เซียวเซิ่งไม่ได้อธิบาย เขาปิดแผนที่แล้วลุกขึ้น มองไปยังจุดที่น้ำทะเลบรรจบท้องฟ้า แล้วสั่งอย่างเคร่งขรึม “ให้ลุงเซี่ยพาคนตามหาอยู่ที่นี่ต่อไป นายกลับไปจัดการงานที่บริษัท”
“งั้นคุณล่ะครับ?”
“ฉันไปตามหาที่อื่นดู”
“งั้นผมไปกับคุณเถอะครับ บริษัทมีพวก ถังเหวยอยู่”
“ถังเหวย?” เซียวเซิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผู้หญิงที่เก็บกวาดห้องทำงานให้ฉันทุกเช้าเย็นคนนั้นใช่ไหม?”
เอ่อ...โอเล่ย์ค่อนข้างอึ้ง ถังเหวยเธอทำงานที่บริษัทห้าหกปีแล้ว บุคคลอาวุโส และก็ปรากฎตัวต่อหน้าประธานทุกวัน ประธานกลับไม่รู้ชื่อของเธอ มึนจริงๆ
“ใช่ครับ ความสามารถในการทำงานของเธอยอดเยี่ยมมาก” โอเล่ย์ค่อนข้างชื่นชม ถังเหวย เป็นคนที่สนิทจึงเลื่อนตำแหน่งให้เธอเสมอ
“นายเตรียมตัว ค่อยๆ ยึดอำนาจในมือของ ถังเหวย กลับคืนมา จากนั้นก็จัดการให้เธอไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่จำเป็น รอให้เธอลืมข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัท ค่อยไล่เธอออก” เซียวเซิ่งหน้าหล่อเคร่งขรึม เอ่ยปากอย่างเย็นชา
“ท่านประธาน ทำไมไล่เธอออกครับ?” ถึงแม้โอเล่ย์จะรู้ว่าประธานจัดการงานได้อย่างเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่ก็อดตกตะลึงไม่ได้ “คนมีพรสวรรค์อย่าง ถังเหวย พวกเราควรจะใช้งานให้เกิดประโยชน์ถึงจะถูกต้องนะครับ”
เซียวเซิ่งหรี่ตาดำคม “สี่ปีก่อนที่ฉันถูกวางยา เป็นไปได้อย่างมากว่าคนกันเองลงมือ”
โอเล่ย์ขมวดคิ้ว ถามเสียงเบา “ประธาน คุณสงสัยว่า ถังเหวยเป็นคนทำ เธอจะกล้าได้ยังไงครับ?”
“เดิมทีไม่สงสัยหรอก” เซียวเซิ่งจัดแจงปากแขนเสื้อของตัวเอง “เมื่อประมาณครึ่งเดือนก่อน ฉันให้นายเอาเสื้อโค้ทตัวหนึ่งไปทิ้งนายยังจำได้ไหม เสื้อโค้ทตัวนั้น...นายรีบกลับไปก็พอแล้ว”
“ครับ” โอเล่ย์รู้ว่าเมื่อประธานตัดสินใจแล้ว ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ทำได้เพียงคล้อยตาม “ประธานครับ ช่วงที่ผมไม่อยู่ข้างกายคุณ คุณจะต้องดูแลตัวเองให้ดีนะครับ”
เซียวเซิ่งตบบ่าของเขา แล้วเดินตรงไปทางเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่ง
โอเล่ย์คิดอะไรขึ้นมาได้อีก แล้วรีบตามไปถาม “ประธานครับ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนทำยังไงดีครับ? เธอออกไปแล้ว หา อูเจินจูกับเอี๋ยนต้าฟาไม่เจอ เดาว่าจะต้องร้อนใจจนบ้าแน่ครับ”
หัวใจของเซียวเซิ่งเหมือนกับถูกยิง เขาก้าวถอยหลัง ยกมือกุมบาดแผล ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนสี
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน เสี่ยวเนี่ยน...เซียวเซิ่งหลับตา เขาคิดถึงเธอมากจริงๆ อยากเห็นรอยยิ้มที่สดใสของเธอ อยากได้ยินเสียงเคี้ยวข้าวของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นคืออยากจะนอนกอดเธอ...
“ประธานครับ ถ้าคุณคิดถึงเธอ—”
“ไม่คิดถึง” เซียวเซิ่งเดินก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แล้วพูดอย่างเย็นชา “บอกเธอไปว่าฉันพาลูกไปแล้ว ให้เธอเกลียดฉันก็พอ บอกเธอว่าแค่เพียงเธอคุกเข่าขอร้องให้ฉันปล้ำเธอ ฉันสามารถพา อูเจินจูและลูกกลับมาได้ ไม่อย่างงั้นก็ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก”
เอ่อ...เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนได้ยินคำพูดพวกนี้คงจะเกลียดตายแน่?
โอเล่ย์เข้าใจ ก่อนที่จะหาเอี๋ยนตาฟาเจอจะจะต้องโกหกต่อไป ถ้าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้ว่าลูกชายหายตัวไป ไม่เอามีดฟันคนพอดีเหรอ?
เอสเซอร์ เรสเตอร์รอง
อาหารเสิร์ฟบนโต๊ะ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเชิญให้รุ่นพี่ทานอาหาร ฝืนยิ้มให้เขา แต่สีหน้าหงอยเหงาและความเศร้าใจของสายตา กลับเผยความกังวลในใจของเธอออกมา
อานฉุนซีมองดู แล้วยื่นสเต็กที่หั่นเสร็จแล้วให้กับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน “มีเรื่องกังวลอะไรเหรอ?”
“คะ?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตื่นตระหนก แล้วส่ายหัวอย่างประหม่า “ไม่มีค่ะ เพียงแค่คิดถึงเรื่องเมื่อก่อน”
“เรื่องเลวร้ายในอดีตพวกนั้นไม่ต้องพูดถึง อนาคตเธอวางแผนยังไง?”
“ฉันจะวางแผนอะไรได้คะ?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหัวเราะเยาะตัวเอง เธอจะต้องคิดหาวิธีขอลูกจากเซียวเซิ่ง จะขอมาได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย กลุ้มใจจริงๆ
จู่ ๆ อานฉุนซียื่นมือออกมา กุมมือของเธอไว้เบาๆ “ถ้าหากไม่รู้ว่าจะวางแผนยังไง งั้นก็ส่งมอบให้พี่เถอะ เสี่ยวเนี่ยน พี่อยากให้อนาคตกับเธอ วางแผนโลกของเราสองคน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น