เซวียหลิงรีบส่ายหน้า แล้วพูดโน้มน้าว “พ่อคะ ที่ก่อสร้างมีคนรับเหมาไปแล้ว เราออกวัสดุ เถ้าแก่หลิวออกแรง ริมทะเลลมแรงมาก ที่นั่นอากาศหนาว คุณอย่าไปดีกว่าค่ะ”
พ่อเฉิงดีใจอยู่ข้างใน พูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “หลิงหลิง ฉัน……ฉันแค่อยากไปดู! อาหยวนต้องไปทำงาน รวมๆ แล้วต้องมีงานเยอะแน่ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่ต้องกลับบ้านดึกขนาดนั้นทุกวันหรอก ยังไงฉันอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ ไปช่วยเหลืออะไรบ้างดีกว่า”
เซวียหลิงยังคงไม่วางใจ พูดเสียงทุ้ม “พ่อคะ แขนพ่อยังทำงานหนักไม่ได้นะคะ”
พ่อเฉิงตบหน้าอก เอ่ยปากรับประกัน
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่หยิบของหนักหรอก ฉันจะไปช่วยต้มน้ำร้อน ดูแลอุปกรณ์ก่อสร้างอะไรแบบเนี่ย!”
ได้ยินชายชรายืนกรานแบบนี้ เซวียหลิงก็คัดค้านต่อไม่ลง
“งั้นก็ได้ค่ะ! รอพี่หยวนกลับมา พรุ่งนี้ฉันจะให้เขาพาคุณไปด้วยตอนเช้า ฉันแค่รู้ที่อยู่คร่าวๆ แต่ไม่รู้ที่ตั้งโดยละเอียดค่ะ!”
พ่อเฉิงยิ้มสดใสแล้วพยักหน้า
เซวียหลิงก็หันหลังเดินขึ้นไปทำงาน
เมื่อวานเธอได้รับเงินและหนังสือภาษาอังกฤษอีกเล่มที่เซียวเจียเสวี่ยส่งมาแล้ว
เงินทั้งหมดสองพันกว่า เธอเอาเงินสองพันให้อาหยวน ที่เหลือเก็บไว้กับตัวเอง
หนังสือภาษาอังกฤษหนามาก หนากว่าเล่มเดิมสองเท่า!
เซียวเจียเสวี่ยแนบกระดาษใบหนึ่งมาในหนังสือ บอกว่าหัวหน้าพอใจกับงานแปลเธอมาก ชมว่าเธอเก่งขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าเธอจะขยันหมั่นเพียรต่อไป ช่วยแปลผลงานชิ้นเอกเล่มนี้
เธออ่านจบแล้วโทรหาเซียวเจียเสวี่ย ถามว่าเล่มใหญ่ขนาดนี้อย่างน้อยต้องแปลเกินครึ่งปี หวังว่าจะได้เพิ่มค่าจ้าง
อดีตเพื่อนร่วมชั้นให้เกียรติมาก บอกว่าเธอแปลเร็วและดี จำเป็นต้องเพิ่มค่าจ้างจริงๆ
ดังนั้นเธอจึงหันไปปรึกษากับหัวหน้า
หนึ่งนาทีกว่าๆ ต่อมา เธอกลับมา ยิ้มระรื่นบอกเซวียหลิง “เมื่อกี้ผอ.บอกว่า ถ้าเธอมุ่งมั่นทำงานได้เยอะและมีคุณภาพสูง สามารถเพิ่มให้เป็นหนึ่งพันคำต่อยี่สิบห้าหยวน นี่เป็นราคาที่ค่อนข้างสูง นักแปลระดับผู้เชี่ยวชาญบางคน ได้แค่หนึ่งพันคำต่อสามสิบกว่าหยวนเอง”
เซวียหลิงพึงพอใจมากแล้ว รีบกล่าวขอบคุณอดีตเพื่อนร่วมชั้น สัญญาว่าปีใหม่จะกลับเมืองหลวงไปเลี้ยงข้าวเธอ
เซียวเจียเสวี่ยยิ้มสดใสตอบตกลง แล้ววางสายไป
เซวียหลิงหยิบหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านก่อนทีละหน้า โชคดีที่งานที่สำนักพิมพ์ไม่เยอะ เธอมีเวลาว่างก็หยิบออกมาอ่าน พักเที่ยงก็อ่าน ตอนนี้อ่านไปแล้วหนึ่งในสาม
การอ่านหนังสือคือการเสพสุขอย่างหนึ่ง แตกต่างกับการแปลโดยใช้พลังงานด้านสมองและจิตใจโดยสิ้นเชิง
ตอนกลางคืนหนาวมาก เธอซุกตัวในผ้าห่มแล้วอ่านมัน
ดึกสงัด จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงใต้หน้าต่าง!
เธอนึกว่าเฉิงเทียนหยวนกลับมาแล้ว ก็วางหนังสือลง แล้วไปเปิดหน้าต่างเงียบๆ
ใต้แสงจันทร์สลัว มีสองร่างกำลังคลอเคลียกันอยู่นอกลานบ้านข้างๆ
เสียงต่ำของผู้ชายผสมกับรอยยิ้มกำกวม “ที่รัก ตัวเธออุ่นมากอ่ะ! มานี่ ให้พี่เสียงสัมผัสหน่อย……”
ผู้หญิงที่ถูกเขากอดในอ้อมแขนแกล้งทำเป็นโกรธ “โอ๊ย! พี่เสียง พี่น่ารำคาญมากอ่ะ! มือพี่เย็นเจี๊ยบเลย!”
โอหยางเสียงหัวเราะคิกคัก แล้วพูดปลอบ “น้องซี่ เธอยอมให้พี่เสียงหนาวเหรอ? รีบเข้าไปทำให้พี่อุ่นสิ”
ผู้หญิงยิ้มน่ารัก “พี่เสียง! พี่ร้ายที่สุดเลย!”
สองมือโอหยางเสียงลูบไปทั่วร่างเธออย่างมีเลศนัย แล้วพูดเสียงทุ้ม “พี่ร้าย……พี่ก็ร้ายแค่กับเธอนะ!”
“เกลียดอ่ะ!” ผู้หญิงผลักเขาอย่างเร่งเร้า “พี่ยังไม่รีบไปเปิดประตูอีก อยากให้ฉันหนาวตายหรือไง!”
โอหยางเสียงจึงต้องหดมือ ควักกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วเปิดประตูใหญ่ลานบ้าน
แต่ผู้หญิงไม่ขยับฝีเท้า ถามขึ้นว่า “น้องพี่คงไม่ได้อยู่ข้างในใช่ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง