เทพสงครามพิทักษ์โลก นิยาย บท 13

“คุณแม่ครับ......”

หยางเฟิงอยากอธิบาย แต่หลันซินไม่เปิดโอกาสให้เขาสักนิด หันหลังและเดินจากไปทันที

เย่ไห่หันมองหยางเฟิง แล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ

ถ้าหากลูกเขยของตนเอง สามารถเป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัวได้อย่างโจวห้าวก็คงจะดี !”

เย่ไห่รู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เย่ไห่ก็ส่ายหัวอย่างจนใจแล้วเดินจากไป

หลังจากเย่ไห่และหลันซินจากไปแล้ว หยางเฟิงกับเย่เมิ่งเหยียนและหยางพั่นพั่น ก็กลับไปยังห้องใต้ดิน

ในห้องใต้ดินมีเตียงเพียงหลังเดียว อีกทั้งมีพื้นที่จำกัด ดังนั้นหยางเฟิงจึงตั้งใจนอนบนพื้น

เมื่อคิดถึงเรื่องไม่ดีในวันนี้ เย่เมิ่งเหยียนก็ล้มตัวลงบนตียง แล้วน้ำตาก็ไหลรินลงมาอย่างไม่อาจควบคุมได้

เมื่อเห็นเย่เมิ่งเหยียนร้องไห้ หยางเฟิงก็พูดขึ้นด้วยความสงสาร : “เมิ่งเหยียน ขอโทษด้วยนะ ผมรู้ว่าวันนี้ผมทำให้คุณต้องอับอาย ผมสัญญาว่า......”

หยางเฟิงยังไม่ทันจะพูดจบ เย่เมิ่งเหยียนก็พูดตัดบทเขา : “ช่างเถอะค่ะ ไม่ว่าคุณจะเสียสติหรือเปล่า แต่คุณก็คือสามีของฉัน คุณคือพ่อของพั่นพั่น ขอแค่ครอบครัวของเราอยู่พร้อมหน้ากัน ฉันก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว”

เมื่อได้ยินดังนั้น หยางเฟิงก็รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง

“เมิ่งเหยียน คุณวางใจเถอะ ผมจะต้องทำให้คุณกับพั่นพั่นมีชีวิตที่ดีให้ได้ จริงสิ ผมติดต่อโรงพยาบาลตี้อีตงไห่ไว้แล้ว พรุ่งนี้พวกเราจะพาพั่นพั่นไปผ่าตัดได้แล้ว”

เย่เมิ่งเหยียนพูดขึ้นด้วยความยินดี : “จริงหรือคะ ? โรงพยาบาลตี้อี้ตงไห่ เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในตงไห่ คุณทำได้อย่างไร ?”

หยางเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม : “ผมมีเพื่อนทหารอยู่คนหนึ่ง ค่อนข้างมีอิทธิพลในตงไห่ ผมขอความช่วยหลือจากเขา”

หยางเฟิงไม่ได้พูดฐานะที่แท้จริงของตนเองออกมา เขามองออกว่า ต่อให้ตนเองพูดความจริง เย่เมิ่งเหยียนก็ไม่มีทางเชื่อ

เมื่อได้ยินสิ่งที่หยางเฟิงพูด เย่เมิ่งเหยียนก็ไม่นึกสงสัยเลยสักนิด

อย่างไรเสียหยางเฟิงเองก็เป็นทหารมากว่าห้าปี การจะมีเพื่อนทหารที่เก่งการอยู่บ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อคิดว่าในที่สุดลูกสาวของตนเองก็จะได้เข้ารับการผ่าตัดเสียที เย่เมิ่งเหยียนก็รู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก

ค่ำคืนผ่านไปอย่างเงียบ ๆ

วันรุ่งขึ้น

ครอบครัวของหยางเฟิงลุกขึ้นแต่เช้า

“เมิ่งเหยียน เพื่อนของผมรอพวกเราอยู่ที่ด้านนอกแล้ว”

“ได้ค่ะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ !”

เมื่อเย่เมิ่งเหยียนได้ยินดังนั้น ก็รีบอาบน้ำให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นจึงพาหยางพั่นพั่นเดินออกไป

หลังจากเดินออกไปแล้ว เย่เมิ่งเหยียนก็ต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้า

บนถนนด้านนอก รถฮัมเมอร์ของทหารสิบคันจอดเรียงอยู่ บนรถฮัมเมอร์ของทหารทุกคัน มีพลทหารที่ติดอาวุธครบมือนั่งอยู่เต็มคันรถ

เสือขาวที่สวมชุดเครื่องแบบทหารเดินตรงมา แล้วพูดขึ้นด้วยความเคารพ : “ท่านแม่ทัพ เชิญขึ้นรถครับ !”

หยางเฟิงพยักหน้าด้วยความเคยชิน

เมื่อนั่งอยู่ในรถฮัมเมอร์ เย่เมิ่งเหยียนกระซิบเบา ๆ ว่า : “หยางเฟิง เพื่อนของคุณสุดยอดจริง ๆ สามารถใช้พลทหารมากมายขนาดนี้ได้”

หยางเฟิงยิ้มโดยไม่พูดอะไร ถ้าหากไม่ใช่เพราะกลัวจะทำให้เย่เมิ่งเหยียนตกใจ เขาคงให้เฮลิคอปเตอร์บินมาแล้ว

แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เย่เมิ่งเหยียนตกตะลึงได้แล้ว

เย่เมิ่งเหยียนหันมองเสือขาวที่นั่งอยู่ข้างคนขับแล้วถามว่า : “สวัสดีค่ะ คุณคือเพื่อนทหารของหยางเฟิงใช่ไหมคะ ?”

เพื่อนทหาร ?

เสือขาวหันหน้ากลับไปด้วยสีหน้าสับสน

ทั่วทั้งต้าเซี่ย ใครกล้าพูดว่าตนเองเป็นเพื่อนทหารของหยางเฟิงกัน ?

เสือขาวหันมองหยางเฟิง และหยางเฟิงก็ขยิบตาให้กับเขา

เมื่อเห็นดังนั้น เสือขาวก็ยิ้มแล้วพูดว่า : “ใช่แล้ว ผมคือเพื่อนทหารของท่านแม่ทัพ”

เย่เมิ่งเหยียนถามด้วยความสงสัย : “ทำไมคุณเอาแต่เรียกหยางเฟิงว่าท่านแม่ทัพ ? ท่านแม่ทัพคืออะไรกันแน่ ?”

เสือขาวเกาหัวแล้วพูดว่า : “ท่านแม่ทัพ ? เรื่องนี้อธิบายค่อนข้างยาก......”

เสือขาวไม่รู้ว่าควรจะอธิบายเช่นไรดี หยางเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม : “เมิ่งเหยียน ความหมายของท่านแม่ทัพก็คือหัวหน้าของกองกำลังทั้งสาม !”

ในฐานะที่หยางเฟิงเป็นเทพสงครามอันดับหนึ่งของต้าเซี่ย จึงเป็นหัวหน้าของกองกำลังทั้งสาม ได้แก่ กองทัพเรือ กองทัพบก และกองทัพอากาศของต้าเซี่ย !

อ้อ !

เย่เมิ่งเหยียนไม่เข้าใจว่ากองกำลังทั้งสามหมายถึงอะไร จึงได้แต่พยักหน้าและไม่ถามอะไรต่อ

“คุณพ่อคะ ต่อไปพวกเราจะยิ่งใหญ่แบบนี้ได้ไหมคะ ?” หยางพั่นพั่นหันมองหยางเฟิงแล้วถามด้วยความคาดหวัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพสงครามพิทักษ์โลก