ทันใดนั้นเอง หยางเฟิงหยิบชิ้นส่วนแผนภาพจักรพรรดิมังกรอีกชิ้นหนึ่งออกจากช่องเก็บของที่หน้าอกของชุดของเขา เมื่อหยิบออกมาแล้ว เขาใช้ทั้งสองมือสะบัดชิ้นส่วนทั้งสองไปมาต่อหน้าผู่คุมกฎสิบ
ผู้คนมากมายส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตระหนก ความประหลาดใจ และความตื่นตะลึง ผู้คุมกฎสิบเองก็ได้แต่ตัวแข็งนิ่งอึ้งไปในทันทีเช่นกัน เขามองภาพนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา
หยางเฟิงจะมีชิ้นส่วนแผนภาพจักรพรรดิมังกรสองชิ้นได้ยังไง
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหยางเฟิงมีชิ้นส่วนแผนภาพจักรพรรดิมังกรมากว่าหนึ่งชิ้น เขาจําได้อย่างชัดเจนว่าหยางเฟิงได้เพียงเศษเสี้ยวของแผนภาพจักรพรรดิมังกรจากหลุมฝังศพของเย่เหวินในหมู่บ้านตระกูลเย่
แล้วทำไมเรื่องราวถึงเป็นเช่นนี้ แค่ไม่ได้เจอกันไม่นาน ทำไมหยางเฟิงมีชิ้นส่วนแผนภาพจักรพรรดิเพิ่มขึ้นได้ ทำไมเขาถึงมีสองชิ้นในมือแล้ว ทำไมสำนักของเขายังไม่มีสักชิ้น
หยางเฟิงไม่รอให้ผู้คุมกฎตั้งสติและตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาเจตนาจะกลั่นแกล้งผู้คุมกฎสิบให้หัวหมุนและพังทลายโดยสิ้นเชิง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหยิบชิ้นส่วนแผนภาพจักรพรรดิมังกรชิ้นที่สามออกมา
"ดูสิ ผมมีชิ้นส่วนแผนภาพจักรพรรดิมังกรสามชิ้นอยู่ในมือของผมแล้ว ชิ้นส่วนแผนภาพพวกนี้สำคัญกับคุณมากขนาดนั้นเลยเหรอ รู้ไหมว่าชิ้นส่วนพวกนี้ในสายตาของผมเป็นแค่เศษชิ้นส่วนกระดาษเท่านั้น"
“เสียดายนะ คุณผู้คุมกฎสิบ ที่ถ้าคุณอยากได้ชิ้นส่วนแผนภาพจักรพรรดิมังกรทั้งสามชิ้นที่อยู่ตรงนี้ คุณต้องมาแย่งไปจากมือผมให้ได้เท่านั้น”
เมื่อผู้คุมกฎสิบเห็นว่าหยางเฟิงมีชิ้นส่วนแผนภาพจักรพรรดิมังกรอยู่กับตัวถึงสามชิ้น ทันใดนั้น การหายใจของผู้คุมกฎก็กลายเป็นไปกระชั้นหอบด้วยความตื่นตกใจและตื่นตระหนกอย่างรวดเร็ว
คุณต้องรู้ว่า ตั้งแต่สมัยโบราณกาล สมบัติล้ำค่าล้วนตกเป็นของผู้ที่ถูกลิขิตไว้เท่านั้น
คนธรรมดาอาจจะไม่สามารถมองเห็นสมบัติดังกล่าวได้ ในโลกศิลปะการต่อสู้ก็เช่นกัน สมบัติล้ำค่าของโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ เช่น ชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายของภาพจักรพรรดิมังกร ถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่ผู้คนต่างหมายปองเช่นกัน
แต่ตอนนี้ บนร่างของหยางเฟิง ชิ้นส่วนแผนภาพจักรพรรดิมังกรสามชิ้นอยู่ตรงนี้แล้ว
"หยางเฟิง แก...
ผู้คุมกฎสิบรู้สึกเหมือนตัวเองกําลังเป็นบ้า! นี่มันต้องบ้าไปแล้ว!
สิ่งล่อใจในระดับเทียบได้กับชิ้นส่วนสามชิ้นของแผนภาพจักรพรรดิมังกรนั้นถือเป็นสิ่งล่อใจที่ยิ่งใหญ่เกินไป ล้ำค่าเกินไป และการได้เห็นในระยะเช่นนี้มีแต่จะทำให้ผู้คนโกรธแค้นและเป็นบ้าเพราะโชคชะตาของตนเองเท่านั้น เขารู้สึกได้ถึงเลือดที่สูบฉีดขึ้นมาเต็มศีรษะ เส้นเลือดขมับที่เต้นตุบๆ ระรัวอย่างเด่นชัด และความอัดอั้นคั่งแค้นที่แน่นอยู่ในใจ
บัดซบเอ๊ย!
ผู้คุมกฎสิบไม่อาจอดทนต่อการล่อใจด้วยสมบัติล้ำค่าขนาดนี้ได้อีกแล้ว สติและการมีเหตุผลของเขาหายไปแล้ว มีแต่อารมณ์และความต้องการอยากครอบครองชิ้นส่วนทั้งสามที่พลุ่งพล่านไปมาในใจของเขา ตอนนี้เขาคุร่นคิดเพียงแค่ว่าจะแย่งชิงด้วยกำลังจากหยางเฟิงมาให้ได้เท่านั้น
แต่ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าถึงตัวหยางเฟิงได้นั้น เขาก็ปะทะเข้ากับสิ่งหนึ่งก่อน
โครม!
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่ามีลมกระโชกแรงกระทบตัวเขา ส่งร่างของเขาลอยขึ้นกลางอากาศ ก่อนที่เขาจะตั้งตัวได้ เขาก็ร่วงลงสู่พื้นดินอย่างแรง เมื่อตั้งสติได้ ผู้คุมกฎสิบก็ดีดตัวขึ้นจากพื้น พุ่งเข้าใส่หยางเฟิงอีกครั้ง
“หยางเฟิง ฉันขอสู้ตายกับแก!”
ในขณะนี้ผู้คุมกฎสิบมีสภาพเป็นเหมือนคนบ้า เขาคําราม โถมตัวเข้าใส่ และเตะตวัดเข้าที่ศีรษะของหยางเฟิงอีกครั้ง คราวนี้ เขาตั้งใจจะเตะอย่างเต็มแรง ทุ่มสุดกำลังเพื่อเล่นงานหยางเฟิงให้ได้
โครม!
ก่อนที่ผู้คุมกฎสิบจะเตะมาโดนศีรษะของหยางเฟิง ขาของหยางเฟิงก็ตวัดด้วยความเร็วที่เหนือกว่า เตะเข้าที่ต้นขาของผู้คุมกฎสิบอย่างรุนแรง เสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพสงครามพิทักษ์โลก
อ่านไม่ได้ครับ...