เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฟิง หลันซินก็หลุดขำออกมา
“หยางเฟิง แกเสียสติไปแล้วหรือ ?”
“แกเป็นแค่ลูกเขย กลับกล้าพูดว่าจะทำให้ตระกูลเย่หายสาบสูญไป ? แกรู้ไหมว่าตระกูลเย่แข็งแกร่งแค่ไหน ?”
หยางเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง : “คุณแม่ครับ เชื่อผมเถอะนะครับ ตอนนี้แค่คำพูดของผมประโยคเดียว ก็สามารถเหยียบตระกูลเย่ให้จมดินได้แล้ว”
หลันซินยื่นโทรศัพท์ให้หยางเฟิงแล้วหัวเราะเยาะ : “แกบอกว่า แกพูดแค่คำเดียวก็สามารถเหยียบตระกูลเย่ให้จมดินได้แล้วไม่ใช่หรือ ? ตอนนี้แสดงให้ฉันเห็นหน่อยสิ ว่าแกจะเหยียบตระกูลเย่ให้จนดินได้อย่างไร !”
หยางเฟิงผงะไป
ตอนนี้คำพูดเพียงประโยคเดียวของเขา ก็สามารถเหยียบตระกูลเย่ให้จมดินได้จริง ๆ
แต่เขาพูดเอาไว้แล้วว่าจะให้เวลาตระกูลเย่เจ็ดวัน ตนเองเป็นถึงเทพสงครามอันดับหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่ จะผิดคำพูดได้อย่างไร ?
เมื่อเห็นหยางเฟิงไม่พูดไม่จา หลันซินก็พูดเยาะเย้ยขึ้นว่า : “แกดูสิ แกทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังจะกล้ามาพูดโอ้อวดต่อหน้าฉันอีก ต่อไปขอให้แกอยู่กับความเป็นจริงสักหน่อย อย่าเอาแต่พูดเรื่องที่ไม่มีทางเป็นจริงขึ้นมาได้”
เย่ไห่ที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ มาโดยตลอด พูดขึ้นว่า : “เอาละ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว งานเลี้ยงครอบครัวเริ่มขึ้นแล้ว อย่าให้ต้องขายหน้าคนอื่น ๆ เลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของสามี หลันซินจึงหุบปาก
เย่ไห่หันมองหยางเฟิงแล้วถอนหายใจ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง ทุกคนต่างมองออก
ชั่วพริบตา งานเลี้ยงครอบครัวก็เริ่มต้นขึ้น
คนของตระกูลหลันเตรียมนั่งประจำที่
หลันเฟิงซึ่งเป็นลูกชายคนโตของนายท่านตระกูลหลัน เป็นลุงใหญ่ของเย่เมิ่งเหยียน จู่ ๆ ก็เข้ามาขวางพวกของหลันเฟิงเอาไว้
“พวกแกห้ามนั่งโต๊ะใหญ่ นั่งได้แค่โต๊ะเล็กเท่านั้น”
เมื่อได้ยินดังนั้น ครอบครัวของเย่เมิ่งเหยียนก็ตกตะลึง
หลันซินก้าวขึ้นมาแล้วพูดด้วยความโมโห : “พี่ใหญ่ ทำไมถึงพูดจาเช่นนี้ พวกเราก็เป็นคนของตระกูลหลันเหมือนกันนะ”
หลันเฟิงหันมองหลันซินแล้วพูดอย่างดูถูก : “โบราณว่าเอาไว้ถูกต้อง ลูกสาวที่แต่งงานแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป พวกแกยังถือว่าเป็นคนของตระกูลหลันอีกหรือ ? ถ้าหากไม่ใช่เพราะตระกูลหลันมีเมตตารับเลี้ยงพวกแกเอาไว้ เกรงว่าตอนนี้พวกแกคงกลายเป็นคนจรจัดอยู่ข้างถนนแล้ว”
“นีพี่......”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลังซินก็โกรธจนตัวสั่น
หลันซินคิดไม่ถึงเลยว่า โลกนี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก เมื่อตนเองตกต่ำ แม้แต่พี่ชายแท้ ๆ ของตนเองก็ยังดูถูกตนเองเลย
เย่ไห่ที่ยืนก้มหน้าก้มตาอย่างรู้ตัวดี ก้าวออกมาแล้วพูดว่า : “เอาล่ะ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว พวกเราไปนั่งโต๊ะเล็กกันเถอะ !”
เมื่อคนอื่น ๆ ในตระกูลหลันเห็นดังนั้น ก็ยิ้มเยาะออกมา
“คุณจะต้องขอโทษคุณแม่ของผม !”
ตอนนี้เอง หยางเฟิงก้าวออกมา แล้วเดินไปตรงหน้าหลันเฟิง แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าดุดัน
หลันเฟิงเห็นหยางเฟิงก็หัวเราะเยาะแล้วพูดว่า : “แกคิดว่าแกเป็นใคร ? ก็แค่ลูกเขยคนหนึ่งเท่านั้น ยังกล้าพูดจาโอ้อวดต่อหน้าฉันอีก เชื่อไม่ว่าฉันสามารถไล่ครอบครัวของพวกแก ออกจากตระกูลหลันได้ ?”
“หยางเฟิง ช่างเถอะ !”
หยางเฟิงกำลังจะพูดบางอย่าง แต่เย่เมิ่งเหยียนกลับดึงเขาเอาไว้
เมื่อเห็นท่าทีวิงวอนขอร้องของเย่เมิ่งเหยียน หยางเฟิงก็สูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อระงับอารมณ์
ตอนนี้เอง มีชายชราผู้หนึ่งเดินเข้ามา
ชายชราผู้นี้ ก็คือหลันเจิ้น ผู้นำตระกูลหลัน และเป็นคุณตาของเย่เมิ่งเหยียน
หลันเจิ้นหันมองหยางเฟิง สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพสงครามพิทักษ์โลก
อ่านไม่ได้ครับ...