ตอนที่ 1050 ลุกไหม้ให้เต็มที่เสียดีกว่า (1)
………………..
มหกรรมดนตรีบลูสตาร์
วันที่สิบสี่
หลินเยวียนนั่งอยู่ในตำแหน่งที่นั่งโค้ชตามปกติ ร่วมกับเหล่าพ่อเพลงคนอื่นๆ ของฉินโจว เฝ้าดูการแข่งขันในแต่ละหมวดหมู่ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตรงหน้า
รอบชิงชนะเลิศหมวดหมู่แรก
หานโจวคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ!
ผู้เข้าแข่งขันจากหานโจวที่คว้าชัยได้ถึงกับแหงนหน้าร้องคำรามขึ้นฟ้า สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น!
นี่คือเหรียญทองเหรียญที่เจ็ดของหานโจว เมื่อมีเหรียญนี้ หานโจวจึงสามารถไต่อันดับขึ้นมาเทียบเท่าเว่ยโจวในอันดับสามบนตารางเหรียญทองได้สำเร็จ!
แม้ว่าอันดับที่สามนี้ เมื่อเทียบกับอันดับหนึ่งหรืออันดับสองแล้ว จะยังคงห่างไกลกันอยู่มากโขก็ตาม
จากนั้นในรอบชิงชนะเลิศหมวดหมู่ถัดมา
ฉู่โจวคว้าแชมป์!
นี่คือเหรียญทองเหรียญที่ห้าของฉู่โจว!
เมื่อได้เหรียญนี้ ฉู่โจวก็สามารถขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ห้าเคียงข้างกับฉีโจวได้!
สำหรับทวีปอื่นๆ นอกเหนือจากฉินโจวและจงโจว แค่เหรียญทองเพียงเหรียญเดียวก็สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของพวกเขาบนตารางเหรียญทองได้แล้ว
‘ขอแสดงความยินดีกับหานโจว!’
‘ยินดีด้วยนะ ฉู่โจว!’
‘การแข่งรอบชิงในสองหมวดหมู่ช่วงเช้านี้น่าสนใจจริงๆ จงโจวและฉินโจวที่ปกติมาแรงกลับได้แค่เหรียญเงิน ส่วนหานโจวกับฉู่โจวกลับคว้าเหรียญทองไปได้อย่างละเหรียญ’
‘สำหรับฉินโจวและจงโจว ผลลัพธ์แบบนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร’
‘บางทีคนที่รับไม่ได้ที่สุดอาจจะเป็นตัวผู้เข้าแข่งขันเองมากกว่า’
‘เราจะเห็นได้ว่าพวกผู้เข้าแข่งขันที่ตกรอบกำลังร้องไห้ด้วยความเสียใจ’
‘เดี๋ยวก่อนนะ!’
‘เหมือนจะเกิดเรื่องแล้ว!’
ท่ามกลางเสียงร้องตกใจจากห้องถ่ายทอดสดของแต่ละทวีป
มีคนสังเกตเห็นผู้เข้าแข่งขันจากจ้าวโจวที่เพิ่งตกรอบเกิดอาการเป็นลมล้มลง!
ผู้เข้าแข่งขันคนนั้น ตอนที่เป็นลมล้มลงไป บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
แพทย์ซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปจึงรุดเข้ามาตรวจอาการทันที พร้อมทั้งจัดทีมพยาบาลมาช่วยกันหามออกไป
ไม่นานหลังจากนั้น
พิธีกรก็ขึ้นมาบนเวทีเพื่ออธิบาย “ทุกท่านไม่ต้องกังวลนะครับ หมิงชีผู้เข้าแข่งขันจากจ้าวโจว เพียงแค่รู้สึกเสียใจที่แพ้การแข่งขันจนเกิดอาการหน้ามืดเป็นลมไป แต่หมอตรวจแล้วครับว่าไม่เป็นอะไรร้ายแรง”
เสียงพรูลมหายใจอย่างโล่งอกดังขึ้นทั่วทั้งสนามแข่งขัน
ในการแข่งขันตลอดหลายวันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าแต่ละคนได้เห็นผู้เข้าแข่งขันร้องไห้บนเวทีมาแล้วกี่คน
ถึงแม้จะเป็นครั้งแรกที่มีผู้เข้าแข่งขันเสียใจจนถึงขั้นลมจับ แต่ก็ไม่มีใครมองว่าผู้เข้าแข่งขันคนนี้จิตใจอ่อนแอจนเหลือรับแต่อย่างใด
คนเราล้วนมีความเห็นอกเห็นใจ
ทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจผู้เข้าแข่งขันที่ต้องพ่ายแพ้
อันที่จริง
เวลาเห็นผู้เข้าแข่งขันของทวีปตนเองต้องตกรอบ ผู้ชมในแต่ละทวีปก็มักจะรู้สึกหดหู่เป็นพิเศษ
บางคนถึงขั้นร้องไห้ไปพร้อมๆ กับผู้เข้าแข่งขันเลยทีเดียว
คนที่ต้องเผชิญกับความกดดันทางจิตใจมากที่สุดจากผลแพ้ชนะในการแข่งขันแต่ละรายการ ก็คือเหล่าผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้นั่นเอง
ถ้าชนะก็มีแต่เสียงชื่นชม
ถ้าแพ้ก็มีแต่เสียงด่าทอ
ทุกทวีปล้วนมีคนประเภทนี้
และนั่นยิ่งทำให้ความกดดันที่ผู้เข้าแข่งขันต้องแบกรับนั้นทวีความหนักหน่วงมากขึ้น
บางทีอาจมีผู้เข้าแข่งขันที่ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยหลั่งน้ำตาสักหยด แค่หันหลังจากไปอย่างเหงาหงอย ทว่าจะมีสักกี่คนที่สามารถเข้าใจความเจ็บปวดของพวกเขาได้จริง?
พวกเขาวางทุกอย่างลง ทุ่มเทเตรียมตัวอย่างเต็มที่เพื่อมหกรรมดนตรีบลูสตาร์
หลายคนทำเพื่อทั้งตัวเอง และเพื่อบ้านเกิดที่อยู่ข้างหลัง หวังจะคว้าเหรียญรางวัลกลับมาให้ได้
แต่ในท้ายที่สุดกลับถูกคัดออก ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาถูกปฏิเสธ
พวกเกรียนคีย์บอร์ดทั้งหลายที่เห็นผู้เข้าแข่งขันพลาดพลั้ง ก็ด่าพวกเขาอย่างสาดเสียเทเสียราวกับตนเองเจ็บปวดแสนสาหัส แต่กลับลืมไปว่า ในช่วงเวลาแบบนี้ คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือผู้ที่ลงแข่งเหล่านี้เองต่างหาก
ชั่วขณะหนึ่ง
แม้แต่ในตำแหน่งที่นั่งของโค้ชแต่ละทวีป ก็ยังมีเสียงถอนหายใจดังแว่วมาบ้าง
บรรดาโค้ชจากแต่ละทวีป เป็นคนที่มีความรู้สึกร่วมกับผู้เข้าแข่งขันมากที่สุด
หลายครั้งหลายครา คนที่พ่ายแพ้ในเวทีการแข่งขันไม่ใช่แค่ผู้เข้าแข่งขันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังผลงานของผู้เข้าแข่งขัน อย่างทั้งโค้ชหรือพ่อเพลงเหล่านั้น
สิ่งนี้ทำให้ผู้เข้าแข่งขันกับพ่อเพลง มักจะเข้าอกเข้าใจกันได้อย่างลึกซึ้งที่สุด
ใช่แล้ว
ผู้เข้าแข่งขันจากจ้าวโจวที่เสียใจจนถึงขั้นเป็นลม สำหรับมหกรรมดนตรีบลูสตาร์แล้ว นี่เป็นแค่เหตุการณ์เล็กน้อย
ทว่าความเหตุการณ์เล็กน้อยนี้กลับทำให้บรรยากาศในสนามแข่งขันหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
ทุกคนต่างนึกถึงช่วงเวลาแห่งความฝันที่แตกสลายมากมายนับไม่ถ้วนตลอดหลายวันที่ผ่านมาในการแข่งขันครั้งนี้
บรรยากาศที่กดดันเช่นนี้ ถึงขั้นส่งผลกระทบไปถึงการแข่งขันในรอบต่อไปด้วย
…
การแข่งขันถัดไปคือรอบชิงชนะเลิศของประเภทขับร้องประสานเสียง
ฉินโจวก็สามารถผ่านเข้ามาถึงรอบนี้มาได้เช่นกัน
อีกสองทีมที่ผ่านเข้ามาคือทีมจากฉีโจวและทีมจากจงโจว
ทีมขับร้องประสานเสียงของจงโจวเป็นฝ่ายขึ้นร้องก่อน
ทว่าพวกเขากลับได้รับผลกระทบจากบรรยากาศที่หดหู่ในสนามแข่งขันอย่างเห็นได้ชัด เมื่อร้องจบหนึ่งเพลง ผู้ชมในสนามกลับไม่ได้แสดงความตื่นเต้นออกมามากนัก
และผลกระทบนี้ก็เป็นไปส่งผ่านไปสู่กันและกันได้
เมื่อการตอบสนองผู้ชมนั้นแลดูไม่กระตือรือร้นนัก ทีมขับร้องประสานเสียงของจงโจวเองก็แสดงออกมาได้ไม่เต็มที่เช่นกัน สุดท้ายจึงได้คะแนนเพียง 92 คะแนน
หากวัดตามมาตรฐานรอบชิงชนะเลิศแล้ว คะแนนนี้ถือว่าค่อนข้างต่ำทีเดียว
ทางฝั่งห้องถ่ายทอดสดของจงโจว
ผู้ชมพากันถอนหายใจ
‘บรรยากาศกดดันเกินไปจริงๆ ลงแข่งในช่วงเวลาแบบนี้เสียเปรียบสุดๆ เลย รู้สึกเหมือนทั้งผู้เข้าแข่งขันและกรรมการต่างก็ได้รับผลกระทบกันหมด’
‘ไม่ต้องพูดถึงในสนามหรอก แค่ฉันดูอยู่ทางนี้ก็ยังรู้สึกอึดอัดตามไปด้วยเหมือนกัน’
‘ตอนที่ผู้เข้าแข่งขันแพ้ พวกเขาต้องรู้สึกสิ้นหวังมากแน่ๆ’
‘ทั้งที่พวกเขาทุ่มเททุกอย่างแล้วแท้ๆ แต่พอแพ้ก็ยังโดนพวกเกรียนคีย์บอร์ดถล่มไม่เลิก’
‘ผู้เข้าแข่งขันฝั่งเราก็เริ่มร้องไห้กันแล้ว’
‘โธ่เอ๊ย!’
‘นี่มันวงจรอุบาทว์ชัดๆ เลย!’
…
ใช่แล้ว
เมื่อวงประสานเสียงของจงโจวเห็นคะแนน ก็มีคนที่น้ำตาคลอขึ้นมาทันที ก่อนที่น้ำตาจะไหลพรากไม่หยุด
เพื่อนร่วมทีมที่อยู่ข้างๆ รีบเข้ามาปลอบ ทว่าปลอบได้ไม่กี่คำ ตัวเองก็พลอยร้องไห้ตามไปด้วย สุดท้ายกลายเป็นทุกคนโผเข้ากอดกันร้องไห้สะอึกสะอื้น
ในตอนนั้นเอง

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...