เฉินชางคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงต่อสายไปหาฉินเยว่คนขี้ประจบ
เขาคิดหากมีสาวสวยเจริญหูเจริญตามาจับจ้องตนตอนผ่าตัดสักหน่อยก็เป็นเรื่องน่ายินดี
แน่นอนว่าอย่างไรฉินเยว่ก็จบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเซียงหย่าจริงๆ ย่อมมีฝีมืออยู่บ้าง
เพียงแต่หวังหย่ง…
จืดชืด ไร้รสชาติ!
แล้วเฉินชางคนเดียวทำได้หรือเปล่า?
แน่นอนว่าได้!
แต่เมื่อเฉินชางคิดว่าหวังหย่งเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นระบบศิษย์อาจารย์ จึงคิดจะให้โอกาสเขาสักครั้ง อยากชี้แนะให้เขาฝึกฝน
ส่วนฉินเยว่…หากจะบอกว่าเพราะรู้สึกเบื่ออย่างเดียวก็ไม่ใช่ เฉินชางยังไม่ว่างขนาดคิดหาเรื่องให้ตัวเอง
สาเหตุสำคัญยังคงเป็นเพราะงานของฉินเยว่ ตอนนี้เธอทำงานทางด้านการเก็บข้อมูลและวิจัยเกี่ยวกับการผ่าตัด เฉินชางลองประเมินดูแล้ว เขาคิดว่าตนต้องทำงานร่วมกับฉินเยว่ให้มากสักหน่อย เพื่อหาผลสรุปในด้านประสบการณ์การผ่าตัดของตนเองว่าจะนำไปเขียนเป็นวิทยานิพนธ์ได้หรือไม่
ห้องผ่าตัดถูกเตรียมเรียบร้อยแล้ว ผู้ป่วยคนแรกยังไม่ได้รมยา เขาเป็นนิ่วในถุงน้ำดีที่อักเสบเฉียบพลัน จากผลอัลตร้าซาวด์พบว่ามีการขยายตัวของถุงน้ำดีด้วย!
เนื่องจากสือน่ายังรู้สึกไม่วางใจ เธอจึงตัดสินใจตามมาดูเฉินชางในการผ่าตัดเคสแรก และให้ฉินเยว่ไปเข้าเวรแทนตน
ฉินเยว่เดินมาที่ห้องทำงานด้วยความรู้สึกแปลกใจ ส่วนสือน่าตามเฉินชางเข้าไปในห้องผ่าตัดแล้ว
ฉินเยว่อดถามพยาบาลเวรไม่ได้ว่า “เฉินชางมีผ่าตัดอะไรหรือคะ?”
พยาบาลชะงักไปครู่หนึ่ง “น่าจะเป็นผ่าตัดถุงน้ำดีค่ะ ฉันเช็คแล้ว เป็นผู้ป่วยเตียงสิบสองค่ะ”
ฉินเยว่ได้ยินดังนั้นก็ก้าวฉับๆ ไปที่ห้องทำงานแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ดูประวัติผู้ป่วยเตียงสิบสองทันที
บันทึกก่อนการผ่าตัดถูกเขียนเรียบร้อยแล้ว! เป็นการผ่าตัดถุงน้ำดีด้วยกล้องเอนโดสโคป จากการวินิจฉัยก่อนการผ่าตัดพบว่าเป็นถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน และมีการขยายตัวของถุงน้ำดีด้วย
เฉินชางผ่าตัดถุงน้ำดีได้ด้วยหรือ?
โอ้โห?
จริงหรือเนี่ย?
ขณะนั้นเอง หวังหย่งวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นฉินเยว่นั่งอยู่ในห้องทำงานก็มีสีหน้าไม่พอใจ
“เฉินชางล่ะครับ?” หวังหย่งถามเสียงหอบ
ฉินเยว่กล่าวตอบ “ไปผ่าตัดกับอาจารย์สือแล้วค่ะ คุณมาทำไมคะ?”
หวังหย่งถอนใจอย่างจนใจ “ตอนนี้ผมเป็นผู้ติดตามของลูกพี่เฉินแล้วครับ ลูกพี่เฉินโทรหาผม ผมเลยต้องรีบมายังไงล่ะ!”
ฉินเยว่ได้ยินก็หัวเราะออกมา
หวังหย่งถลึงตาใส่ฉินเยว่ “คุณยังมาหัวเราะผมอีก คุณกับผมไม่เหมือนกันหรือไง? ก็เป็นผู้ติดตามของเฉินชางเหมือนกันนั่นแหละ”
คำพูดนี้ของเขาทำให้ฉินเยว่โกรธจนรู้สึกเหมือนสมองระเบิดดังตู้ม!
หวังหย่งหัวเราะ “ดูสิ ผมว่านะ คุณตอนโกรธยังดูดีกว่าตอนหัวเราะอีก”
ฉินเยว่รู้สึกอยากอัดคนจริงๆ!
หวังหย่งอดถามไม่ได้ “เฉินชางผ่าตัดอะไรหรือครับ? ตอนโทรหาผมเขาไม่ได้บอกให้ชัด”
ฉินเยว่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ดูเองสิ!”
หลังจากดูเสร็จหวังหย่งก็ชะงักไปครู่หนึ่ง “ผมตกใจเลยนะครับเนี่ย ผ่าตัดถุงน้ำดี เฉินชางทำการผ่าตัดนี้ได้ด้วยหรือ? เขาผ่าตัดกับอาจารย์สือสินะครับ?”
ฉินเยว่ส่ายหน้า “อาจารย์สือเป็นหมอศัลยกรรมกระดูกนะคะ! ไม่เคยผ่าตัดถุงน้ำดีเลย ฉันติดตามอาจารย์สือมานานขนาดนี้ยังไม่เคยเห็นเธอผ่าตัดถุงน้ำดีเลยสักครั้ง”
หวังหย่งได้ยินพลันเบิกตากว้าง “คุณจะบอกว่า…อาจารย์สือไปเป็นผู้ช่วยให้เฉินชางหรือครับ? ส่วนเฉินชางเป็นศัลยแพทย์หลัก?”
ฉินเยว่ได้ยินดังนั้นพลันมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที ดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วยิ่งเบิกว้างเข้าไปใหญ่ จนดูเหมือนตัวการ์ตูนอย่างไรอย่างนั้น “เฉินชางเก่งขนาดนี้เลยหรือ?”
ทันใดนั้น ทั้งสองรู้สึกคันปากอยากซุบซิบขึ้นมาโดยพลัน
……
……
ภายในห้องผ่าตัด วิสัญญีแพทย์รมยาให้ผู้ป่วยเรียบร้อยแล้ว
การผ่าตัดถุงน้ำดีค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลานาน ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นการผ่าตัดถุงน้ำดีด้วยกล้องอีกด้วย
สือน่ารู้สึกใจสั่นจนแน่นหน้าอก เพราะจะอย่างไรเธอก็ผ่าตัดประเภทนี้ไม่เป็น ทำให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ตลอด!
การผ่าตัดไม่ใช่การเชือดหมูที่แค่ลงมีดไปก็สำเร็จ การผ่าตัดคือการช่วยชีวิตคน คุณไม่อาจสะเพร่าได้แม้แต่น้อย
เมื่อมายืนอยู่ในห้องผ่าตัด สือน่าพลันมองไปยังเฉินชางด้วยความกังวล
ทำไมถึงรู้สึกว่าห้องผ่าตัดวันนี้ดูแคบลงล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ