“จิ่งอ๋องเพคะ จดหมายฉบับนี้เป็นลายมือของหลี่จิ่นซู ได้โปรดมอบคนให้หม่อมฉันสักสิบคนเพื่อจัดการกับเรื่องนี้เถิด”
บัดนี้ทุกคนมิมีใครรู้ว่าหลี่จิ่นซูจะเขียนหนังสือร้องเรียนนี้หรือไม่ อีกทั้งลายมือในจดหมายฉบับนี้แตกต่างกันกับจดหมายที่หลี่จิ่นซูเคยเขียน จึงมิอาจใช้จดหมายฉบับนี้มายืนยันว่าเป็นของหลี่จิ่นซูได้
แต่เรื่องที่หลี่จิ่นซูกระทำนั้น จะปล่อยไว้มิได้เด็ดขาด
หลังผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงยาม หลินเมิ่งหวันก็พาทหารชั้นยอดจำนวนยี่สิบนายเดินทางมาถึงจวนของเฉิงเซี่ยง
ผู้คนต่างเฝ้ามองด้วยความสงสัย พวกเขาได้ยินเสียงดัง “เพี้ยะ!” สนั่นหวั่นไหว หลินเมิ่งหวันใช้แส้ฟาดไปที่ปากประตูจวนเฉิงเซี่ยงอย่างแรง
ชาวบ้านทั้งหลายสูดลมหายใจเข้าลึก วินาทีต่อมาก็ได้ยินหลินเมิ่งหวันตะโกนว่า “ทุบทำลายทิ้งเสีย!”
ทหารชั้นยอดจำนวนยี่สิบนายพุ่งตรงเข้าไปยังจวนของเฉิงเซี่ยงราวกับการถล่มรังโจร
ชาวบ้านต่างพากันตกตะลึง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ท่านหลี่เฉิงเซี่ยงทำเรื่องใดผิดงั้นหรือ เขาจะถูกกวาดล้างหรืออย่างไร?”
“นั่นมิใช่ทหารจากทางการ เป็นหลินเมิ่งหวันนั่นเอง นางพาคนมาที่นี่!”
“หืม? หลินเมิ่งหวัน? บุตรสาวทายาทสายตรงของหลินซ่างซูหรือ? นางชื่นชอบหลี่จิ่นซูมาแต่ไหนแต่ไรมิใช่หรือ เหตุใด......เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องในวันนี้ นางทำเพื่อหลี่จิ่นซู?”
“เอ๋......หากนางจะทำเพื่อหลี่จิ่นซู ก็มิควรทำเช่นนั้นหรอกกระมัง นี่คือจวนเฉิงเซี่ยง หลินเมิ่งหวันจะบ้าไปแล้วหรือไร?”
......
ชาวบ้านมองไปรอบๆ แล้วพากันวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
หลินเมิ่งหวันราวกับมิได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝูงชน จากนั้นนางก็นำทหารชั้นยอดจงเข้าไปในจวนเฉิงเซี่ยง
ทหารคุ้มกันจวนเฉิงเซี่ยงได้ยินการเคลื่อนไหวดังนั้นก็ออกมาสกัดกั้นเอาไว้ ทว่าทหารชั้นยอดทั้งยี่สิบนายฝีมือดียิ่งนัก ทหารคุ้มกันธรรมดาเช่นพวกเขาจะไปเป็นคู่ต่อสู้ของทหารเหล่านั้นได้อย่างไร
เพียงมิกี่กระบวนท่า ทหารคุ้มกันทั้งหลายก็ล้มลงสู่พื้นกองระเนระนาด
ในวันนี้เฉิงเซี่ยงมิอยู่ที่จวน สวี่ซื่อ เฉิงเซี่ยงฮูหยินและทุกคนที่อยู่ในจวนได้ยินความเคลื่อนไหวดังนั้นก็พากันเดินทางมาดูด้วยความตื่นตระหนก
หลี่จิ่นซูมองมาทางหลินเมิ่งหวันด้วยความประหลาดใจ “เมิ่งหวัน เจ้า......”
“เพียะ!” น้ำเสียงดังฟังชัด แส้ในมือของหลินเมิ่งหวันฟาดไปที่แขนของหลี่จิ่นซูอย่างแรงทำให้เนื้อของเขาแตกออกเป็นทาง
หลี่จิ่นซูส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา คนอื่นๆ ก็พากันกรีดร้องเช่นกัน
ความบ้าคลั่งในดวงตาของหลี่จิ่นซูหายไปอย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้วมองไปที่หลินเมิ่งหวัน
เฉิงเซี่ยงฮูหยินสวี่สื่อตะโกนขึ้นด้วยความโกรธเคืองว่า “หลินเมิ่งหวัน เจ้ากำลังทำสิ่งใดกัน! นี่คือจวนเฉิงเซี่ยง หาใช่ที่ซึ่งเจ้าจะทำตามอำเภอใจได้!”
หลินเมิ่งหวันมิได้กล่าวสิ่งใดออกมา นางสะบัดแส้ไปข้างหน้าโดยมิสนใจผู้ใดแล้วฟาดลงไปตรงพื้นต่อหน้าสวี่ซื่อ
ด้วยน้ำเสียงอันดังสนั่นหวั่นไหวทำให้ฝุ่นคลุ้งกระจาย แผ่นหินปรากฏเป็นรอยร้าว ทำให้สวี่ซื่อกรีดร้องด้วยความตกใจแล้วถอยหลังหนี
หลินเมิ่งหวันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าหลินเมิ่งหวัน มีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ คนจากจวนเฉิงเซี่ยงของเจ้าจ้างวานคนร้ายให้ไปลอบสังหารจิ่งอ๋องของข้า แน่นอนว่าข้าจะต้องมาเรียกร้องขอคืนความยุติธรรม!”
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที ความตื่นตระหนกในใจของหลี่จิ่นซูมากขึ้นเป็นทวีคูณ
หลินเมิ่งหวันรู้เรื่องใดขึ้นแล้วงั้นหรือ?
หลี่จิ่นซูยังมิทันได้ครุ่นคิดถึงเรื่องใดๆ แส้ยาวนั้นก็ฟาดไปที่ร่างของหลี่จิ่นซูอย่างรุนแรงโหดเหี้ยมทำให้เขากลิ้งลงสู่พื้นในทันใด
หลินเมิ่งหวันหยิบจี้หยกลวดลายเมฆมงคลออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วโยนมันไปให้สวี่ซื่ออย่างไร้ความปรานี “ท่านฮูหยิน โปรดลืมตาดูเถิดว่านี่คือสิ่งของของผู้ใด?”
เมื่อสวี่ซื่อเอื้อมมือมารับหยกนั้นเอาไว้ นางก็ต้องตกตะลึง ภาพตรงหน้ามืดมนลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก