“คุณแม่ครับ......”
หยางเฟิงอยากอธิบาย แต่หลันซินไม่เปิดโอกาสให้เขาสักนิด หันหลังและเดินจากไปทันที
เย่ไห่หันมองหยางเฟิง แล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ
ถ้าหากลูกเขยของตนเอง สามารถเป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัวได้อย่างโจวห้าวก็คงจะดี !”
เย่ไห่รู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เย่ไห่ก็ส่ายหัวอย่างจนใจแล้วเดินจากไป
หลังจากเย่ไห่และหลันซินจากไปแล้ว หยางเฟิงกับเย่เมิ่งเหยียนและหยางพั่นพั่น ก็กลับไปยังห้องใต้ดิน
ในห้องใต้ดินมีเตียงเพียงหลังเดียว อีกทั้งมีพื้นที่จำกัด ดังนั้นหยางเฟิงจึงตั้งใจนอนบนพื้น
เมื่อคิดถึงเรื่องไม่ดีในวันนี้ เย่เมิ่งเหยียนก็ล้มตัวลงบนตียง แล้วน้ำตาก็ไหลรินลงมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
เมื่อเห็นเย่เมิ่งเหยียนร้องไห้ หยางเฟิงก็พูดขึ้นด้วยความสงสาร : “เมิ่งเหยียน ขอโทษด้วยนะ ผมรู้ว่าวันนี้ผมทำให้คุณต้องอับอาย ผมสัญญาว่า......”
หยางเฟิงยังไม่ทันจะพูดจบ เย่เมิ่งเหยียนก็พูดตัดบทเขา : “ช่างเถอะค่ะ ไม่ว่าคุณจะเสียสติหรือเปล่า แต่คุณก็คือสามีของฉัน คุณคือพ่อของพั่นพั่น ขอแค่ครอบครัวของเราอยู่พร้อมหน้ากัน ฉันก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น หยางเฟิงก็รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง
“เมิ่งเหยียน คุณวางใจเถอะ ผมจะต้องทำให้คุณกับพั่นพั่นมีชีวิตที่ดีให้ได้ จริงสิ ผมติดต่อโรงพยาบาลตี้อีตงไห่ไว้แล้ว พรุ่งนี้พวกเราจะพาพั่นพั่นไปผ่าตัดได้แล้ว”
เย่เมิ่งเหยียนพูดขึ้นด้วยความยินดี : “จริงหรือคะ ? โรงพยาบาลตี้อี้ตงไห่ เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในตงไห่ คุณทำได้อย่างไร ?”
หยางเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม : “ผมมีเพื่อนทหารอยู่คนหนึ่ง ค่อนข้างมีอิทธิพลในตงไห่ ผมขอความช่วยหลือจากเขา”
หยางเฟิงไม่ได้พูดฐานะที่แท้จริงของตนเองออกมา เขามองออกว่า ต่อให้ตนเองพูดความจริง เย่เมิ่งเหยียนก็ไม่มีทางเชื่อ
เมื่อได้ยินสิ่งที่หยางเฟิงพูด เย่เมิ่งเหยียนก็ไม่นึกสงสัยเลยสักนิด
อย่างไรเสียหยางเฟิงเองก็เป็นทหารมากว่าห้าปี การจะมีเพื่อนทหารที่เก่งการอยู่บ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อคิดว่าในที่สุดลูกสาวของตนเองก็จะได้เข้ารับการผ่าตัดเสียที เย่เมิ่งเหยียนก็รู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก
ค่ำคืนผ่านไปอย่างเงียบ ๆ
วันรุ่งขึ้น
ครอบครัวของหยางเฟิงลุกขึ้นแต่เช้า
“เมิ่งเหยียน เพื่อนของผมรอพวกเราอยู่ที่ด้านนอกแล้ว”
“ได้ค่ะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ !”
เมื่อเย่เมิ่งเหยียนได้ยินดังนั้น ก็รีบอาบน้ำให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นจึงพาหยางพั่นพั่นเดินออกไป
หลังจากเดินออกไปแล้ว เย่เมิ่งเหยียนก็ต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
บนถนนด้านนอก รถฮัมเมอร์ของทหารสิบคันจอดเรียงอยู่ บนรถฮัมเมอร์ของทหารทุกคัน มีพลทหารที่ติดอาวุธครบมือนั่งอยู่เต็มคันรถ
เสือขาวที่สวมชุดเครื่องแบบทหารเดินตรงมา แล้วพูดขึ้นด้วยความเคารพ : “ท่านแม่ทัพ เชิญขึ้นรถครับ !”
หยางเฟิงพยักหน้าด้วยความเคยชิน
เมื่อนั่งอยู่ในรถฮัมเมอร์ เย่เมิ่งเหยียนกระซิบเบา ๆ ว่า : “หยางเฟิง เพื่อนของคุณสุดยอดจริง ๆ สามารถใช้พลทหารมากมายขนาดนี้ได้”
หยางเฟิงยิ้มโดยไม่พูดอะไร ถ้าหากไม่ใช่เพราะกลัวจะทำให้เย่เมิ่งเหยียนตกใจ เขาคงให้เฮลิคอปเตอร์บินมาแล้ว
แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เย่เมิ่งเหยียนตกตะลึงได้แล้ว
เย่เมิ่งเหยียนหันมองเสือขาวที่นั่งอยู่ข้างคนขับแล้วถามว่า : “สวัสดีค่ะ คุณคือเพื่อนทหารของหยางเฟิงใช่ไหมคะ ?”
เพื่อนทหาร ?
เสือขาวหันหน้ากลับไปด้วยสีหน้าสับสน
ทั่วทั้งต้าเซี่ย ใครกล้าพูดว่าตนเองเป็นเพื่อนทหารของหยางเฟิงกัน ?
เสือขาวหันมองหยางเฟิง และหยางเฟิงก็ขยิบตาให้กับเขา
เมื่อเห็นดังนั้น เสือขาวก็ยิ้มแล้วพูดว่า : “ใช่แล้ว ผมคือเพื่อนทหารของท่านแม่ทัพ”
เย่เมิ่งเหยียนถามด้วยความสงสัย : “ทำไมคุณเอาแต่เรียกหยางเฟิงว่าท่านแม่ทัพ ? ท่านแม่ทัพคืออะไรกันแน่ ?”
เสือขาวเกาหัวแล้วพูดว่า : “ท่านแม่ทัพ ? เรื่องนี้อธิบายค่อนข้างยาก......”
เสือขาวไม่รู้ว่าควรจะอธิบายเช่นไรดี หยางเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม : “เมิ่งเหยียน ความหมายของท่านแม่ทัพก็คือหัวหน้าของกองกำลังทั้งสาม !”
ในฐานะที่หยางเฟิงเป็นเทพสงครามอันดับหนึ่งของต้าเซี่ย จึงเป็นหัวหน้าของกองกำลังทั้งสาม ได้แก่ กองทัพเรือ กองทัพบก และกองทัพอากาศของต้าเซี่ย !
อ้อ !
เย่เมิ่งเหยียนไม่เข้าใจว่ากองกำลังทั้งสามหมายถึงอะไร จึงได้แต่พยักหน้าและไม่ถามอะไรต่อ
“คุณพ่อคะ ต่อไปพวกเราจะยิ่งใหญ่แบบนี้ได้ไหมคะ ?” หยางพั่นพั่นหันมองหยางเฟิงแล้วถามด้วยความคาดหวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพสงครามพิทักษ์โลก
อ่านไม่ได้ครับ...