“พวกคุณเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ฉันจะเป็นแขกผู้มีเกียรติที่สุดได้อย่างไร ?”
เย่เมิ่งเหยียนถามขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ
“ไม่ผิดหรอกครับ นี่คือสิ่งที่ท่านอภิมหาเศรษฐีกำชับลงมาด้วยตนเอง งานเลี้ยงคืนนี้ คุณหนูเย่คือแขกคนผู้มีเกียรติที่สุดของเราครับ”
บอดี้การ์ดพูดอย่างจริงจัง
“นี่มัน......”
จู่ ๆ เย่เมิ่งเหยียนก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อดี
เธอไม่เคยพบเจอกับเรื่องเช่นนี้มาก่อน
ตนเองก็เป็นเพียงแค่คุณหนูที่ถูกมองข้ามเท่านั้น
ทำไมถึงกลายเป็นแขกผู้มีเกียรติที่สุดของเศรษฐีหม่าได้ ?
หรือเป็นเพราะหยางเฟิง ?
เย่เมิ่งเหยียนหัวใจเต้นรัว
บัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ใบนี้เป็นของจริง
ตนเองเป็นแขกผู้มีเกียรติที่สุดของหม่าตง
เช่นนั้น ฐานะของหยางเฟิงต้องไม่ธรรมดาแน่นอน......
“เป็นไปไม่ได้ พวกแกจะต้องเข้าใจผิดแน่นอน !”
“จริงด้วย เย่เมิ่งเหยียนก็เป็นแค่ตัวตลกของตงไห่เท่านั้น !”
คนของตระกูลเย่และตระกูลหลัน ต่างโมโหจนหน้าเขียวคล้ำ
พวกเขาไม่เชื่อว่าเป็นความจริง
ถ้าหากเย่เมิ่งเหยียนเป็นแขกผู้มีเกียรติคนสำคัญของหม่าตง
เช่นนั้นพวกเขาคืออะไรกัน ?
“หุบปากเดี๋ยวนี้ พวกคุณกล้าสงสัยการตัดสินใจของท่านอภิมหาเศรษฐีอย่างนั้นหรือ ?”
หัวหน้าบอดี้การ์ดหันมองทุกคนด้วยท่าทีดุดัน
คนของตระกูลเย่และตระกูลหลัน ต่างไม่กล้าสบตาเขา แต่ละคนต่างก้มหน้าก้มตาไม่พูดจา
หลันซินเดินเข้าไป แล้วถามว่า : “ไม่ทราบว่าทำไมพวกเขาถึงมายืนกันอยู่ที่ประตูหรือคะ ?”
หัวหน้าบอดี้การ์ดยิ้มเยาะแล้วพูดว่า : “พวกเขาถูกท่านอภิมหาเศรษฐีใส่ชื่อลงในบัญชีดำนะสิครับ จึงห้ามเข้าด้านใน !”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง !”
บนใบหน้าของหลันซิน ปรากฏรอยยิ้มของความสะใจออกมาทันที
“เย่เมิ่งเหยียน ส่งบัตรเชิญทองคำมานี่ !”
ตอนนี้เอง เย่เทียนเดินออกมาด้วยความโกรธจนสีหน้าเขียวคล้ำ
“คุณปู่คะ คุณปู่หมายความว่าอย่างไรคะ ?”
เย่เมิ่งเหยียนหันมองเย่เทียน แล้วเอ่ยถามด้วยความตกใจ
“ถ้าหากแกยังเป็นหลานสายของตระกูลเย่ ก็รีบส่งบัตรเชิญมานี่เดี๋ยวนี้”
“ยังมีเรื่องที่หยางเฟิงข่มขู่ตระกูลเย่ในงานเลี้ยงวันเกิดของฉันที่จะให้พวกเขาคุกเข่าขอโทษแกภายในเจ็ดวันอีก”
“คนแบบนี้ไม่เหมาะจะเป็นลูกเขยของตระกูลเย่เรา ฉันจะให้แกหย่ากับเขาซะ !”
ตอนนี้ แววตาของเย่เทียนดุดันมาก
ราวกับกริชอันคมกริบ จ้องมองมาที่เย่เมิ่งเหยียนตาเขม็ง
เย่กวงและเย่ชิวเองก็หันมองหน้ากัน และเข้าใจความหมายของเย่เทียนในทันที
ตระกูลเย่ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปด้านใน ไม่สามารถร่วมงานเลี้ยงได้
แต่ในมือของเย่เมิ่งเหยียนมีบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์อยู่
หากพวกเขานำบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ใบนั้นมาได้ ตระกูลเย่ก็จะสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงได้ ในฐานะแขกที่มีเกียรติที่สุด
ถึงตอนนั้น ถือเป็นประโยชน์อย่างมากในการช่วยให้ตระกูลเย่ ขึ้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของตงไห่
“เย่เมิ่งเหยียน แกคิดจะขัดขืนหรือ ? หรือแกไม่เชื่อฟังแม้กระทั่งคุณปู่แล้ว ?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เย่กวงก็ก้าวออกมาด้วยท่าทีบีบบังคับ
เย่ชิวแสยะยิ้มแล้วพูดว่า : “เย่เมิ่งเหยียน ฉันขอเตือนให้เธอรีบส่งบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์มาจะดีกว่า ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจก็แล้วกัน !”
“คุณปู่คะ อารอง ทำไมจะต้องบังคับหนูเช่นนี้ด้วย ?”
ต่างก็เป็นคนในครอบครัวทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ แต่ละคนกลับดูเหมือนสัตว์ร้ายที่อยากจะกลืนกินตนเองลงไป
ทันใดนั้น เย่เมิ่งเหยียนก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา
“พ่อครับ ทำไมถึงทำแบบนี้ครับ ?”
เย่ไห่กับหลันซินเองก็ก้าวออกมา
“พวกแกหุบปากเดี๋ยวนี้ ที่นี่พวกแกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น !”
“หากพวกแกยังอยากกลับไปที่ตระกูลเย่อีก ก็ให้เย่เมิ่งเหยียนส่งบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์มา จากนั้นก็หย่ากับหยางเฟิงซะ”
“หรือพวกแกไม่อยากกลับไปที่ตระกูลเย่ ? หรือพวกแกยินดีที่จะพึ่งพาอาศัยคนอื่นไปตลอดชีวิต ?”
“ขอแค่พวกแกให้เย่เมิ่งเหยียนส่งบัตรเชิญมา และหย่ากับหยางเฟิงซะ ฉันไม่เพียงจะให้พวกแกกลับไปที่ตระกูลเย่เท่านั้น แต่จะให้เย่เมิ่งเหยียน ขึ้นเป็นผู้จัดการใหญ่ของเย่ซื่อกรุ๊ปอีกด้วย”
“ถ้าหากพวกแกไม่ยอมละก็ พวกแกไม่เพียงแต่จะกลับมาเหยียบตระกูลเย่ไม่ได้ตลอดชีวิตเท่านั้น แต่ฉันลบชื่อของพวกแก ออกจากผังสมาชิกของตระกูลเย่อีกด้วย !”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำขู่ของเย่เทียน หลันซินและเย่ไห่ต่างก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา
การใช้ชีวิตที่ต้องคอยพึ่งพิงคนอื่นอยู่ตลอด พวกเขาเผชิญมาพอแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพสงครามพิทักษ์โลก
อ่านไม่ได้ครับ...