เฉินชางรีบพูด “ลากเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจมาหน่อยครับ”
คุณหมอให้ความร่วมมืออย่างดี ไม่นานก็ตรวจเสร็จ
เฉินชางมองดูภาพคลื่นหัวใจ หลังจากเทียบกับของสองสามวันก่อน ก็เริ่มค่อยๆ เข้าใจทุกอย่างแล้ว!
แต่เฉินชางยังไม่ได้พูดออกมา เขายังต้องยืนยันคำวินิจฉัยในใจอีกทีหนึ่ง
พอคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รีบเอ่ยถาม “ตอนที่คุณยายพึ่งมานอนโรงพยาบาลเคยได้รับการตรวจฟังเสียงหัวใจไหมครับ”
พอหมอเจ้าของไข้ได้ยินเข้าก็หน้าแดงไปครู่หนึ่งทันที
บนประวัติเข้าโรงพยาบาลเขียนไว้แล้ว แต่…หลักๆ ก็มีแต่เขียนตามแบบฟอร์ม ไม่ได้มีสาระอื่นใด
เฉินชางอ่านชาร์ตคนไข้แล้วถามตัวเองอีกครั้ง เขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้ชี้ออกมาก็เท่านั้น
ไม่อย่างนั้นหมอเจ้าของไข้ที่อยู่ต่อหน้าผู้อำนวยการกับครอบครัวจะอับอายขนาดไหน!
หมอหนุ่มมองเฉินชางอย่างซาบซึ้งแล้วพยักหน้า “ฟังเสียงมาแล้วครับ”
เฉินชางไม่ได้สงสัย เพราะสำหรับหมอแผนกโรคหัวใจแล้ว นี่เป็นการตรวจตามปกติ อาจจะขี้เกียจเขียนในชาร์ตคนไข้ แต่การดำเนินการเข้าโรงพยาบาลตามปกติก็ต้องทำอยู่ดี!
เขาถามต่อ “อ๋อ งั้นตอนนั้นคุณได้ยินเสียงฟู่หรือเปล่าครับ”
พอหมอได้ยินคำถามของเฉินชางก็ขมวดคิ้ว หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็ส่ายหัว “ไม่ได้ยินครับ ตอนที่มายังดีๆ อยู่เลย”
เฉินชางถามต่อ “เมื่อวานล่ะ คุณได้ฟังเสียงหรือเปล่า มีเสียงฟู่ไหม”
หมอพูดตามจริงโดยไม่ปิดบัง “เมื่อวานไม่มีครับ ตอนที่ผมเห็นอาการของคุณยาย สิ่งที่ผมคิดคือหัวใจข้างซ้ายล้มเหลวเฉียบพลัน เลยใช้ยาโรคหัวใจกับยาขับปัสสาวะ แต่…เหมือนอาการจะไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่เห็น”
“โทรหาโรงพยาบาลเขต อีกฝ่ายก็ไม่รู้แน่ชัด ไม่กล้าพาผู้ป่วยออกไป” พูดถึงตรงนี้ หมอก็จนใจ
แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่พบได้บ่อย หลายครั้งถ้าวินิจฉัยโรคไม่ชัดเจน โรงพยาบาลระดับปฐมภูมิจะไม่อยากรับความเสี่ยง ผู้ป่วยฉุกเฉินที่หัวใจวายเฉียบพลันบวกกับโรคแทรกซ้อนที่ไม่แน่ชัดคนหนึ่งยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ถ้าเรื่องนี้มีปัญหา ลูกชายห้าคนกับลูกสาวสองคนนี้ก็ทำให้พวกเขางานเข้าได้เหมือนกัน!
พอเฉินชางได้ยินคำพูดของหมอเจ้าของไข้แล้ว เบาะแสในใจก็เริ่มชัดเจนขึ้นทันที
ตอนนี้ผู้อำนวยการอดถามไม่ได้ว่า “คุณผู้เชี่ยวชาญ คุณคิดว่าเกิดอะไรขึ้นครับ”
หลังจากเฉินชางนิ่งเงียบไปพักใหญ่ก็พูดขึ้นว่า “ดูจากภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจของคุณยายแล้ว กราฟ ST สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามที่คุณบอกว่าหลังจากใช้ยาแล้วไม่มีแนวโน้มจะลดลง ผมคิดว่าตอนนี้ผู้ป่วยเกิดภาวะหลอดเลือดผนังห้องหัวใจล่างโป่งพองไปแล้ว!”
พอเฉินชางพูดแบบนี้ออกมา พวกหมอก็สบตากันทันที พวกเขาค่อนข้างงงอยู่บ้าง
ภาวะหลอดเลือดผนังห้องหัวใจล่างโป่งพองคืออะไร
สำหรับหมอโรงพยาบาลระดับปฐมภูมิอย่างพวกเขาแล้ว คำคำนี้เป็นคำที่พบได้ยาก ไม่เคยได้ยินสักครั้ง
พอคิดถึงตรงนี้ พวกเขาก็หน้าแดงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ถอนหายใจอย่างจนใจ
เฉินชางไม่ได้รำคาญใจกับคำถามนี้ เพราะเรื่องนี้จะโทษพวกเขาไม่ได้ หลังจากพาพวกเขาออกไปจากห้องผู้ป่วยมาที่ห้องทำงานหมอในแผนกแล้วจึงพูดว่า “ตอนที่ผมฟังเสียงหัวใจพบว่าตำแหน่งยอดหัวใจมีเสียงฟู่ตอนบีบตัว นอกจากนี้ยังสั่นในระดับต่างกันไป แต่ตามที่คุณพูด ก่อนหน้านี้ไม่มีเสียงฟู่ ที่มาของเสียงฟู่นี้ก็ชัดเจนมาก เลยคิดว่าเกิดขึ้นจากผนังกั้นหัวใจห้องล่างฉีกขาดหลังหัวใจวาย”
“ตอนที่ผนังกั้นหัวใจห้องล่างฉีกขาด เลือดจะเริ่มไหลจากซ้ายไปขวา การไหลเวียนเลือดเกิดการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ!”
แพทย์เจ้าของไข้เอ่ยถามอย่างสงสัย “งั้น…ผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวไหมครับ”
เฉินชางส่ายหน้า “ก็ใช่ว่าจะไม่ล้มเหลวครับ หลังจากการไหลเวียนเลือดเปลี่ยนไป เลือดส่งออกมาจากหัวใจไม่พอ ปริมาณการไหลเวียนเลือดเปลี่ยนแปลงส่งผลให้เกิดเป็นหัวใจวายเฉียบพลันลักษณะนี้ครับ”
พอพูดจบ เฉินชางก็สรุปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ตอนนี้ดูท่าอาการผู้ป่วยจะอันตรายนะครับ อาจเสียชีวิตเมื่อไรก็ได้!”
คำพูดเดียวของเฉินชางทำให้คนที่อยู่รอบๆ งุนงงทันที
แพทย์เจ้าของไข้ถึงกับสับสน ต่อให้เขาไม่เคยได้ยินโรคนี้มาก่อน แต่เขาเข้าใจประโยคสุดท้ายของเฉินชางอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง!
อาการอันตราย อาจเสียชีวิตเมื่อไรก็ได้!
ประโยคนี้ทำให้พวกลูกชายที่รีบร้อนมาตกใจกันหมด!
“หมอ คุณต้องช่วยแม่ผมนะ!”
“นั่นสิ! หมอ เรื่องเงินไม่ต้องห่วงเลย พวกเราพี่น้องจะหามาให้เอง ช่วยแม่ผมเถอะ!”
ตอนนี้ผู้อำนวยการยังผงะไป เขารู้ว่าผู้ป่วยต้องไม่ได้เป็นโรคธรรมดาอย่างนั้นแน่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะอันตรายขนาดนี้
เขาคิดถึงตรงนี้แล้วจึงรีบถามว่า “คุณผู้เชี่ยวชาญ งั้นจะทำยังไงดี”
พอเฉินชางได้ยินก็เริ่มไตร่ตรอง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ