บทที่ 558 สัตว์นำโชค – ตอนที่ต้องอ่านของ เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
ตอนนี้ของ เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายSlice of Lifeทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 558 สัตว์นำโชค จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 558 สัตว์นำโชค
เด็กอายุยังไม่ถึงสามขวบก็เล่นโทรศัพท์มือถือเป็นตั้งนานแล้วเขาเปิดคลิปเล่นไปเรื่อยด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคลิปกลั่นแกล้งคลิปนั้น
แผนกกุมารเวชรับตัวเด็กไปอย่างรวดเร็ว
หมอวินิจฉัยว่าเป็น ‘โรคลมบ้าหมูในเด็ก’!
เป็นเพราะหลังจากเด็กถูกทำให้ตกใจจึงมีอาการลมบ้าหมูกำเริบกะทันหัน เด็กไม่ได้สติตอนอาการกำเริบ แขนขาทั้งสี่ชักเกร็ง น้ำลายฟูมปาก ร้องไห้ตกใจเสียงดัง สีหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด กระสับกระส่ายเป็นต้น
อาการเหล่านี้เป็นอาการที่พบบ่อยของโรคลมบ้าหมูในเด็กกำเริบ
แต่การรักษาค่อนข้างยุ่งยาก ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
ในที่สุดตอนนี้ก็ไม่มีใครปกป้องหวังอี้เจ๋อแล้ว เขาต้องรับทั้งหมัดทั้งเท้าโดยหนีไม่ได้!
ยังดีที่ตำรวจมาขวางไว้ ตอนผู้หญิงคนนี้สติแตกขึ้นมาน่ากลัวกว่าผู้ชายเสียอีก!
ส่วนคุณครูหม่าก็รับยาสลายลิ่มเลือดสำเร็จแล้ว อาการเจ็บหน้าอกทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ต้องรักษาต่อเนื่องอีก แผนกโรคหัวใจรับตัวให้เข้าพักในโรงพยาบาลแล้ว
เมื่อเห็นหวังอี้เจ๋อถูกพ่อแม่ตบตีอยู่ที่แผนกฉุกเฉิน คุณครูหม่าก็บอกทันทีว่า “เลิกตีได้แล้วครับ ค่อยๆ สั่งสอนเด็กดีๆ สิ!”
น่าเสียดาย ไม่มีใครฟังเขา
กฎแห่งธรรมชาติมีวัฏจักร สวรรค์เคยละเว้นใครบ้าง
ตอนที่เด็กดื้อสร้างความเสียหายให้คุณครูหม่า ผู้หญิงคนนี้ใช้ความรักอันลึกซึ้งของแม่ปกป้องลูก
แต่ตอนที่เด็กดื้อสร้างความเสียหายให้เด็กน้อยซึ่งเป็นลูกของตัวเองเหมือนกัน นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
แต่พอลองคิดดูให้ละเอียด เรื่องนี้เป็นความผิดของหวังอี้เจ๋อคนเดียวจริงหรือ
เป็นหวังอี้เจ๋อต้องการให้น้องชายดูคลิปวิดีโอหรือเปล่า
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น สาเหตุเป็นเพราะอะไรกันแน่
ลองคิดให้ดีแล้วจึงจะรู้ว่าน่ากลัวมาก!
บางครั้งความผิดพลาดของแนวความคิดและวิธีการอบรมสั่งสอนก็อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวจริงๆ แต่สุดท้ายมันก็จะส่งผลกับคุณเอง
…
…
เรื่องของคุณครูหม่าผ่านไปแล้ว เฉินชางกับหวังเชียนกลับมาที่แผนกฉุกเฉิน
เฉินชางถอนหายใจ “พี่เชียน คุณเองก็กำลังจะเตรียมตัวเป็นพ่อคนแล้ว เตรียมตัวพร้อมหรือยัง”
หวังเชียนได้ยินแล้วอึ้งนิดหน่อย เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ทำให้เขาโมโหขึ้นมาจริงๆ
การตบตีลูกเป็นวิธีการสั่งสอนที่ถูกต้องจริงหรือ
หวังอี้เจ๋อทำผิดเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว เขาเพิ่งอายุสิบขวบ ทัศนคติในการมองโลกยังไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ เป็นช่วงที่ต้องหล่อหลอมให้เป็นรูปเป็นร่าง
แต่พ่อแม่ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ได้แต่โยนความผิดทั้งหมดไปลงที่ลูก แล้วตบตี
หวังเชียนยิ้มตอบ “ถึงตอนนั้นผมจะพาเขามาที่โรงพยาบาลด้วย พาเขามาทำงานด้วยทุกวัน คุณคิดว่ายังไงบ้าง”
เฉินชางกลอกตา “ผมรู้สึกว่าคุณจะอายุไม่ยืนแล้ว!”
หวังเชียนหัวเราะลั่น “ผมล้อเล่น…แต่ผมก็เห็นความสำคัญของสิ่งที่นายพูดแล้วจริงๆ การอบรมจากครอบครัวตอนวัยเด็กสำคัญขนาดนั้น เลิกคิดจะเดินทางลัดไปได้เลย…
…ผมกำลังคิดว่าจะให้เมียลาออกจากงานดีไหม ให้ตั้งใจเลี้ยงลูกอยู่บ้าน…
….ไม่อย่างนั้นผมงานยุ่งขนาดนี้ ต้องเลี้ยงไม่ไหวแน่”
เฉินชางพยักหน้า เป็นอย่างนั้นจริงๆ คนเป็นหมอ โดยเฉพาะหมอแผนกฉุกเฉิน ต้องตื่นเช้าเลิกงานดึกทุกวัน ทำงานล่วงเวลาเป็นเรื่องปกติ คุ้นเคยกับเตียงในโรงพยาบาลมากกว่าเตียงที่บ้านเสียอีก
ช่วงก่อนหน้านี้ หมอหู แพทย์ดูแลไข้ที่เข้าเวรบ่อยๆ หลังจากกลับบ้านแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าอยู่ดีๆ ก็พบว่าตัวเองนอนไม่หลับ
เพราะคุ้นเคยกับเตียงที่โรงพยาบาลไปซะแล้ว!
คุ้นเคยกับเตียงเดี่ยวในห้องเวรแล้ว พอกลับบ้านแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะนอนไม่หลับติดต่อกันหลายวัน เหล่าหูที่นอนไม่หลับได้แต่พลิกตัวไปมานอนคุยกับภรรยา มักรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ
เรื่องนี้ทำให้ภรรยาของเขาตื่นตกใจไปด้วย เธอนึกว่าสามีเจอดีเข้าแล้ว!
เธอที่ใส่ใจสามี จึงเปลี่ยนผ้าห่มและผ้าปูเตียงใหม่หมดแล้ว
เหล่าหูอารมณ์ดีเพราะเรื่องนี้หลายวัน คุณภรรยาอ่อนโยนจิตใจงาม จัดการงานในบ้านได้อย่างมีระบบระเบียบ เพื่อที่จะต้อนรับเขา เธอเปลี่ยนทุกอย่างใหม่หมด
ถ้ายังไม่เข้ามาอีก คนพวกนี้คงจะนินทาว่าเขาเป็น ‘ศาสตราจารย์เฉินที่มาจากดาวดวงอื่น’ แล้ว
“คุณหมอเสี่ยวเฉินคะ ให้ฉันแนะนำแฟนให้มั้ย” เล่อเล่อตาเป็นประกายเหมือนดวงดาว
เฉินชางกลอกตา “คุณกินของคุณไปเถอะ!”
…
“ชางเอ๋อร์ ทำไมช่วงนี้ตอนคุณออกไปรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินแล้วต้องลากผมไปด้วยตลอด” จู่ๆ หวังเชียนก็ถาม
ฉางลี่น่าที่อยู่ข้างๆ แซวทันที “นี่ๆๆ…พี่เชียน พูดอะไรน่าเกลียดเกินไปแล้ว”
“คุณอยากฟังความจริงหรือคำโกหกล่ะ” เฉินชางก็งงเหมือนกัน
หวังเชียนคิดครู่หนึ่งแล้วถามกลับว่า “คำโกหกไพเราะไหมล่ะ”
เฉินชางพยักหน้า “หอมเหมือนผายลมสีรุ้ง[1]เลยละ!”
หวังเชียนได้ยินแล้วพอใจ ตอบทันทีว่า “งั้นก็เอาความจริงแล้วกัน”
เฉินชางยังไม่ทันตอบ เสี่ยวหลินก็เริ่มหัวเราะแล้ว “พี่เชียน คุณรู้หรือเปล่าว่าวันนี้เช้าตอนจะออกไปข้างนอก ทำไมหมอเฉินถึงให้ฉันกลับมาเรียกคุณ”
หวังเชียงได้ยินแล้วงง “ก็ต้องเป็นเพราะฉันฝีมือดีอยู่แล้วสิ เวลาออกไปช่วยชีวิตคนเหมือนจะ…ไม่เคยมีใครตายเลย!”
พอพูดถึงตรงนี้ แม้แต่หวังเชียนเองก็ยังอึ้งเลย!
“แม่งเอ๊ย ผมก่งขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมผมถึงไม่สังเกตเห็นเลยนะ!”
เฉินชางเอามือปิดหน้าถอนหายใจ อย่างเจ้าหมอนี่ต้องเรียกว่าเทพแห่งความโชคดีแล้ว
เสี่ยวหลินหัวเราะลั่นทันที “ไม่ใช่เพราะอย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ หมอเฉินบอกว่า พี่เชียนหน้าขาว พาออกไปด้วย…คิดซะว่าเป็นสัตว์นำโชค วันนี้คุณครูหม่าไม่เป็นอะไร ถือเป็นความดีความชอบของคุณเลยนะคะ!”
พอเธอพูดประโยคนี้ออกมา ก็เรียกเสียงหัวเราะของทุกคนในห้องทันที
หวังเชียนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนเหม่ออยู่ที่เดิม
ส่วนเฉินชางก็เกาศีรษะ แล้วพูดพร้อมยิ้มเก้อเขิน “เดี๋ยวคืนนี้ผมเลี้ยงกลูโคสคุณ เอาแบบที่กินแล้วอิ่ม”
[1] ผายลมสีรุ้ง 彩虹屁 ศัพท์แสลง หมายถึงพูดอวยเกินความจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ