้

พวกเขามีทั้งผู้ชายผู้หญิง มีทั้งคนแก่และเด็ก เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง หน้าตาเหงาหงอย ใกล้อีกหน่อย สามารถมองเห็นดวงตาที่เหมือนไร้ชีวิตชีวาเช่นนั้นของพวกเขา

หมันเอ๋อตกตะลึง “ทำไมยังมีเด็กๆด้วยล่ะ? พระชายารัชทายาท ท่านไม่ได้บอกว่าโรคนี้ตั้งแต่ติดเชื้อจนโรคกำเริบต้องใช้เวลาสองสามปีหรือ? ทำไมถึงมีเด็กได้เพคะ?”

หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เด็กๆเหล่านี้ล้วนเป็นเด็กที่ส่งขึ้นมาทีหลัง หลังจากที่พ่อแม่อาการกำเริบแล้ว ผ่านไปสองสามปี ก็พบว่าเด็กๆอาการกำเริบแล้ว จึงส่งขึ้นมา”

เหล่านี้คือทังหยางไปตรวจสอบแล้วกลับมารายงานให้เขารู้ ขณะนั้นฟังแล้ว จิตใจก็ไม่ได้มีความแปรปรวนอะไร แต่ตอนนี้เห็นแล้ว ในใจของเขารู้สึกเป็นทุกข์จริงๆ

ตัวเองเป็นพ่อคน ลูกของเขาอยู่ในจวนกินอยู่ดีมีเสื้อผ้าดีๆใส่ แต่เด็กๆเหล่านี้ ดูท่าทางแล้วก็เจ็ดแปดขวบ แต่กลับถูกเงาแห่งความตายครอบคลุมไว้ ทั้งชีวิตนี้ก็ไม่สามารถได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองได้อีก

หยวนชิงหลิงเคยดูข้อมูลตัวเลขอ้างอิงที่ทังหยางให้กลับมา ตอนนี้บนเขามีเด็กสามสิบคน เด็กที่โตที่สุดอายุสิบสี่ปี เล็กที่สุดหกขวบ คนป่วยที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ส่งขึ้นมาเมื่อห้าปีก่อนทั้งหมด สองสามปีนี้ เพียงแค่พบคนป่วยโรคเรื้อนก็จะส่งขึ้นเขาหมด แม้กระทั่งสงสัยว่าเป็นอาการป่วยคล้ายกันก็ล้วนส่งขึ้นมาแล้ว ไม่สนว่าเป็นเด็กหรือคนแก่

หยู่เหวินเห้าขยิบตาให้สวีอี สวีอีจึงใส่ผ้าปิดปาก พลิกตัวข้ามรั่วเดินไปทางผู้คนเหล่านั้น

โดยปกติทหารเฝ้าระวังจะไม่สนความเคลื่อนไหวของด้านใน พวกเขามีบ้านหลังหนึ่งอยู่ด้านนอก ดังนั้น แม้ว่าจะมีคนสองคนเข้าไป ทหารเฝ้าระวังก็สังเกตไม่เห็น เพียงแค่จำนวนคนไม่มากหรือไม่ได้เข้ามาจากด้านหน้าก็พอแล้ว

แรกเริ่มขณะที่สวีอีเข้าไป คนเหล่านั้นก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ทุกใบหน้าล้วนเพิกเฉยชินชา แม้แต่เด็กๆก็เป็น แม้ว่าจะมีที่ว่างส่วนหนึ่ง พวกเด็กๆก็ไม่ได้เล่นกัน เพียงแค่นั่งอยู่บนพื้นหรือนอนอยู่บนพื้นเงียบๆ

สวีอีสนทนากับคนหนึ่งในนั้นอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แต่คนป่วยผู้นั้นแรกเริ่มไม่ได้สนใจเขา หลังจากนั้นสวีอีเอาเนื้อแห้งชิ้นหนึ่งยื่นให้คนผู้นั้นอย่างเงียบๆ พริบตานั้นก็เผยให้เห็นดวงตาตะกละเช่นนั้นออกมา จับจ้องเนื้อชิ้นนั้นติดๆ สวีอีชี้ไปที่ป่าทึบ คนผู้นั้นก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปพร้อมกับสวีอี

ไม่กี่คนนั้นล้วนใส่ผ้าปิดปาก รอสวีอีพาคนป่วยผู้นั้นเข้ามา

คนผู้นั้นดูแล้วท่าทางคือห้าหกสิบปี ผอมแห้งเห็นกระดูก ไม่สวมรองเท้า เพราะนิ้วเท้าเปลี่ยนรูปแล้ว กระดูกนิ้วมือก็ดูออกว่าเปลี่ยนรูปแล้ว และไม่มีนิ้วแล้วสามนิ้ว กลมๆแบนๆด้านบนนิ้วมือคือสะเก็ดที่ม่วงครึ่งหนึ่งแดงครึ่งหนึ่ง

จุดๆบนใบหน้าแข็งรวมกันเป็นชิ้นๆ กลายเป็นสีเทาดำแล้ว นี่ก็เกี่ยวข้องกับที่เขาไม่ได้ล้างหน้าด้วย รอยพับย่นล้วนซ่อนเต็มไปด้วยโคลนและสิ่งสกปรก ทั้งร่างส่งกลิ่นเหม็น

เขานั่งบนพื้น สวีอีให้เขากินเนื้อ เขาดูเหมือนหมาป่าแก่ที่อ่อนแอและกลับหิวโหยเป็นที่สุด ฉีกกัดกินเนื้อแห้งชิ้นนั้น

หยวนชิงหลิงกล่าวถาม “ผู้เฒ่า ข้าถามท่านสองสามเรื่อง ได้ไหม?”

คนผู้นั้นได้ยินคำพูดของหยวนชิงหลิง เงยหน้าแล้ว สะเก็ดแผลบนเปลือกตาก็ยกขึ้นเล็กน้อย แสดงให้เห็นรอยยิ้มแปลกประหลาด “ผู้เฒ่า?”

เสียงของเขา แหบแห้งจนแทบจะแยกไม่ออก รอยยิ้มแปลกประหลาดนั้นทำให้ใบหน้าของเขาดูเหมือนดั่งเนื้อจามรีถูกลมพัดแห้ง ไม่มีส่วนของน้ำแม้แต่น้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน