หลินเมิ่งหวันมองฉู่โม่หยวน นางเปลี่ยนจากท่าทีที่เคร่งขรึมเมื่อครู่ไปเอ่ยอย่างน่ารักว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเพคะ พระองค์ทรงทำให้เมิ่งหวันต้องทุกข์ใจมาก เป็นความผิดของพระองค์ที่ส่งชุดนี้มาให้เมิ่งหวัน เมื่อครู่คุณหนูฉีกับคุณหนูหลี่ต่างก็บอกว่าวันนี้เมิ่งหวันแต่งกายไม่เหมาะสม ทั้งยังบอกด้วยว่าเมิ่งหวันเหมือนหญิงนางโลม!”
ฉีซือเหมี่ยวกับหลี่เล่อหย่าหน้าซีดทันควัน จากนั้นจึงมองหลินเมิ่งหวันอย่างหวาดกลัว
ชุดที่หลินเมิ่งหวันใส่วันนี้เป็นชุดที่ฉู่โม่หยวนมอบให้จริงหรือ
เช่นนั้นที่พวกนางสองคนบอกไปว่าชุดนี้ไม่เหมาะสม พวกนางจะไม่ทำให้ฉู่โม่หยวนไม่พอใจงั้นหรือ?!
ฉีซือเหมี่ยวรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยโปรดไตร่ตรอง หม่อมฉันไม่ได้ไม่พอใจสายพระเนตรของพระองค์ แล้วก็ไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับนางโลมเลยด้วยเพคะ”
ฉู่โม่หยวนไม่สนใจนาง เขาเพียงแต่ก้าวยาวๆ ไปหาหลินเมิ่งหวันและยื่นมือไปโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน
เขาหลุบตามองหลินเมิ่งหวันด้วยแววตาเต็มไปด้วยความเอาใจใส่ ทว่าคำพูดที่เอ่ยออกมากลับแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก
“เจ้าจะบอกว่าข้าหูหนวกงั้นหรือ”
ฉีซือเหมี่ยวรีบเอ่ยอย่างตระหนกว่า “หม่อมฉันมิกล้า!”
นางโขกศีรษะลงไปอย่างแรง รู้สึกเครียดจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง สองมือกำกระโปรงไว้แน่น และในที่สุดนางก็หาข้อแก้ตัวได้
“หม่อมฉัน... หม่อมฉันแค่พูดคล้อยตามเพียงเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เล่อหย่าพูดก็ไม่ได้ไร้เหตุผลเพคะ ชุดของคุณหนูหลินสวยงามจริงดังว่า เพียงแต่ตามความเห็นของหม่อมฉัน เวลามางานเลี้ยงในวังเช่นนี้หากแต่งกายให้งดงามกว่านี้ก็จะดี ด้วยเหตุนี้หม่อมฉันจึงรีบเตือนคุณหนูหลินอย่างไม่ทันคิดเพคะ”
“หม่อมฉันไม่เคยพูดหาว่าคุณหนูหลินเกี่ยวข้องกับนางโลมจริงๆ นะเพคะ ทั้งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางโลมมีลักษณะอย่างไร จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยโปรดพิจารณาด้วย!”
หลินเมิ่งหวันยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและมองฉีซือเหมี่ยวราวกับกำลังยิ้ม นางไม่รอให้ฉู่โม่หยวนตอบและเอ่ยไปว่า “ก็ใช่เพคะ คุณหนูฉีไม่เคยพูดเลยว่าหม่อมฉันมีความเกี่ยวข้องกับหญิงนางโลม”
ฉีซือเหมี่ยวชะงัก คิดไม่ถึงว่าหลินเมิ่งหวันจะเอ่ยปากแทนนาง
แต่แล้วฉีซือเหมี่ยวก็แอบด่าหลินเมิ่งหวันอยู่ในใจ ว่านางก็แค่พวกโง่ที่มองเห็นทุกอย่างแค่ภายนอก
ทว่าการที่หลินเมิ่งหวันเป็นคนโง่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับนางโดยแท้
แต่แล้วสิ่งที่หลินเมิ่งหวันเอ่ยต่อมากลับทำให้ฉีซือเหมี่ยวหวาดกลัว
“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเพคะ คุณหนูฉีไม่ได้ดูถูกหม่อมฉันตรงๆ นางก็แค่บอกว่าเป็นอย่างที่คุณหนูหลี่พูด”
หลินเมิ่งหวันเงยหน้ามองฉู่โม่หยวน นางยิ้มนิดหนึ่งและกล่าวว่า “เมิ่งหวันไม่มีความรู้มากนัก แต่เมิ่งหวันคิดว่าความหมายของคุณหนูฉีก็น่าจะเป็นว่า นางเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณหนูหลี่พูดมิใช่หรือเพคะ นอกจากนี้ตอนที่คุณหนูหลี่ตำหนิว่าหม่อมฉันเหมือนหญิงนางโลม คุณหนูฉีก็ไม่เห็นจะโต้แย้งเลยสักคำ”
นางพึมพำกับตัวเองว่า “จะว่าไปคุณหนูฉีก็ฉลาดยิ่งนัก คำพูดล่วงเกินทุกคำล้วนเป็นคำพูดของหลี่เล่อหย่า พอถึงเวลาถามหาคนผิด คุณหนูฉีก็แค่บอกว่าไม่ได้พูดอะไรเลย เรื่องไม่ดีๆ ก็ให้หลี่เล่อหย่ารับไปคนเดียว อย่างนั้นสินะ”
หลี่เล่อหย่าหน้าซีดขึ้นมาทันใดและมองไปทางฉีซือเหมี่ยวด้วยความประหลาดใจ
หรือว่าฉีซือเหมี่ยวจะคิดแบบนี้จริงๆ
ฉีซือเหมี่ยวชะงัก จากนั้นจึงรีบบอกว่า “คุณหนูหลินช่างทำร้ายจิตใจยิ่งนัก เจ้าใส่ร้ายข้าเช่นนี้ได้อย่างไร”
แม้ว่าฉีซือเหมี่ยวจะคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ถ้านางไม่แก้ตัวออกไป ทุกคนจะไม่คิดว่านางเป็นพวกตีสองหน้า ชอบยืมมือคนอื่นมาเป็นอาวุธหรอกรึ
ถ้าทุกคนจำภาพจำแบบนี้ของนางไป ต่อไปใครจะยอมมาคบหากับนาง แล้วนางจะแต่งงานได้อย่างไร
“หืม?” หลินเมิ่งหวันลากเสียงต่ำและมองฉีซือเหมี่ยวอย่างสงบ “เจ้าจะบอกว่า เจ้าไม่ได้คิดจะให้หลี่เล่อหย่าเป็นคนรับบาป และเจ้าก็คิดแบบเดียวกับหลี่เล่อหย่าอย่างนั้นน่ะหรือ”
“ข้า...”
ฉีซือเหมี่ยวอยากจะแก้ตัว แต่นางพบว่านางยอมรับหรือปฏิเสธคำถามนี้ไม่ได้ ไม่ว่าทางไหนก็ไม่ดีกับนางทั้งนั้น
ฉู่โม่หยวนหมดความอดทนที่จะฟังนางต่อ เขาเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “เสวียนยี พาตัวพวกนางไปซะ”
“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยจะพาตัวพวกนางไปไหนหรือเพคะ” หลินเมิ่งหวันกะพริบตากลมโตของนางและมองฉู่โม่หยวนด้วยความสนใจ
น้ำเสียงของหนานมู่ชิงอ่อนโยน ทุกท่วงท่าอิริยาบถก็ดูงดงามใจกว้าง
บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มน้อยๆ เมื่อมองฉู่โม่หยวน ความรักในดวงตาที่สดใสคู่นั้นก็เผยออกมาอย่างปิดไว้ไม่มิด
หลินเมิ่งหวันเลิกคิ้วเล็กน้อย ต่อหน้านาง หนานมู่ชิงยังกล้าส่งสายตาสื่อรักกับฉู่โม่หยวนอีกหรือ
นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยและยกมือขึ้นมาหยิกเอวของฉู่โม่หยวนราวกับมีอะไรมาดลใจ
ฉู่โม่หยวนรู้สึกเจ็บขึ้นมาและขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เขาหลุบตามองหลินเมิ่งหวันด้วยความสงสัย แต่กลับเห็นว่าหลินเมิ่งหวันกำลังจ้องมองเขาอย่างโกรธเคือง
ฉู่โม่หยวน ???
หลินเมิ่งหวันหมายความว่าอย่างไร
หลินเมิ่งหวันมองหนานมู่ชิงเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม นางเอ่ยว่า “ข้าเป็นคนใจแคบและเจ้าคิดเจ้าแค้นมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ได้ใจกว้างเหมือนคุณหนูหนาน”
หนานมู่ชิงขมวดคิ้ว “คุณหนูหลิน คนเราต้องให้อภัยและเห็นใจผู้อื่น...”
ยังไม่ทันที่หนานมู่ชิงจะพูดจบ หลินเมิ่งหวันก็หัวเราะเยาะ “คุณหนูหนานคิดอย่างไรหรือถึงได้เสนอตัวออกมาตอนนี้ ตอนที่พวกนางสองคนรุมประณามข้า เหตุใดจึงไม่เห็นเจ้าออกมาช่วยพูดแทนข้าเลย”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าก็เป็นพวกเดียวกับสองคนนั้น ดังนั้นตอนนี้ก็เลยมาทำตาปริบๆ ช่วยอ้อนวอนแทนทั้งคู่”
หนานมู่ชิงเอ่ยอย่างโกรธจัดว่า “คุณหนูหลิน เจ้ามากล่าวหาตามใจชอบได้อย่างไร”
“ตามใจชอบ?” หลินเมิ่งหวันยิ้มเยาะ “คุณหนูหนานหมายความว่าอย่างไร คิดว่าคนอื่นไม่รู้จริงๆ หรือ? หรือว่าคุณหนูนานจะลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเคยแอบบอกคนอื่นว่าข้าไม่เหมาะสมกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ทั้งยังบอกว่ามีแต่คุณหนูหนานเท่านั้นที่มีคุณสมบัติจะเป็นจิ่งหวังเฟย?”
“เมื่อครู่ตอนที่หลี่เล่อหย่ากับฉีซือเหมี่ยวประณามข้า คุณหนูหนานก็คงแอบมีความสุขอยู่สินะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก