เหล่าหยางขับรถกู้ภัยมาทั้งชีวิต จากรถตู้จินเปยในตอนแรกจนถึงรถเบนซ์ 416 การเปลี่ยนแปลงของรถทำให้เห็นการพัฒนาการของเมืองอันหยางในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
การออกเดินทางครั้งนี้ เหล่าหยางขับรถเบนซ์ 416 มีกำลังเพียงพอ ความเร็วสูงสุดสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะเดียวกันก็สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงก็มากเช่นกัน
รถแบบนี้ไม่ได้ราคาถูกเลย รถเบนซ์กู้ภัยชุดหนึ่ง ราคากว่าหนึ่งล้านสี่แสน นี่เป็นแค่อุปกรณ์มาตรฐาน!
แน่นอนว่าไม่เพียงแค่ราคารถเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์เฉพาะทางอย่างอุปกรณ์จ่ายออกซิเจน เครื่องช่วยการไหลเวียนฆ่าเชื้ออากาศ เครื่องติดตามสัญญาณชีพ เครื่องช่วยหายใจ เครื่องกระตุ้นหัวใจ…
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ผลิตรถกู้ภัยได้ โรงงานผลิตไม่จำเป็นต้องหรูหรา แต่โดยพื้นฐานต้องมีความน่าเชื่อถือ และจินเปยก็เป็นแบรนด์เก่าแก่ของประเทศ
อย่างไรก็ตาม…ข้อบกพร่องของรถเบนซ์ 416 ก็เห็นได้ชัดมาก การลดแรงกระแทกอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง กู้ภัยในเมืองคล่องตัวมาก!
แต่เดินทางบนเส้นทางภูเขาแบบนี้ กลับทำให้เฉินชางรู้สึกว่าตนเองล่องลอยเล็กน้อย…
รถเบนซ์ 416 แสดงประสิทธิภาพออกมาไม่ได้เลย แม้แต่การบังคับเลี้ยวและความยืดหยุ่นก็ยังไม่ดีเท่าจินเปย
การกู้ภัยเส้นทางภูเขาแบบนี้ ความจริงเป็นบททดสอบที่ยากมากสำหรับคนขับรถกู้ภัย!
เสี่ยวหลินที่นั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับค่อยยังชั่ว ส่วนเฉินชางที่นั่งอยู่ด้านหลัง หลังจากลงจากรถ เขาก็รู้สึกฝีเท้าล่องลอยเล็กน้อย
ผู้อำนวยการของศูนย์สุขภาพเมืองหนานเฉียวรออยู่หน้าประตูแล้ว เห็นพวกเฉินชางลงมาก็มีสีหน้าดีใจ รีบเข้าไปต้อนรับ
“สวัสดีครับผู้เชี่ยวชาญ!” ผู้อำนวยการกระตือรือร้นมาก เรียกผู้เชี่ยวชาญไม่ขาดปาก ทำให้เฉินชางไม่ชินนัก
หลังจากทักทายกันแล้ว พวกเขาก็เดินเข้าไปทันที
การพัฒนาของศูนย์สุขภาพที่นี่ถือว่าใช้ได้ ตึกผู้ป่วยในสี่ชั้นดูมีประโยชน์ใช้สอย
เฉินชางขึ้นตึกไปพร้อมผู้อำนวยการ ส่วนเหล่าหยางกลับรถ เตรียมขนย้าย
โดยทั่วไป ถ้าเขาออกไปรักษาคนไข้นอกสถานที่กับเฉินชาง เขาจะคอยช่วยอยู่ข้างหลัง หากในสถานการณ์ที่ไม่ขาดกำลังคน เหล่าหยางเองก็ไม่อยากสอดมือเข้ามายุ่ง
ส่วนเสี่ยวหลินถือกล่องพยาบาลตามหลังเฉินชางไปติดๆ อย่างว่าง่าย
ทำงานแผนกฉุกเฉินมาหลายปี ที่จริงความสามารถของเสี่ยวหลินไม่ใช่เพียงแค่พยาบาลคนหนึ่งแล้ว เผลอๆ ความสามารถในการกู้ชีพของเสี่ยวหลินอาจจะเหนือกว่าผู้อำนวยการที่อยู่ตรงหน้าด้วยซ้ำ
ชั้นสองเป็นแผนกโรคหัวใจ หลังจากคนทั้งกลุ่มเข้าห้องผู้ป่วยไป ในที่สุดเฉินชางก็เจอคนไข้ เป็นหญิงชราอายุเจ็ดสิบเอ็ดปี ตอนนี้เธอนอนอยู่บนเตียง เตียงถูกเขย่าขึ้นมา เธอหายใจถี่ หอบไม่หยุด!
ดวงตาง่วงงุนปิดอยู่ตลอดเวลา เสียงลมหายใจที่ดูถี่และรุนแรงฟังไม่รู้ว่าเป็นเสียงกรนหรือเสียงอาการอื่น
ตรงจมูกมีท่อออกซิเจน ใบหน้าซีดเซียวเจ็บปวด!
แวบแรกเฉินชางก็ดูออกว่าเรื่องราวเหมือนไม่ได้ง่ายอย่างที่จินตนาการไว้!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางนึกถึงความเป็นไปได้ของอาการหัวใจล้มเหลวเป็นอันดับแรก!
คนไข้สูงอายุที่กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ช่วงที่โรคกำเริบอาจจะเกิดอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้
หมอผู้ดูแลเป็นชายหนุ่มที่ระดับชั้นต่ำกว่าเฉินชางด้วยซ้ำ แต่จากระดับความอ้วนท้วนสมบูรณ์ คงทำงานมานานแล้ว
แต่แน่นอนว่าเฉินชางไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขกับเขามากนัก ถึงอย่างไรหากพูดตามตรง สมัยนี้คนที่มาทำงานที่ศูนย์สุขภาพได้มีไม่มาก ยังจะมีเงื่อนไขมากมายอะไรได้
ตอนแรกเฉินชางอยากถามสถานการณ์สักหน่อย คิดไปคิดมาก็เดินนำไปถึงข้างเตียงผู้ป่วยก่อนจะเลิกผ้าห่มขึ้นดูน่องและขา
ญาติคนไข้เป็นหญิงชนบทคนหนึ่ง น่าจะเป็นลูกสะใภ้ แต่ดูแลอยู่ข้างๆ เป็นอย่างดี
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจข้างขวาล้มเหลวจะมีอาการบวมน้ำ แต่หญิงชราไม่มีสัญญาณเลยสักนิด ขาไม่บวม บนใบหน้าก็ไม่มีร่องรอยการบวมน้ำมากนัก
เฉินชางเห็นหญิงชรานั่งตัวตรงหายใจหอบ ความจริงรู้สึกไม่เหมือนคนไข้หัวใจข้างขวาล้มเหลวตั้งแต่แรกแล้ว กลับเหมือนภาวะหัวใจข้างซ้ายล้มเหลวทั่วไปมากกว่า ถึงอย่างไรอาการหายใจลำบาก นั่งตัวตรงหายใจก็เป็นอาการทั่วไปของภาวะนี้
เฉินชางไม่ได้ตรวจดูต่อ ตอนนี้เองผู้ป่วยลืมตาขึ้น พอเห็นเฉินชางก็ยิ้ม
เธอเป็นหญิงชราที่ยิ้มแล้วดูมีเมตตามาก ท่าทางเป็นมิตร
เฉินชางมองหญิงชรา ถามคำถามง่ายๆ หลายคำถาม อย่างเช่นอายุเท่าไร มีปัญหาด้านการนอนหลับหรือไม่ เป็นต้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ