หลี่เฉิงเซี่ยงชะงักลงครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นทันทีว่า “จิ่งอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพอจะรู้เรื่องราวมาบ้างว่าเมื่อวานนี้เกิดเรื่องใดขึ้น แต่เรื่องนั้นช่างไร้สาระสิ้นดี เพราะตราหยกของจิ่นซูก่อนหน้านี้ได้......”
“ท่านหลี่เฉิงเซี่ยงกำลังจะบอกว่า ข้าเข้าใจหลี่จิ่นซูผิดไปงั้นหรือ ดวงตาของฉู่โม่หยวนตรีลงอย่างชั่วร้ายและพูดขัดจังหวะหลี่เฉิงเซี่ยง”
มิรอให้หลี่เฉิงเซี่ยงตอบโต้ ฉู่โม่หยวนก็หันไปคารวะฮ่องเต้ กล่าวว่า “เสด็จพ่อ การที่หลี่จิ่นซูคิดลอบสังหารลูกนั้นทั้งพยานและหลักฐานมีพร้อมครบ แต่ด้วยความสามารถของหลี่จิ่นซูเพียงคนเดียวคาดว่าคงมิกล้าหาญพอ ลูกกำลังสงสัยว่าเรื่องนี้หลี่เฉิงเซี่ยงต้องเกี่ยวข้องแน่ ขอเสด็จพ่อโปรดรับสั่งให้กุมตัวหลี่เฉิงเซี่ยงและสืบสวนเรื่องนี้ด้วย”
ประโยคนี้ของฉู่โม่หยวนทำให้เกิดความโกลาหลในใจมิน้อย และภายในห้องโถงก็เงียบเป็นเป่าสาก
เฉิงเซี่ยงร่างกายโอนเอนล้มลงสู่พื้นด้วยความตกใจ “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิกล้ากระทำเรื่องเหล่านี้อย่างแน่นอน ตราหยกของจิ่นซูหายไปเมื่อหลายวันก่อน กระหม่อมมิอาจทราบได้ว่าเหตุใดจึงไปอยู่ที่มือสังหารผู้นี้”
ฉู่โม่หยวนยิ้มด้วยความเยือกเย็น “เหอะๆ ตราหยกของหลี่จิ่นซูหายไปได้จังหวะเหมาะเจาะดีเหลือเกิน เหตุใดก่อนหน้านี้จึงมิเคยได้ยินหลี่เฉิงเซี่ยงกล่าวถึงกันเล่า”
“เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย กระหม่อมจะทำให้ฮ่องเต้และจิ่งอ๋องเป็นกังวลใจได้อย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ” หลี่เฉิงเซี่ยงหวาดกลัวจนน้ำตาคลอเบ้า เขาหันไป ก้มศีรษะคารวะฮ่องเต้อีกครั้ง “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย กระหม่อมจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ตลอดมา กระหม่อมมิมีวันจะทำร้ายจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยอย่างแน่นอน ขอฮ่องเต้และจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยโปรดตรวจสอบอย่างชัดเจนด้วยเถิด”
“เจ้าจะมีความคิดเช่นนั้นหรือไม่ เพียงแค่ลมปากจะอธิบายชัดเจนได้หรือ?” ฉู่โม่หยวนกึ่งยิ้มแล้วกล่าวออกมา ทว่าน้ำเสียงนั้นเยือกเย็นเข้าไปในกระดูก “เพียงแต่หากฆ่าเราตายไปเสียก็คงจะดีสำหรับหลี่เฉิงเซี่ยง เพราะจะได้มิต้องเผชิญหน้ากับปัญหามากมายระหว่างการดำรงตำแหน่งเฉิงเซี่ยงใช่หรือไม่เล่า”
หัวใจของทุกคนสั่นไหวแล้วมองไปทางหลี่เฉิงเซี่ยงด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ทุกคนล้วนรู้ดีว่าบัดนี้ในวังหลัง ผู้ที่เป็นรองจากฮองเฮาก็คือหลี่กุ้ยเฟยซึ่งเป็นน้องสาวในสายเลือดของเฉิงเซี่ยงผู้นี้นั่นเอง
และองค์ชายสามที่หลี่กุ้ยเฟยทรงให้กำเนิดนั้นก็คือฉู่ยู่เฉิง มีอายุไล่เลี่ยกันกับองค์รัชทายาท
ตลอดหลายปีมานี้ฉู่ยู่เฉิงองค์ชายสามพยายามผูกมิตรกับเหล่าข้าราชบริพารทั้งหลาย ส่วนหลี่เฉิงเซี่ยงก็ดูเป็นห่วงเป็นใยฉู่ยู่เฉิงยิ่งนัก ทั้งยังช่วยเหลือฉู่ยู่เฉิงหรือองค์ชายสามในด้านต่างๆ มากมาย
ทุกคนล้วนรู้ดีแม้มิต้องกล่าว และมีคนมิน้อยที่คาดเดาว่าหลี่เฉิงเซี่ยงต้องการที่จะประคององค์ชายสามขึ้นสู่บัลลังก์ณที่นั่งแห่งนั้นใช่หรือไม่
เนื่องจากองค์รัชทายาทในปัจจุบัน แม้ว่าจะถือกำเนิดเป็นทายาทสายตรงของพระราชวังหลวง แต่ฮองเฮาผู้นี้หาใช่คนจากแคว้นตงเยว่
ฮองเฮาเป็นคนจากแคว้นจิน ในครานั้นที่นางอภิเษกสมรสเข้ามาในแคว้นตงเยว่ ฮ่องเต้ยังมิใช่องค์รัชทายาท
แต่สวรรค์กลับกลั่นแกล้ง องค์รัชทายาทองค์ก่อนหน้านั้นสิ้นพระชนม์ก่อนวัยอันควรจึงทำให้ฮ่องเต้ได้ขึ้นมาเป็นองค์รัชทายาทสืบอำนาจแทน ดังนั้นองค์หญิงจากแคว้นจินจึงได้กลายมาเป็นพระราชชายาเอก ทั้งยังได้ให้กำเนิดโอรสแล้วก่อนหน้า ต่อมานางก็ได้ขึ้นเป็นฮองเฮาแห่งแคว้นตงเยว่อย่างราบรื่น
หลายปีมานี้ ระหว่างฮ่องเต้และฮองเฮาช่างสนิทแน่นแฟ้นอย่างสุดซึ้ง องค์ชายสายตรงทั้งสองก็เป็นผู้โดดเด่นยิ่งนัก มีความสัมพันธ์อันดีงามกับแคว้นจินมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตามในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามิเคยมีผู้ใดที่ขึ้นครองเป็นฮ่องเต้มีสายเลือดมาจากพื้นที่อื่น
ด้วยเหตุนี้เอง ขุนนางมากมายจึงพยายามเกลี้ยกล่อมความคิดเห็นของฮ่องเต้ มิรู้ว่าองค์รัชทายาทปัจจุบันนี้จะดำรงตำแหน่งได้นานเพียงไร
บัดนี้ เมื่อฉู่โม่หยวนกล่าวเรื่องนี้ออกมาโดยมิลังเลแม้แต่น้อย ช่างทิ่มแทงดวงใจเหลือเกิน
หลี่เฉิงเซี่ยงคุกเข่าลงสู่พื้นแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิกล้า กระหม่อมหวาดกลัวยิ่งนัก ขอฝ่าบาทโปรดทรงเมตตา กระหม่อมมีความจริงใจและจงรักภักดีตลอดมา กระหม่อมมิกล้าทำเรื่องราวเช่นนั้นเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”
“แค่กๆ......จู่ๆ ฉู่โม่หยวนก็กระแอมออกมาแล้วยกมือขึ้นปิดปากของตน ใบหน้าอันหล่อเหลาเผยถึงความเจ็บปวดเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก