ในบรรดาเด็กเหล่านี้ ผู้ที่ข้าเป็นห่วงที่สุดคือเจ้า แต่ก่อนเจ้าเป็นคนหุนหันพลันแล่น ในตอนนี้แม้ว่าจะใจเย็นลงมาก แต่การแต่งงานเข้าไปในราชวงศ์...... ”
หลินฮูหยินใหญ่ถอนหายใจในใจ มองไปที่หลินเมิ่งหวัน พยายามยิ้มและกล่าวว่า “เอาเป็นว่าเจ้าเก็บเหรียญทองนี้ไว้ให้ดี ข้าก็พอจะสบายใจได้บ้างแล้ว”
หลินเมิ่งหวันไม่มีพ่อแม่คอยคุ้มครอง นางก็อายุมากแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกวัน ชีวิตในวันข้างหน้าของหลินเมิ่งหวันคงทำได้เพียงพึ่งพาตนเอง
จางซื่อจับมือของหลินเมิ่งหวันแน่น “จวนหลินเป็นบ้านพ่อแม่ของเจ้า ท่านย่าและท่านลุงของเจ้า รวมทั้งข้า จะปกป้องเจ้าอย่างดีที่สุด”
“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยรักเจ้า ย่อมปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี แต่หากเจ้าได้รับความไม่เป็นธรรม เจ้าก็กลับมาบอกที่บ้าน พวกเราจะช่วยเจ้าหาทางออกด้วยกัน”
เบ้าตาของหลินเมิ่งหวันร้อนผ่าว และเกือบจะร้องไห้ออกมา ในใจเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
ทั้งสามคนพูดคุยกัน และในที่สุดอารมณ์ก็สงบลงมาก จากนั้นจึงเริ่มแต่งหน้าแต่งตัวให้หลินเมิ่งหวัน
“หวีผมครั้งที่หนึ่งร่ำรวยไร้ทุกข์โศก หวีผมครั้งที่สองไร้โรคหมดกังวล หวีผมครั้งที่สามลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง อายุยืนยาว......”
หลินฮูหยินใหญ่น้ำตาคลอเล็กน้อย นางเม้มริมฝีปาก และกล่าวต่อว่า “แล้วค่อยหวีหางผมมาจรดคิ้ว หวีหางผมครั้งที่สองขอให้ครองคู่กันไปจนแก่เฒ่า หวีหางผมครั้งที่สามขอให้รักกันกลมเกลียวตลอดไป มีทั้งหัวมีทั้งหางชั่วชีวิตนี้จะมั่งมีศรีสุข......”
เสียงของหลินฮูหยินใหญ่สะอึกสะอื้น นางถือหวีแล้วหวีผมของหลินเมิ่งหวันอย่างเบามือ และปรารถนาให้การอวยพรที่ดีที่สุดในโลกนี้ทั้งหมดแก่นาง
หลินเมิ่งหวันนั่งตัวตรง ในใจรู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออก
ในที่สุดท้องฟ้าก็สว่างจ้า และหลินเมิ่งหวันก็แต่งตัวเสร็จแล้ว
เสียงดีอกดีใจดังเข้ามาในหู ทั้งจวนหลินปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่สนุกครึกครื้น
หลังจากหลินเมิ่งหวันทานข้าวบนเกี้ยวแล้ว นางก็เห็นฉินลั่วเฟิงวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจ “ขบวนรับเจ้าสาวมาแล้ว!”
เมื่อเห็นหลินเมิ่งหวัน ดวงตาของฉินลั่วเฟิงก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่หลังจากได้ยินเช่นนี้ หลินเมิ่งหวันก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นในทันที นางอ้าปากเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ฉินลั่วเฟิงได้สติกลับมา มองไปที่หลินเมิ่งหวันและกล่าวว่า “น้องเมิ่งหวันช่างงดงามจริงๆ แม้แต่ข้าเห็นแล้วก็ยังลุ่มหลง เมื่อจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเห็นเจ้า จะต้องลุ่มหลงในตัวเจ้าอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินลั่วเฟิง ผู้คนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หลินเมิ่งหวันก็ยกริมฝีปากขึ้นเช่นกัน แต่แก้มกลับมีเลือดฝาดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าสีชาดนั้นละเอียดอ่อนและงดงาม
ฉินลั่วเฟิงกล่าวว่า “น้องเมิ่งหวันรีบเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไปที่ลานด้านหน้าก่อน พวกเราต้องทดสอบจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยให้ดีเสียหน่อย อย่าปล่อยให้เขาได้แต่งงานกับเจ้าง่ายๆ”
หลังจากพูดจบ ฉินลั่วเฟิงก็รีบไปที่ลานหน้าบ้านในทันที โดยไม่รอให้หลินเมิ่งหวันตอบรับ
วันนี้ทุกคนในจวนฉินล้วนมาส่งหลินเมิ่งหวันออกเรือน แน่นอนว่าทุกคนต่างอยากเห็นหลินเมิ่งหวัน แต่ตอนนี้จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยมาแล้ว แน่นอนว่าทุกคนต้องการจะ “ทดสอบ” เจ้าบ่าวก่อน
เป็นเพราะฉินลั่วเฟิงอายุยังน้อย ประกอบกับฉินเส่าหมิงเป็นคนเดียวที่อายุน้อยกว่าเขา และเป็นคนที่พูดไม่เก่ง เขาจึงถูกบรรดาพี่ชาย “รังแก” จัดแจงให้มาส่งข้าวให้หลินเมิ่งหวัน
ในตอนนี้ฉินลั่วเฟิงไม่อยากล่าช้า มิเช่นนั้นอีกเดี๋ยวก็จะไม่ได้เห็นความครึกครื้น
ฉินลั่วเฟิงจึงรีบวิ่งออกไป ในเวลานี้ด้านนอกจวนหลินถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าประชาชนที่แน่นขนัด
พวกเขาทั้งหมดเห็นว่าฉู่โม่หยวนถูกฉินจิ้งเจาและคนอื่นๆ ขวางอยู่ที่หน้าประตู ในขณะที่ทอดถอนใจให้กับความกล้าหาญของทุกคนในจวนหลิน พวกเขาก็ต้องตกตะลึงในความรูปงามของฉู่โม่หยวน
ฉู่โม่หยวนในวันนี้สวมชุดแต่งงานสีแดงสด ผมดำสวมกวานสีทอง สูงส่งจนมิอาจบรรยายได้ ใบหน้างดงามราวกับเป็นผลงานสุดประณีตของเจ้าแม่หนี่วา ทำให้ผู้คนไม่พบข้อบกพร่องใดๆ
คนจำนวนไม่น้อยในฝูงชนเคยเห็นฉู่โม่หยวนมาก่อน และย่อมรู้ว่าเมื่อก่อนฉู่โม่หยวนมักจะมีใบหน้าที่เย็นชา ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว ประกอบกับชื่อเสียงที่โหดเหี้ยมอำมหิตของเขา หลายคนที่พบเห็นเขา จึงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
วันนี้ฉู่โม่หยวนมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา!
รอยยิ้มอันอ่อนโยนนั้น เหมือนกับแสงแดดอันอบอุ่นที่ตกลงบนยอดภูเขาน้ำแข็ง ในชั่วพริบตาน้ำแข็งหิมะก็ละลาย และดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิก็เบ่งบาน
ดวงตาอันลึกล้ำคู่นั้นของเขา เผยให้เห็นความดีใจและความหวังที่แข็งแกร่ง เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ดีในวันนี้ของเขาอย่างชัดเจน
ฉู่โม่หยวนต้องรักหลินเมิ่งหวันมากอย่างแน่นอน ถึงได้มีความสุขเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก