ตอนที่ 1068 น้ำตาไหลริน (2)
มีคำพูดหนึ่งของอาจารย์ตราตรึงอยู่ในใจของเหอซีเสมอมา
การค้นคว้าหมายถึงความโดดเดี่ยว
น่าเสียดาย ที่แม้แต่อาจารย์เอง ก็ลืมไปแล้วว่าเคยพูดเช่นนี้
เหอซีเดิมพันทุกสิ่งทุกอย่างที่มี เพียงเพื่อทฤษฎีความต่อเนื่องย่อย
แม้ว่าทางมหาวิทยาลัยจะไม่ยอมรับให้ทฤษฎีนี้เป็นหัวข้อวิจัยหลักก็ตาม
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ยอม
ไม่มีใครในโลกนี้คิดว่าทฤษฎีนี้มีประโยชน์
สำหรับเรื่องนี้
เหอซีตอบด้วยน้ำเสียงเรียบสงบแต่เต็มไปด้วยความเศร้า “ที่จริงผมรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ใช่ครับ ผมยอมรับว่ามันไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย พูดตามตรง ผมชัดเจนกว่าทุกคนเสียอีก”
หลังจากพูดประโยคนี้
เหอซีรู้สึกราวกับมีบางอย่างในใจค่อยๆ แตกสลาย ร่วงหล่นเป็นเป็นผงฝุ่น
แต่ผมต้องทำให้มันสำเร็จ
นี่คือโชคชะตาของผม
แม้จะต้องออกเงินเอง
เหอซีก็ยังเดินบนเส้นทางนี้อย่างไม่ลังเล
ต่อมาเขาได้รับจดหมายจากแฟนสาว ภายในมีเป็นการบ่นถึงความเจ็บปวดจากชีวิตที่ห่างไกล
และหลังจากนั้นไม่นาน
เหอซีก็ได้รู้ว่า
เหล่าคังได้ลาออกจากงานที่บ้านเกิด และย้ายไปอยู่กับเจียงเสวี่ย
ทว่าเรื่องราวเหล่านี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของเหอซีได้เลย
เขาเหมือนนักพนันคนหนึ่ง ที่ทุ่มชิปทั้งหมดในมือเพื่อเดิมพัน
และในที่สุด
เขาก็ใช้เงินของตนเองตีพิมพ์ผลงาน ‘ทฤษฎีความต่อเนื่องย่อย’ ได้สำเร็จ
…
[ซย่าฉวินฟางเช็ดเหงื่อ พลางหันกลับไปมองกองหนังสือหลายสิบมัดที่เรียงแน่นอยู่ด้านหลังรถเป็นระยะๆ หนังสือแต่ละเล่มหนายิ่งกว่าก้อนอิฐ แถมแต่ละเล่มยังแบ่งเป็นสามเล่มย่อย ตอนต้น ตอนกลาง และตอนปลาย หนักแน่นจนทำให้เธอรู้สึกเคารพอย่างลึกซึ้งจากใจจริง นั่นทำให้ซย่าฉวินฟางหวนนึกถึงเมื่อเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน ตอนที่เธอเพิ่งเริ่มเรียนหนังสือ เมื่อได้เปิดอ่านตำราเรียน หัวใจดวงเล็กๆ ของเธอในตอนนั้น เคารพคนผู้ที่เขียนหนังสือออกมาประหนึ่งกับเป็นเทพเจ้า ลองคิดดูสิ คนทั้งประเทศใช้หนังสือเล่มเดียวกัน ครูเองก็ใช้มันในการสอนและตรวจข้อสอบ หนังสือคือมาตรฐาน คือสิ่งยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และคนที่เขียนหนังสือออกมาได้ ย่อมยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า และตอนนี้ หนังสือทั้งหมดเหล่านี้ กลับเป็นสิ่งที่ลูกชายของเธอเป็นคนเขียนขึ้นมาเอง!]
แม่มีความสุขเหลือเกิน
เธอโอ้อวดต่อเพื่อนบ้านด้วยความภูมิใจราวกับประกาศชัยชนะว่า “หนังสือที่เสี่ยวซีลูกชายฉันเป็นคนเขียน!”
เธอชี้ไปยังกองหนังสือมหึมาแต่ละมัด ในใจพลันล้นปรี่ นี่อาจจะเป็นวันที่เธอรู้สึกสุขใจและภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
เพียงแค่มีคนชมไม่กี่คำซย่าฉวินฟางก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลมด้วยความปลื้มปิติ
ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว หัวใจก็เต้นแรงไม่เป็นส่ำ กระปรี้กระเปร่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมา
เธอแทบจะ ยกกองหนังสือหลายสิบมัดขึ้นชั้นบนได้ด้วยแรงของเธอคนเดียว
โรคทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นไหล่ติด กล้ามเนื้อหลังอักเสบดูเหมือนจะหายเป็นปลิดทิ้ง
หนังสือมากมายจนเสียจนเมื่อถูกขนเข้าบ้าน ก็ทำให้บ้านดูแคบลงทันตาซย่าฉวินฟางจึงเริ่มขยับเฟอร์นิเจอร์จัดวางใหม่อย่างขะมักเขม้นไม่รู้เหนื่อย สุดท้ายเธอจัดหนังสือทั้งหมดให้ กลายเป็นภูเขาหนังสือขนาดกะทัดรัด กองเป็นเหลี่ยมมุมเรียบร้อย สันหนังสือหันออกด้านนอก ใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาในบ้าน จะสามารถมองเห็นชื่อเรื่องของหนังสือและชื่อของเหอซีซึ่งตีพิมพ์ด้วยตัวอักษรสีทองได้ทันที
หลังจากนั้น ซย่าฉวินฟางก็เริ่มจัดเก็บบรรดาวัสดุต่างๆ สำหรับห่อหุ้มหนังสือ
แต่ทุกครั้งที่หยุดพัก เธอมักจะหันไปมองภูเขาหนังสือกองนั้นแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขครั้งแล้วครั้งเล่า
บางทีเหอซีอาจจะยังเจ็บปวดอยู่บ้าง
เขา ได้สูญเสียเจียงเสวี่ย ผู้เป็นคนรักไปในท้ายที่สุด
ในวันที่เหล่าคังเดินทางไปหาเสี่ยวเสวี่ยที่สนามบิน เหอซียืนมองเหล่าคังซึ่งมีความสูงไล่เลี่ยกับตนเอง แต่จู่ๆ เขากลับรู้สึกว่าตนเองตัวเล็กลงมาถนัดตา
อาจารย์พูดถูกทุกอย่าง
ไม่มีใครสนใจงานวิจัยของเขาเลย
แม้แต่อาจารย์ ถึงแม้จะรับชุดหนังสือไปหนึ่งชุด ยังยัดเงินให้เขา 400 หยวนแล้วเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
กระทั่งเดินห่างออกไปมากแล้ว เหอซีถึงได้เห็นว่า อาจารย์หลิวชิงส่ายหน้าเบาๆ แล้วโยนหนังสือเล่มนั้นลงถังขยะข้างทาง
และก็เป็นภาพนี้เอง ที่ทำให้เหอซีได้ตระหนักอย่างแท้จริงว่า
ทฤษฎีความต่อเนื่องย่อยของเขา เป็นสิ่งที่ไร้ค่าแม้แต่จะเอากลับไปตั้งโชว์ที่บ้าน ยังไม่คู่ควรเลยด้วยซ้ำ
บนท้องฟ้า เขาคล้ายกับเห็นสมุดบัญชีเงินฝากสีแดงชุ่มเหงื่อเล่มนั้น บินว่อนอยู่ในอากาศ
ในหูของเขา ก็คล้ายได้ยินเสียงแม่พูดอีกครั้งว่า ‘นี่เป็นเงินที่โรงงานจ่ายค่าซื้ออายุงานของแม่คืน ยี่สิบเจ็ดปีที่แม่ทำงานมา’



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...