ตอน บทที่ 183 ลูกรัก พ่อต้องการแค่ได้เป็นฮีโร่ของพวกหนู! จาก เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 183 ลูกรัก พ่อต้องการแค่ได้เป็นฮีโร่ของพวกหนู! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายSlice of Life เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 183 ลูกรัก พ่อต้องการแค่ได้เป็นฮีโร่ของพวกหนู!
ฉินเยว่เลิกเวรกะดึกแล้ว แต่เธอยังไม่กลับเสียที
แต่นั่งตาแดงก่ำไม่พูดไม่จาอยู่ในห้องทำงาน หลังจากที่ลังเลใจอยู่นาน เธอก็ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกจากโรงพยาบาลไป
เมื่อเฉินชางเห็นเช่นนั้น เขาก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก เขาทักทายหวังหย่งแล้วก็วิ่งตามฉินเยว่ไป!
เมื่อออกไปจากโรงพยาบาลแล้ว เฉินชางก็ถามฉินเยว่ว่า “คุณจะไปไหนน่ะ”
ฉินเยว่หันมาถลึงตาใส่เฉินชางทีหนึ่ง “เกี่ยวอะไรกับคุณ!”
ฉินเยว่ยืดตัวตรงแล้วเดินตรงไปยังทางที่จะไปย่านธุรกิจการค้าเทียนเจีย โรงพยาบาลอันดับสองอยู่ใกล้กับย่านธุรกิจการค้าเทียนเจียมาก เป็นสถานที่ที่คึกคักมีสีสันที่อยู่ใกล้ที่สุด ที่นั่นมีห้างสรรพสินค้ากระจายอยู่ทั่ว มีผู้คนเดินขวักไขว่กันมากมาย
เฉินชางรู้สึกว่าตนปฏิบัติต่อฉินเยว่ไม่ค่อยดีนัก เขาเลยเป็นฝ่ายซื้อชานมให้เธอหนึ่งแก้ว
“หายโกรธได้แล้ว ผมอารมณ์ร้อนไป”
ฉินเยว่พ่นลมหายใจออกทางจมูกด้วยความไม่พอใจ เธอรับแก้วชานมมา แล้วดื่มลงไปหนึ่งอึก
…
เฉินชางกับฉินเยว่ตามหาจูหย่งวั่งทั้งวันก็ยังหาตัวไม่เจอ
เมื่อช่วงเวลาโพล้เพล้ย่างกรายมาถึง โคมไฟแสงสีงดงามแขวนประดับประดา เมืองอันหยางในยามค่ำคืนสว่างขึ้นอีกครั้งด้วยแสงไฟนีออนที่ส่องสว่าง
ฉินเยว่ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก “คุณคิดว่าเขาจะไปที่ไหน”
เฉินชางส่ายหน้า “ผมจะไปรู้ได้ไงกัน!”
บริเวณข้างทางเปิดเพลงเศร้าเคล้าคลอ ทำให้เฉินชางรู้สึกเศร้าหมองในเวลาต่อมา
ไม่ใช่แค่เพราะว่าทำภารกิจของจูหย่งวั่งไม่สำเร็จ ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือตนเอง…เพราะอุปสรรคขวากหนามที่อยู่ในหัวใจของตน!
จูหย่งวั่งเที่ยวเล่นตลอดทั้งวัน เขาไปสวนสนุก ไปสวนสาธารณะ ไปห้างสรรพสินค้าใหญ่โต ใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นอาม่าถ่ายรูปที่ไม่ชัดเลย
เขายิ้มอย่างใสซื่อ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกเสียง “ลูกรัก พ่อไม่ใช่พ่อที่ดี ชั่วชีวิตนี้พ่อดูแลลูกกับพี่สาวของลูก แล้วก็แม่ของลูกไม่ได้ พ่อเป็นพ่อที่แย่คนหนึ่ง พ่อเป็นพ่อที่ห่วยแตก”
ขณะที่พูดอยู่นั้น จูหย่งวั่งก็เดินเข้าไปในหวังฝูจิ่ง[1] เขามองห้างสรรพสินค้าที่ประดับประดาตกแต่งด้วยเครื่องประดับตัวอาคารที่มีสีทองอร่ามด้วยความรู้สึกอิจฉายิ่งนัก บอกกับตนเองเสียงเบาว่าที่นี่สวยราวกับเป็นพระราชวัง…มีกลิ่นน้ำหอมที่หอมเป็นพิเศษ สิ่งเหล่านี่ทำเอาจูหย่งวั่งถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสาย
ร้านขายสินค้าแบรนด์เนมโดยรอบ เขาไม่รู้จักเลยสักแบรนด์ พนักงานแนะนำสินค้าแต่ละคนแต่งกายสวยหล่อดูดี พนักงานหญิงชายแต่ละร้านดูงดงามหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา เขามองดูเสียจนรู้สึกละลานตาไปหมด
เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าเห็นจูหย่งวั่งที่ดูเหมือนคนเร่ร่อน ก็เดินเข้ามาเร่งให้เขาออกจากห้างสรรพสินค้าไป “เอ่อ น้องชาย น้องชายออกไปด้านนอกเถอะ เดี๋ยวผู้จัดการมาเห็นเข้า พี่จะโดนด่า!”
จูหย่งวั่งไม่ได้สนใจ เขายืนชมห้างสรรพสินค้าอยู่เงียบๆ ตรงนั้น
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเริ่มร้อนรนแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อบังคับที่เป็นลายลักษณ์อักษรว่าห้ามไม่ให้คนจรจัดเข้ามาในพื้นที่ แต่ทุกครั้งหลังจากที่ปล่อยให้เข้ามา ผู้จัดการมักจะด่าพวกเขาด้วยถ้อยคำที่รุนแรง!
ใครบ้างที่ไม่ต้องทำงานแลกเงิน?
ฉิเยว่กับเฉินชางกำลังเดินผ่านมาพอดี ฉินเยว่เจอจูหย่งวั่งแล้ว เธอรีบวิ่งเข้าไปหาเขาทันที!
“จูหยงวั่ง ฉันฉินเยว่ คุณบอกว่าฉันหน้าตาดีไม่ใช่เหรอ กลับโรงพยาบาลกับพวกเราเถอะค่ะ พวกเราจะผ่าตัดให้คุณ!” ฉินเยว่รีบพูดด้วยความร้อนรน
เฉินชางถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก เขากับฉินเยว่ตามหาจูหย่งวั่งมาทั้งวัน ตั้งแต่สิบโมงเช้ายันสามทุ่ม
สิบเอ็ดชั่วโมง!
เมื่อคืนฉินเยว่เข้าเวรดึก เธอไม่ได้นอนเลยสักงีบ ตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าของเมื่อวานมาจนถึงสามทุ่มในวันนี้ เกือบจะสี่สิบชั่วโมงแล้วที่เธอยังไม่ได้นอน
ทว่าฉินเยว่ดื้อรั้นที่จะหาตามหาจูหย่งวั่งให้เจอ!
นี่แหละฉินเยว่ เนื้อแท้เป็นคนนิสัยหัวแข็งดื้อรั้นและมุ่งมั่น ทำให้เฉินชางนึกภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นขึ้นมาได้ ที่ฉินเยว่กระโดดขึ้นไปบนเตียงผู้ป่วยที่กำลังเข็นอยู่เพื่อปั๊มหัวใจผู้ป่วย นึกถึงตอนที่ฉินเยว่โดนคนในครอบครัวต่อว่า แล้วเธอก็มานั่งน้อยใจอารมณ์ไม่ดีอยู่ในห้องทำงานครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทำงานต่อ
เมื่อจูหย่งวั่งได้ยินเสียงตะโกนเรียกของฉินเยว่ เขาก็หันมายิ้ม พร้อมเอามือล้วงเข้าไปในถุง
ทำเอาฉินเยว่ถึงกับตกใจ!
ไม่ใช่ฉินเยว่คนเดียวเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่เฉินชางก็ยังหน้าถอดสี!
เมื่อคิดโยงไปถึงคำพูดของจูหย่งวั่งที่บอกว่าจะแก้แค้นสังคม ทั้งสองคนต่างก็หน้าถอดสี พวกเขารีบโผเข้าไปทันที
ฉินเยว่กอดกระเป๋าถือไว้ในอ้อมอก
ทว่า…กลับเห็นว่าสิ่งที่อยู่ในมือจูหย่งวั่งคือโทรศัพท์มือถือรุ่นอาม่า ภาพบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นรูปภาพรูปหนึ่ง
บุคคลในภาพเป็นเด็กผู้หญิงสองคน เด็กผู้ชายหนึ่งคน ทั้งสามคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสไร้เดียงสา
เฉินชางกับฉินเยว่พลันเหม่อลอยในทันใด
จูหย่งวั่งนอนไร้ชีวิตชีวาอยู่บนพื้น กล่าวด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า “นี่เป็นลูกๆ ของผม พวกเขาไม่เข้าเมืองเลย ไม่เคยเห็นโลกที่งดงามแบบนี้ ไม่เคยเห็นตึกสูงระฟ้า ยิ่งไม่เคยได้กลิ่นน้ำหอมที่หอมยิ่งกว่าดอกไม้…ในอนาคตพวกจะมีโอกาสได้เข้าเมืองมั้ย”
ฉินเยว่รู้สึกเคืองจมูกอยากจะร้องไห้ เธอกลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่อยู่ตั้งแต่แรกแล้ว “มีโอกาสค่ะ จะต้องมีโอกาสค่ะ!”
…
จูหย่งวั่งถูกจัดให้พักอยู่ที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉินเพื่อเตรียมผ่าตัดบาดแผลบริเวณหน้าอกในอีกสามวัน
ฉินเยว่ช่วยนำรูปในโทรศัพท์มือถือไปล้างรูปออกมา ในโทรศัพท์มือถือมีรูปทั้งหมดสิบรูป รวมทั้งรูปครอบครัวแสนสุขของพวกเขา
ถึงแม้ว่ารูปที่ถ่ายด้วยกล้องโทรศัพท์มือถือจะไม่ชัด แต่รอยยิ้มกลับไม่เลือนเลยสักนิด
ฉินเยว่กับเฉินชางเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
จูหย่งวั่งรีบซ่อนบางสิ่งบางอย่างในมือทันที “คุณหมอฉิน คุณหมอเฉิน วันนี้เป็นวันหยุดไม่ใช่เหรอครับ ทำไมพวกคุณยังมาทำงาน?”
เฉินชางหัวเราะ “ไม่ต้องซ่อนแล้วครับ เห็นตั้งนานแล้ว”
จูหย่งวั่งถึงยอมหยิบรูปออกมา “นี่ลูกผมครับ”
ฉินเยว่ถึงสังเกตเห็นว่าจูหย่งวั่งเอามือปาดน้ำตาเพราะร้องไห้
“ภรรยาของคุณสวยจริงๆ ลูกสาวสองคนของคุณหน้าเหมือนคุณมาก ส่วนลูกชายเหมือนแม่” ฉินเยว่ดูรูปพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จูหย่งวั่งกล่าวด้วยความเขินอาย “สวยสู้คุณไม่ได้ อันที่จริง…สมัยผมเป็นวัยรุ่นผมหล่อมากเลย”
ฉินเยว่หัวเราะ “ตอนนี้คุณก็ยังดูดี!”
เฉินชางกล่าวว่า “คืนวันนี้ลูกกับภรรยาของคุณก็มาแล้ว ฝ่ายกิจการแพทย์ของโรงพยาบาลจัดคนให้ไปรับแล้วครับ”
เมื่อจูหย่งวั่งได้ยินเช่นนั้น เขาก็พลันตกตะลึงจนตาค้าง…
“พวกคุณ…พวกคุณรู้ได้ยังไง”
เฉินชางยิ้ม “พวกเราติดต่อไปทางสำนักงานตำรวจน่ะครับ พวกเขาร่วมมือกับเราออกไปรับครอบครัวคุณเมื่อคืนนี้”
ทันทีที่จูหย่งวั่งได้ยินดังนั้น เขาก็ร้องไห้โฮออกมาทันที
ทำเอาฉินเย่วกับเฉินชางถึงกับตกตะลึง…
นานมากกว่าเขาจะสงบสติอารมณ์ลง
“ผมไม่อยากให้พวกเขาต้องมาเห็นพ่อตัวเองตกอยู่ในสภาพที่ดูหมดสภาพขนาดนี้! ผม…ผมแค่ต้องการจะเป็นฮีโร่ของพวกเขา ไม่ใช่ตกอยู่ในสภาพคนไร้ค่าเช่นนี้ เศษสวะในโรงพยาบาล ผม…ผมจะสู้หน้าพวกเขาได้ยังไง…”
เฉินชางกล่าวต่อ “การผ่าตัดจำเป็นต้องมีคนในครอบครัวมาด้วย คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เพราะคนในแผนกบริจาคเงินมาให้ผมแล้ว ถึงแม้ว่าค่าผ่าตัดของคุณจะฟรี แต่คุณต้องใช้เงินเป็นค่าที่พักค่าข้าวของภรรยากับลูกๆ คุณ”
พ่อไม่ใช่คนอ่อนแอ!
ฝากคุณหมอเฉินด้วยนะครับ คุณหมอเฉินคุณเป็นคนดี คุณช่วยติดต่อหน่วยงานที่รับบริจาคร่างกายให้ผมหน่อย ถ้าได้เงินค่าบริจาคก็มอบเงิบจำนวนนั้นให้ภรรยาผม…
แล้วก็ คุณช่วยบอกคุณหมอฉินหน่อยนะครับว่า เธอสวยมาก มีแค่คุณเท่านั้นที่คู่ควรกับเธอ ถ้าคุณหมอเห็นจดหมายฉบับนี้ ถึงตอนนั้นผมน่าจะตายไปแล้ว ผมอยู่…”
เฉินชางหน้าถอดสี!
เฉินชางรีบวิ่งออกไปเหมือนคนขาดสติ!
เขาเห็นจูหย่งวั่งอยู่ข้างนอกหน้าต่างตรงมุมที่ลับตา จูหย่งวั่งนอนพิงมุมกำแพง มือทั้งสองข้างกำมีดเอาไว้ สายทอดมองออกไปเบื้องหน้า ทว่าแม้เขายังไม่เสียชีวิต แต่…คงจะยื้อชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว
ดูเหมือนว่าภรรยาของจูหย่งวั่งจะสังเกตเห็นอะไรได้กะทันหัน เธอวิ่งตามเฉินชางไป
ในตอนที่ภรรยาของจูหย่งวั่งเห็นเขานอนอยู่ที่มุมกำแพง เธอโผเข้าหาเขาราวกับคนที่เสียสติไปแล้ว!
“ที่รัก เรื่องที่ผมอยากบอกอยู่ในโทรศัพท์มือถือทั้งหมดแล้ว บอกลูกด้วยว่า พ่อของพวกเขาไม่ใช่คนอ่อนแอ แล้วก็ไม่ได้ทำเรื่องไม่ดี คุณต้องให้พวกเขาตั้งใจเรียนนะ…”
หญิงสาวพยักหน้าไม่หยุด
จูหย่งวั่งมองเฉินชาง “คุณหมอเฉิน ครั้งนี้ผมหาหัวใจเจอแล้ว…”
เฉินชางกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตารินไหลเป็นสายน้ำ
“ที่รัก…อย่าให้ลูกๆ เห็นผมให้สภาพนี้ ผมกลัวว่าพวกเขาจะจดจำภาพนี้ไปตลอดชีวิต บอกพวกเขาว่าพ่อของพวกเขาเป็นฮีโร่ เป็นคนที่อุทิศตนทำความดีต่อสังคม!”
ภรรยาของเขาพยักหน้าไม่หยุด “ที่รัก…คุณเป็นฮีโร่ของฉันเสมอมา…”
ไม่ทราบว่าฉินเยว่ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอเห็นภาพเหตุการณ์นี้เช่นกัน
จูหย่งวั่งยิ้ม “คุณหมอเสี่ยวฉิน คุณสวยมาก มีแค่…มีแค่คุณหมอเฉินคนเดียวเท่านั้นที่คู่ควรกับคุณ…”
จูหย่งวั่งมองหน้าภรรยาของเขา “ที่รัก คุณอย่าตำหนิโรงพยาบาล พวกเขาทุกคนเป็นคนดี ผมเขียนพินัยกรรมเอาไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะบริจาคอวัยวะให้กับคนเหล่านั้นที่จำเป็น…อย่าตำหนิโรงพยาบาล…”
…
ป.ล. จูหย่งวั่งจากโลกใบนี้ไปแล้ว สิ้นสุดการเดินทางบนโลกมนุษย์ จุดจบในแบบที่เขาเลือกเอง
เขาต้องการตายอย่างสมศักดิ์ศรี!
ต้องการตายเยี่ยงวีรบุรุษ
เขาไม่อย่างดิ้นรนทุรนทุรายเหมือนคนขี้ขลาด
ทุกคนอาจจะรู้สึกรังเกียจจูหย่งวั่งในตอนแรกเริ่ม แต่…เขาคือคนพูดจริงทำจริงคนหนึ่ง เขาอ้อนวอนขอให้มีชีวิตรอด นี่เป็นทางเลือกเดียวของเขา
จะไร้เหตุผลก็ดี จะรู้สึกจงเกลียดจงชังและเคียดแค้นกับความไม่เป็นธรรมที่ต้องเผชิญก็ดี สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง
แต่คนธรรมดาๆ ก็เป็นฮีโร่ได้เช่นกัน!
คนธรรมดาที่ยอมตาย และยืดหยัดในสิ่งที่ปรารถนา
จูหย่งวั่งใช้การบริจาคครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขา ทำให้เขาได้กลายเป็นฮีโร่
เขาอยากจะบอกกับลูกๆ ของเขาว่าเขาเป็นฮีโร่
สำหรับผมแล้ว ผมไม่รู้สึกรังเกียจเขา
–
[1] หวังฝูจิ่ง ตลาดถนนคนเดินที่มีชื่อเสียง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ