ตอนที่ 1068-3 น้ำตาไหลริน (3)
เหอซีเสียสติไปแล้ว
ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเสียสติไปได้อย่างไร
บางทีอาจเป็นเพราะผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นที่กลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้
เฉินเล่อก็รู้สึกสับสนและว่างเปล่าในใจ
เรื่องราวทั้งหมด ตอนนี้เหลืออีกเพียงสองหน้าเท่านั้น
แต่เขากลับไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยรูปแบบแบบใด
เสียสติไปแล้วจริงๆ หรือ!?
ตกลงใครกันแน่ที่เสียสติ ตัวเอกอย่างเหอซี หรือผู้เขียนอย่างฉู่ขวง!?
ทำไมถึงต้องเขียนให้เป็นแบบนี้!?
ไม่มีความหวัง ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีการหักมุมใดๆ !
เหอซีเดิมพันทั้งชีวิตของตัวเอง แต่ตอนจบกลับกลายเป็นคนวิกลจริต!
แม้จะมองในฐานะนักเขียนนิยายแนววิทยาศาสตร์เฉินเล่อก็ยังไม่สามารถเข้าใจสิ่งนี้ได้เลย!
ไม่สิ!
แม้จะมองในฐานะ “ผู้อ่านธรรมดา”เฉินเล่อก็ยังไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย!
โทนเรื่องที่สิ้นหวังถึงเพียงนี้!
เรื่องราวแบบนี้จะมีความหมายอะไร!?
หรือบางที ความหมายทั้งหมดอาจจะรออยู่ที่ตอนจบ
นิ้วมือของเฉินเล่อเริ่มสั่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัวเขาค่อยๆ พลิกเปิดสองหน้าสุดท้ายอย่างระมัดระวัง
ดวงตาของเฉินเล่อเบิกกว้าง ลมหายใจของเขาหอบถี่จนแทบควบคุมไม่อยู่!
แรงสั่นสะเทือนอันหนักหน่วงพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาในเสี้ยววินาที เขาสัมผัสได้ถึงความชาวาบที่แล่นขึ้นมาจากหนังศีรษะ ขนลุกซู่ไปทั้งตัวด้วยความตกตะลึง !
…
ผู้โศกศัลย์
บทสรุปสุดท้าย
[ผมชื่อเหอหงเหว่ย
ระยะหลังมานี้ผมไม่ได้พบแขกแม้แต่คนเดียวแม้ว่าภายนอกจะกำลังตื่นเต้นกับเหตุการณ์ระดับพลิกหน้าประวัติศาสตร์ครั้งนี้ก็ตาม
ตลอดสองวันที่ผ่านมา ฉันง่วนอยู่กับการเขียนเอกสารชุดหนึ่ง
อันที่จริงมันก็แค่รายชื่อคนไม่กี่คน พร้อมคำอธิบายสั้นๆ แนบไปแต่ทุกครั้งที่เขียนชื่อลงไปสักชื่อ ผมก็อดถอนหายใจยาวไม่ได้และเมื่อเขียนถึงชื่อสุดท้าย ผมถึงกับจับปากกาแทบไม่อยู่
ตอนนี้ ผมกำลังยืนอยู่บนเวทีรับรางวัลสูงสุดแห่งวงการวิทยาศาสตร์พร้อมกับเอกสารครึ่งหน้ากระดาษแผ่นนั้นในมือ
ไม่ว่าพูดถึงถึงโครงการที่ฉันได้รับรางวัลนี้ว่าอย่างไร ก็ไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย
เพราะผมและห้องทดลองที่ผมเป็นหัวหน้านั้น ได้รับรางวัลจากผลงานสมการสนามเอกภาพ นี่คือความฝันทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ
และในความหมายหนึ่ง นี่คือจุดสูงสุดของความเข้าใจของมนุษย์ต่อจักรวาล…]
ผม!
เป็นผม!
มุมมองบุคคลที่หนึ่งในนิยาย ‘ผม’ คนคนนี้ปรากฏอยู่ตลอดทั้งเรื่องคือผู้ที่ได้เฝ้ามองและเป็นสักขีพยานตลอดทั้งชีวิตของเหอซี
อย่างไรก็ตาม
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เฉินเล่อไม่เคยฉุกคิดเลยว่า ‘ผม’ ในเรื่องนี้คือใคร เขาเพียงแค่เข้าใจว่าเป็นเพียงกลวิธีการเล่าเรื่องแบบมุมมองพระเจ้าเท่านั้น
ตอนนี้เฉินเล่อเข้าใจแล้ว!
‘ผม’ คนนี้ก็คือเหอหงเหว่ยที่มาจากอนาคตอันไกลโพ้น และเขาใช้ทฤษฎีความต่อเนื่องย่อยที่เหอซีสร้างขึ้น นำพาวิทยาศาสตร์ให้ก้าวข้ามยุคสมัยอย่างยิ่งใหญ่!
เพื่อที่จะเข้าใจเบื้องหลังของการสร้าง ‘ทฤษฎีความต่อเนื่องย่อย’
เหอหงเหว่ยได้ใช้ไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไป เฝ้ามองชีวิตของเหอซีด้วยตาของตนเอง
และในตอนนี้
เขากำลังยืนอยู่บนเวทีรางวัลสูงสุดแห่งวงการวิทยาศาสตร์ในโลกอนาคตกล่าวอย่างซึ้งกินใจว่า “หากไม่มีเหอซี สมการสนามเอกภาพคงยังไม่อาจเกิดขึ้นได้ในอีกหลายร้อยปี”
เมื่อ 150 ปีก่อน



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...