เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 128

เห็นลูกสาวยิ้มทั้งน้ำตา ทำให้รู้สึกเสียใจและสิ้นหวังมากกว่าร้องไห้เสียอีก ในใจของเอี๋ยนจื้อโก๋วมีความรู้สึกหลากหลายผสมกัน เกลียดตัวเองที่ไม่มีเงินไม่มีความสามารถ ทำให้ลูกต้องมาได้รับความทุกข์ยากลำบาก.....

“พ่อจะไม่สนใจแกได้ยังไง?” เอี๋ยนจื้อโก๋วหยิบม้วนเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกง ยัดใส่มือของลูกสาว “เสี่ยวเนี่ยน แกไปสถานีตำรวจท้องที่กับพ่อ พ่อมีเพื่อนคนนึงที่มีความเจริญก้าวหน้าแล้ว ตอนนี้เป็นรองหัวหน้าสำนักงาน พ่อจะขอให้เขาช่วยแกหาต้าฟา”

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ได้เอ่ยพูด พลิกเงินที่อุ่นๆในมือ แสบจมูกแล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง

เธอรู้ว่าพ่อไม่ได้ควบคุมอำนาจทางการเงินในบ้าน แม้แต่เงินเดือนก็ไม่ได้อยู่ในมือของตัวเอง หวงฟางก็ชอบคิดเล็กคิดน้อย เงินเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะไม่มาก แต่พ่อกลับประหยัดมาจากปากของตัวเอง

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยรับน้ำใจของพ่อเอาไว้ แล้วเช็ดน้ำตาแรงๆ แล้วยิ้มกับพ่ออีกครั้ง “พ่อ กระเป๋าของหนูยังอยู่ที่เซียงเจียงเลคไซด์วิลล่าแอเรีย โทรศัพท์มือถือ เอกสารอะไรนั่นก็ล้วนแต่อยู่ในนั้น พ่อช่วยหนูหาหน่อยนะคะ พ่อ พ่อจะต้องรักษาสุขภาพให้ดีนะ หนูมีธุระต้องไปก่อนแล้ว”

พูดจบแล้วก็ไม่รอให้พ่อตอบกลับ เธอหันหลังวิ่งออกไปด้วยความรู้สึกแย่ที่มีอยู่ภายในใจ

“เสี่ยวเนี่ยน แกจะไปไหน? คืนนี้กลับไปพักที่เซียงเจียงเลคไซด์วิลล่าแอเรียสิ....” เอี๋ยนจื้อโก๋วตะโกนตามหลังไป ตามออกมาตรงทางเดินมองซ้ายขวา ก็ไม่เห็นเงาของลูกสาวแล้ว

เอี๋ยนจื้อโก๋วร้อนใจเสียจนความดันขึ้นสูง กุมศีรษะนั่งลงไป หลังจากที่ได้ยินจากเสี่ยวเนี่ยนแล้ว เขาก็เดาได้เลยว่าทั้งหมดนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับหวงฟางอย่างแน่นอน ในใจก็เกิดความรู้สึกเกลียดชังขึ้นมา

ตั้งแต่ที่เสี่ยวเนี่ยนมาที่บ้านนี้ ภรรยาคนนี้ก็ไม่ให้เขารู้สึกสบายใจเลย แต่ละวันก็จะเอาแต่คอยส่งเสี่ยวเนี่ยนออกไป แต่เขาจะทำใจได้อย่างไรกัน....

เมื่อก่อนเอี๋ยนจื้อโก๋วเป็นนักปรากฏการณ์วิทยา ตอนที่ยังวัยรุ่นก็คอยวิ่งติดตามฤดูกาลอยู่ภายนอก ศึกษาดอกไม้พืชพันธุ์ และความลึกลับของธรรมชาติ หลังจากที่อายุมากขึ้น ก็มาเป็นศาสตราจารย์ที่สถานบันจู๋เค่อเจิน ตอนนี้ก็เกษียณอายุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ยี่สิบกว่าปีก่อน เขาเคยเป็นสมาชิกของทีมสำรวจชีวภาพทีมหนึ่ง มีครั้งหนึ่งที่ได้รับภารกิจจากทางเบื้องบน ให้ไปค้นหาแพนด้าตัวใหญ่ในป่าที่เก่าแก่ภูเขาลึก และนับว่าเขาโชคดี ก็พบเจอเจ้าตัวใหญ่นี้ด้วยจริงๆ

แพนด้าตัวนี้นั่งอยู่บนใบไผ่หันหลังให้เขา ในอ้อมกอดนั้นประคองอะไรอยู่ คงจะกำลังป้อนอาหารให้ลูกอยู่

แล้วก็พบกับหมีแพนด้าสองตัว เอี๋ยนจื้อโก๋วก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะทำให้แม่ลูกหมีแพนด้านั้นตกใจ เพียงแค่หลบคอยสำรวจอยู่ทางด้านหลังป่าไผ่เพียงเท่านั้น ถ่ายรูปไปสามสี่รูป ทำเครื่องหมายเอาไว้ แล้วเตรียมกลับไปรายงานข่าว และตอนที่คิดจะกลับไปนั้น เสียงกระซิบเบาๆของเด็กทารกก็ดังเข้ามาในหูของเขา

เอี๋ยนจื้อโก๋วอดที่จะชะงักเท้าลงไม่ได้ ในใจเกิดความสงสัย เสียงงร้องเรียกของลูกหมีแพนด้าไม่ใช่แบบนี้! เขาอ้อมไปทางด้านหน้าของหมีแพนด้าตัวใหญ่ ถึงได้พบว่าในอ้อมกอดของมันนั้นไม่ใช่ลูกแพนด้าตัวน้อย แต่เป็นเด็กทารกที่ตัวขาวสะอาดคนหนึ่งนั่นเอง!

เรื่องราวแปลกประหลาดแบบนี้ไม่คิดว่าจะถูกเขาพบเจอเข้า! เอี๋ยนจื้อโก๋วตกตะลึงไป ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร เขาเป็นคนดี รู้ดีว่าเส้นทางของสัตว์กับมนุษย์นั้นแตกต่างกัน หลังจากที่ต่อสู้กับความคิดแล้ว ก็ตัดสินใจช่วยเด็กคนนี้เอาไว้แล้วพากลับมาเลี้ยงดูให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่

หลังจากที่หมีแพนด้าป้อนนมเสร็จแล้ว ก็กอดทารกงีบหลับไป เอี๋ยนจื้อโก๋วไม่กล้าเข้าไปข้างหน้าอย่างสะเพร่า ก็นั่งรออยู่ทางด้านหลังป่าไผ่นั้น ในที่สุดก็รอจนหมีแพนด้าออกไปขุดหน่อไม้ เขาก็ถอดเสื้อออกแล้วอุ้มเด็กขึ้นมา......

หมีแพนด้าตัวใหญ่พบว่าเด็กไม่อยู่แล้วนั้น ก็คำรามออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความโกรธ เอี๋ยนจื้อโก๋วได้ยินแล้วรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก กลัวว่าหมีแพนด้าจะได้กลิ่นแล้วตามมา จึงวิ่งออกไปไกลเป็นสิบกว่าไมล์รวดเดียว ถึงได้พบว่าตัวเองวิ่งมาผิดทางแล้ว เป็นการแยกจากทีมสำรวจโดยสิ้นเชิง

ในตอนนั้นการเดินทางไม่รุ่งเรืองนัก เอี๋ยนจื้อโก๋วพาเด็กบุกป่าฝ่าดงไปตลอดทาง ผ่านหมู่บ้านก็หยุด แล้วขอนมให้เด็กดื่ม หยิบยืมนมไม่ได้ก็เคี้ยวเม็ดเกาลัด เพื่อป้อนให้กับทารกเพศหญิง และในช่วงเวลานี้ก็เกิดเป็นความรักที่ลึกซึ้งแบบลูกขึ้นมา

เดิมทีเขาคิดจะเอาทารกที่สะสวยคนนี้ส่งให้กับสถานสงเคราะห์ สุดท้ายก็ทำไม่ได้ จึงอุ้มกลับบ้านมา

เลี่ยงไม่ได้ในเมื่อที่บ้านมีภรรยาที่ใจร้ายอยู่ด้วย หวงฟางที่เห็นแก่ตัวไม่อนุญาตให้เขารับเลี้ยงเด็กคนนี้ เขาจึงทำได้เพียงแค่พูดไปว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของตัวเองกับผู้หญิงที่อยู่ข้างนอก และผู้หญิงคนนั้นคลอดยากจึงเสียไปแล้ว ถึงได้เป็นการฝืนบังคับให้เด็กอยู่ที่นี่ได้ แล้วตั้งชื่อว่าเสี่ยวเนี่ยน.....

สามปีก่อน เสี่ยวเนี่ยนคลอดลูกชายหนึ่งคน เด็กโบกมือเล็กๆ แลบลิ้นเล็กๆออกมา ทุกๆการเคลื่อนไหวเหมือนกับหมีแพนด้าตัวน้องเป็นอย่างมาก เอี๋ยนจื้อโก๋วเห็นแล้วก็รู้สึกชอบใจมาก ในใจคิด : เสี่ยวเนี่ยนเคยกินนมของหมีแพนด้า คาดว่าลูกที่คลอดมาก็จะมีเซลล์ที่ถ่ายทอดมาทางพันธุกรรมด้วยเช่นกัน

ตอนนี้เอี๋ยนต้าฟาหายไป เขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดได้อย่างไร? เจ็บเสียยิ่งกว่าตัดเนื้อออกไปเสียอีก จู่ๆเอี๋ยนจื้อโก๋วก็รู้สึกว่าหายใจไม่ออก หลับตาลง แล้วนอนตัวตรงลงไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น