วันวิวาห์หยุดไป:“ทุกคำที่ฉันพูดไปเมื่อกี๊มาจากใจฉันหมด ฉันก็จะทำตามที่ฉันพูดด้วย ฉันขอย้ำอีกครั้งนะคะ นอกเสียจากพลจะขอหย่ากับฉันเอง ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่ยอมแพ้ต่อเขา”
พูดจบ เธอก็ปล่อยมือของจีรวรรณออก หันกลับออกไป
สีหน้าจีรวรรณดูเหยเก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อีกครั้ง
ผ่านไปสักพัก เธอถูกข้อมือที่ถูกวันวิวาห์บีบแล้วทันใดนั้นก็หัวเราะ:“เป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกดีนี่ ไม่น่าล่ะถึงได้ดึงดูดลูกชายฉันได้ แต่ว่า……”
ทั้งห้านิ้วนั้นบีบแน่นขึ้น:“ฉันไม่ให้เธอมาเป็นจุดอ่อนของลูกชายฉันแน่!”
เธอ ไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ทำร้ายลูกชายเขาแน่!
……
อยู่ดูอาการสองวัน ในที่สุดหนูกะทิก็ออกจากโรงพยาบาล
วันวิวาห์กับจอมพลเก็บของเสร็จแต่เช้า ตอนสามคนพ่อแม่ลูกเตรียมออกไป กวินทร์ที่หายไปสองวันก็เพิ่งจะมา
เขาดูเหมือนอ่อนล้ามาก สีหน้าไม่ค่อยดี
จอมพลเหลือบมองเขานิ่งๆ:“รู้จักพอประมาณหน่อย”
กวินทร์ลูบขมับอย่างเหนื่อยล้า:“พี่พล พี่เปลี่ยนไปแล้ว หลังจากที่แต่งกับพี่สะใภ้ ก็รู้จักล้อเล่นเป็น”
เขาขมวดคิ้วและบ่น:“วันก่อนกลับไป ดื่มไปนิดหน่อย ทั้งๆที่คิดว่าไม่เมาแล้วนะ แต่ไม่รู้ว่าทำไม ถึงไม่ตื่นเลย จนเช้าวันนี้เพิ่งจะตื่น”
หนูกะทิที่เปลี่ยนชุดแล้วก็กลอกตา เยาะเย้ยอย่างไม่เกรงใจ:“อายุมากแล้ว ยังจะหาข้ออ้างทำไมอีก”
กวินทร์ถูกจี้จุดจนรู้สึกปวดใจ:“อายุของชายคนนี้ก็มากแล้ว!เด็กคนนี้ ทำไมพูดแบบนี้กับคุณอากวินทร์ของหนูได้?เสียแรงที่รักหนูจริงๆ!”
เด็กสาวเงยคางเล็กๆขึ้นอย่างหยิ่งผยอง:“โสดไม่มีคนดูแล อารีบหาภรรยามาดูแลตัวเองซะเถอะ เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไปแบบนี้อีก ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่ชอบอาหรอก!”
กวินทร์กุมหน้าอกอย่างปวดใจ:“พี่พล ก่อนที่ผมจะฆ่าคนเพราะเสียการควบคุม พี่รีบพาลูกสาวตัวร้ายคนนี้ของพี่ไปเถอะ!”
วันวิวาห์ตลกจนหัวเราะออกมา จูงหนูกะทิด้านซ้ายขวากับจอมพล แล้วสามคนพ่อแม่ลูกก็หายไปจากห้องคนไข้
กวินทร์มองส่งทั้งสามหายไป รอยยิ้มที่ใบหน้าค่อยๆจางหาย
เขากุมมือ ขมวดคิ้วเคาะไปที่หัว บ่นพึมพำ:“ประหลาดจัง มองพี่พลสามคนพ่อแม่ลูกแล้ว ทำไมรู้สึกเหมือนลืมอะไรไป?”
แต่ลืมอะไรไปนะ จู่ๆเขาก็คิดไม่ออกทันที
กวินทร์ไม่คิดมากอีก กลับไปที่ห้องทำงาน
มองผลพิสูจน์ดีเอ็นเอที่อยู่บนโต๊ะ แล้วก็มีอะไรแวบเข้ามาในหัว
เขาตะลึงไปสักพัก แล้วก็คิดอะไรไม่ออกทั้งนั้นอีกครั้ง
“หรือว่าอายุมากไปจริงๆ?”หัวเราะอย่างเย้ยหยัน เอารายงานผลพิสูจน์เข้าไปในลิ้นชัก พูดอย่างเสียดาย:“บางครั้งวันวิวาห์กับยัยเด็กนิสัยเสียหนูกะทินั่นก็เหมือนกันยิ่งกว่าแม่ลูกแท้ๆเสียอีก น่าเสียดายจัง”
ที่ดันไม่ใช่แม่ลูกกัน
……
คฤหาสน์โอรส
พรุ่งนี้หนูกะทิจะกลับไปเมืองโตตูกับจีรวรรณ
กินข้าวเย็นเสร็จ วันวิวาห์ก็เข้าไปในห้องหนูกะทิอย่างรีบเข้ารีบออก เอาของของเธอใส่ไปในกระเป๋าเดินทางทั้งหมด
เด็กสาวนั่งขัดสมาธิทำนู่นนี่อยู่บนเตียง แล้วจู่ๆก็ยืนขึ้นแล้วกวักมือ:“วันวิวาห์ มานี่สิ”
ในมือวันวิวาห์ยังถือเสื้อผ้าตัวหนึ่งไว้อยู่:“ทำไมเหรอที่รัก?”
พอเดินเข้าไป เด็กสาวก็เขย่งเท้าแล้วใส่อะไรไปที่คอเธอ
วันวิวาห์ก้มหน้าไป เป็นสร้อยคอจี้รูปโดราเอมอน
เด็กสาวมองผลงานชิ้นเอกของตัวเองอย่างพอใจ พูดด้วยเสียงนุ่มนิ่ม:“โดราเอมอนเจอเรื่องอะไรก็ไม่กลัวเลย เวทมนตร์ของเขาแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ตอนที่หนูไม่อยู่ คุณเจอปัญหาอะไรก็ให้เขาช่วยนะ”
ในใจวันวิวาห์รู้สึกอบอุ่น อดไม่ได้ที่จะพูดว่า:“วิเศษมาก ที่รัก ขอบคุณมากเลยนะ แต่ฉันไม่ได้เตรียมให้ของขวัญหนูตอบเลยทำไงดี?”
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง:“ใครอยากได้ของขวัญตอบกลับจากคุณกันล่ะ ตอนที่หนูไม่อยู่ คุณก็ฝึกทำอาหารให้อร่อยๆซะ พอถึงเมืองโตตู หนูไม่อยากกินกับข้าวรสชาติแย่ๆอย่างนั้นอีก”
รอยยิ้มที่แววตาวันวิวาห์ก็ลึกซึ้งมากขึ้น
เป็นเด็กที่ปากไม่ตรงกับใจเสียจริง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ