เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ นิยาย บท 197

บทที่ 197 ม้าโลหิตล้ำค่าที่หายาก

ในตอนที่เฉินชางกลับเข้ามาที่ห้องผู้ป่วยอีกครั้ง ผู้ป่วยหยุดชักแล้ว ดูแล้วอาการชักน่าจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน

เมิ่งซีรับแฟ้มประวัติผู้ป่วยที่เฉินชางยื่นให้มา เธอเปิดแฟ้มประวัติอ่านผลตรวจกับรายงานผลภาพเอ็กซเรย์

เมิ่งซีโน้มตัวไปพูดกับผู้ป่วยทันทีหลังจากนั้น “ฉันขอตรวจคุณหน่อยนะคะ คุณนอนราบเลยค่ะ สะโพกตรง ไม่งอเข่านะคะ เหยียดตรงเลยค่ะ”

มือซ้ายของเมิ่งซีจับข้อเท้าผู้ป่วยไว้ จากนั้นก็หยิบปากกาหนึ่งด้ามออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ใช้ปลายทู่ของปากกาวาดลงบนฝ่าเท้าด้วยน้ำหนักมือที่เบาและเร็ว โดยเริ่มลากปากกาจากส้นเท้าไปจนถึงฝ่าเท้าส่วนบนใกล้นิ้วก้อย ลากต่อเนื่องไปยังบริเวณใต้นิ้วโป้ง

ปฏิกิริยาตอบสนองของผู้ป่วยที่เห็นคือนิ้วโป้งกระดกขึ้น นิ้วเท้าที่เหลืออีกสี่นิ้วกางออกเป็นรูปพัด

เฉินชางชะงักงัน ปฏิกิริยาสะท้อนกลับเป็นผลบวก?!

มุมปากของเมิ่งซียกขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ผลตรวจจะยังไม่ยืนยันชัดเจน แต่ในใจเธอก็เริ่มคิดไปต่างๆ นาๆ แล้ว

ดูเหมือนว่าผู้ป่วยก็ค่อนข้างรู้สึกกระวนกระวายใจ “คุณหมอครับ…ผมเป็นอะไรหรือครับ ทำไมอยู่ๆ มือกับเท้าของผมถึงกระตุกล่ะครับ”

เมิ่งซีกล่าวปลอบขวัญ “ไม่เป็นอะไรค่ะ ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวฉันรอให้หมอเก่อเอาผลแลปมาให้ดูก่อน”

อันที่จริงแล้วในตอนนี้เมิ่งซีวินิจฉัยได้แล้ว แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ยังคงจำเป็นที่จะต้องรอผลแลปอีกที

นักศึกษาปริญญาโทกับแพทย์ฝึกอบรมหนึ่งกลุ่มสวมชุดกาวน์ ในมือถือสมุดบันทึก เดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยด้วยสีหน้าขลาดกลัว แต่ก็อยากรู้ว่าโรคหัวใจประเภทไหนกันแน่ที่ทำให้เกิดอาการชักได้

หลังจากที่เดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยกันแล้ว แต่ละคนต่างก็เดินไปยืนเรียงหน้ากระดานชิดผนังกำแพง เพื่อให้มีพื้นที่ว่างข้างเตียงทั้งสองข้างสำหรับเดิน ถึงอย่างไรพวกเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าในกรณีที่เกิดอะไรกับผู้ป่วยขึ้นมา พวกเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ พื้นที่ข้างเตียงทั้งสองฝั่งกับบริเวณทางเดินจัดเป็นตำแหน่งพิเศษ คือตำแหน่งที่เตรียมไว้สำหรับสำหรับหัวหน้า

พวกเขาแค่ยืนตรงนี้อย่างเงียบๆ คอยดูการวินิจฉัยของหัวหน้าก็พอ!

ไม่นานเก่อฮว๋ายก็ถือผลแลปแผ่นยาวเหยียดกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามา กระดาษผลแลปยังไม่ทันได้ฉีกแยกออกเป็นแผ่นๆ

“หัวหน้าเมิ่งครับ คุณดูผลแลปนี่สิครับ”

เมิ่งซีรับผลแลปมา เธออ่านแลปหนึ่งรอบ แล้วเธอจึงค่อยรู้สึกโล่งใจ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง

เมิ่งซีถามเก่อฮว๋าย “ช่วงสองวันมานี้ใช้ยาอะไร”

เก่อฮว๋ายชะงักงันเล็กน้อย “ตอนนี้ยาที่ใช้ส่วนใหญ่ที่คือ ยาดิจิทาลิส[1] ยาขับปัสสาวะ ใช้กลุ่มยาป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลวเป็นหลัก”

หลังจากที่ฟังจบ เมิ่งซีขมวดคิ้วทันที เธอหันไปถามว่า “หลังจากที่รับผู้ป่วยเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว คุณใช้เกณฑ์อะไรในการพิจารณาเลือกแผนการรักษา”

เมื่อเมิ่งซีถามคำถามนี้ออกไป บรรยากาศภายในห้องผู้ป่วยก็กลายเป็นบรรยากาศที่เคร่งเครียดในทันที!

คำถามของเมิ่งซีทำเอาเก่อฮว๋ายถึงกับพูดอะไรไม่ออกในเวลาต่อมา “ผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วยแสดงให้เห็นว่า ST ต่ำ และ T เป็นแนวราบ บ่งชี้ว่าผู้ป่วยมีภาวะหัวใจขาดเลือด และผลการตรวจคลื่นหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (เอคโค) ก็แสดงให้เห็นได้ชัดว่าผู้ป่วยมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจชนิดห้องหัวใจขยายใหญ่ผิดปกติ ผนังกั้นห้องหัวใจหนาขึ้น การเต้นของหัวใจลดลง บวกกับภาวะลิ้นหัวใจไมตรัลรั่ว[2] อีกทั้งยังมีภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจเกิน[3]อย่างชัดเจน ผมเลยพิจารณามุ่งรักษาโรคหัวใจเป็นหลัก เพราะถึงยังไงตอนนั้น…ผลแลปยังไม่ออกมา”

เมิ่งซีไม่รอให้เก่อฮว๋ายอธิบาย เธอกล่าวขึ้นเลยทันทีว่า “ตอนนี้ผลแลปออกมาแล้ว คุณดูผลแลปสิ คุณพิจารณาดูสิว่าเกิดจากสาเหตุอะไร”

เก่อฮว๋ายหน้าแดงก่ำ ระหว่างทางเขาได้อ่านผลแลปแล้ว ทำไมเขาจะไม่เข้าใจสาเหตุ “น่าจะเป็นผลจากภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติกับภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ ส่งให้เกิดการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อจากพังผืดที่เกิดขึ้นภายในกล้ามเนื้อหัวใจ ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติส่งผลกระทบกับเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ การส่งสัญญาณไฟฟ้าภายในห้องหัวใจผิดปกติ ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ…

…และผู้ป่วยมีภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติเป็นระยะเวลานาน ก็เลยน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการเหน็บชาปลายมือปลายเท้าหรือเกิดอาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง ถึงขั้นที่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอาการชักเกร็ง”

นักศึกษาปริญญาโทที่อยู่รอบๆ ต่างก็เข้าใจถึงสาเหตุโดยฉับพลัน

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!

เมิ่งซีไม่ได้ตัดสินอะไรเก่อฮว๋าย เธอหันไปมองเฉินชาง “ค่าปกติของแคลเซียมในเลือดควรอยู่ที่เท่าไหร่ ช่วยเรื่องอะไร”

เฉินชางชะงักงัน คุณบีบให้ผมต้องอวดภูมิความรู้อีกแล้ว…

ผมได้รับถ่ายทอดทักษะการตีความสรีระและชีววิทยาทางคลินิกมาจากคุณฝางยงหลินโดยตรง ทักษะนี้จัดเป็นหนึ่งในสองทักษะระดับสมบูรณ์ที่ผมมีเชียวนะ!

เฉินชางแทบจะไม่มีการหยุดชะงักใดๆ เขากล่าวออกไปทันทีว่า “แคลเซียมในเลือดของคนปกติจะอยู่ที่ 2.25 – 2.75mmol/L แคลเซียมในเลือดที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์มีหน้าที่สำคัญคือ อันดับหนึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกและฟัน อันดับรองลงมาคือคงประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหัวใจให้ปกติ และอันดับสุดท้ายมีส่วนช่วยในการทำให้เลือดแข็งตัว ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการห้ามเลือดในกรณีเกิดบาดแผล”

เมิ่งซีชำเลืองตามองเฉินชางทันใด เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเฉินชางสงบราบเรียบ เธอก็ค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจ

นักศึกษาปริญาโทที่อยู่รอบๆ มีสีหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกคาดไม่ถึง ลูกพี่ท่านนี้ได้ซ้อมบทมาก่อนแล้วใช่มั้ยเนี่ย!

จะต้องใช่แน่ๆ!

ตั้งแต่เปลี่ยนเวรวันนี้ คุณอวดภูมิความรู้แบบนี้มาสามครั้งแล้ว

อย่าทำอีกล่ะ…ขืนคุณยังทำแบบนี้ต่อไปอีก มันจะเกินไปหน่อยแล้ว?

คุณทำแบบนี้ทำให้นักศึกษาปริญญาโทอย่างพวกเราดูเป็นไอ้โง่ชัดๆ…

คุณท่องข้อมูลพวกนี้มาก่อนหน้านี้แล้วชัดๆ ไม่งั้นก็ต้องผ่านการซ้อมบทมาก่อน เหตุการณ์วันนี้เป็นแค่การแสดงแน่ๆ

บรรดานักศึกษาปริญญาโทน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย คุณอวดภูมิความรู้แบบนี้ไม่นึกถึงความรู้สึกของพวกเราสักนิดเลย

ปกติแล้วคนเราจะจำข้อมูลเกี่ยวกับแคลเซียมได้มากแค่ไหนกัน พวกเรายังท่องการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดกันอยู่เลย (CBC) นี่คุณเริ่มท่องเกี่ยวกับรังสีรักษาแล้วหรือไง

สำหรับข้อบ่งชี้สำหรับวินิจฉัยโรค เป็นหนึ่งในความรู้พื้นฐานที่นักศึกษาแพทย์จำเป็นต้องรู้ โดยเฉพาะในเคสฉุกเฉิน ควรจะอ่านค่าผลแลปได้เข้าใจทะลุปรุโปร่ง

เมิ่งซียื่นผลแลปให้เฉินชาง “งั้นคุณดูนี่ คุณได้ข้อมูลอะไรจากผลแลปนี้”

เฉินซางรับผลแลปมาอ่านตามอำเภอใจหนึ่งรอบ ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย!

นี่ไม่น่าใช่โรคหัวใจธรรมดาทั่วไป

เฉินชางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “อาจารย์เมิ่งครับ นี่น่าจะเป็นโรคหัวใจที่เกิดจากภาวะพร่องพาราไทรอยด์”

เมื่อได้ยินคำตอบนี้เข้า เมิ่งซีอดหยุดชะงักไม่ได้

ส่วนนักศึกษาปริญญาโทคนอื่นๆ ต่างก็สบตากันไปมาพูดอะไรไม่ออกทำไรไม่ถูก สายตามองเหม่อ!

“คือโรคอะไร”

“อย่ามามองผม ผมจะไปรู้ได้ยังไงกันครับว่านั่นคือโรคอะไร!”

“ผมรู้จักแต่ภาวะพร่องพาราไทรอยด์[4] โรคหัวใจผมก็รู้จัก แต่ผมไม่รู้ว่าทำไมสองโรคนี้ถึงมาอยู่ด้วยกันได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ