ตอนที่ 1076 ภารกิจกู้ชีวิตบนดาวอังคาร (1)
เอาเถอะ
นิยายไซไฟเรื่องยาวก็ใช่ว่าจะเขียนให้จบได้ในพริบตา
หลินเยวียนเองก็จำเป็นต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
ที่จริงแล้ว เขาคอยสรุปบทเรียนจากปฏิกิริยาของผู้อ่านอยู่ตลอดเวลา
บทเรียนข้อที่หนึ่ง
ผู้อ่านชอบเนื้อเรื่องที่ซึ้งกินใจของผู้โศกศัลย์ก็จริง แต่หลายคนก็รู้สึกว่าองค์ประกอบเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์นั้นน้อยเกินไป
บทเรียนข้อที่สอง
ผู้อ่านพอใจในฉากหลังอันยิ่งใหญ่ของบลูสตาร์พเนจรมาก แต่ก็ยังวิจารณ์ว่าโครงเรื่องบางเกินไป ตัวละครขาดมิติ
สรุปคือ
ผู้อ่านยุคนี้นี่เอาใจยากจริงๆ
พอเขียนให้อ่อนสักหน่อย ก็โดนหาว่าขาดพลัง พอเขียนให้แข็งโป๊กเข้าไป ก็หันกลับมาบ่นอีกว่ามันหยาบไป ไม่มีความละเมียดละไม
ยังดีที่
จากสองบทเรียนนี้ หลินเยวียนสามารถหาความสมดุลได้บ้างแล้ว
นิยายไซไฟเรื่องต่อไป ควรต้องรักษาสมดุลให้ได้ทั้งสามด้าน ทั้งโครงเรื่อง ตัวละคร และองค์ประกอบของวิทยาศาสตร์ให้อยู่ในจุดที่พอดีที่สุด
ตัวเลือกไม่ได้มีมากนัก
แต่เมื่อมาคิดดูอีกที ก็ไม่ได้นับว่าน้อยขนาดนั้นเหมือนกัน?
แม้ไม่หยิบเรื่องสามกายไตรภาคออกมาใช้ หลินเยวียนก็ยังมีนิยายอีกมากมายให้เลือกหยิบมาใช้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ใครบอกว่าต้องเลือกแค่ผลงานจากในแดนมังกรเท่านั้นล่ะ?
บางที อาจลองพิจารณานิยายวิทยาศาสตร์จากประเทศอื่นดูก็ได้
หลังจากปลอบโยนจิตวิญญาณของฉู่ขวงที่กำลังปั่นป่วนให้สงบลงได้บ้าง หลินเยวียนจึงเริ่มย้อนกลับไปอ่านคอมเมนต์ของชาวเน็ต ที่พูดถึงเรื่องบลูสตาร์พเนจรมากขึ้น
สิ่งที่ทำให้หลินเยวียนรู้สึกแปลกใจคือ ไม่ใช่แค่ผู้อ่านทั่วไปเท่านั้นที่เข้าร่วมวงสนทนาเกี่ยวกับโครงเรื่อง แม้แต่นักเขียนไซไฟจากหลายทวีป ก็ร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน
เช่นนักเขียนนิยายไซไฟจากฉินโจวคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า
‘สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งที่สุดในนิยายเรื่องนี้ คือไอเดียอันโดดเด่นของฉู่ขวง ที่กล้าทลายกรอบความคิดเดิมของนิยายไซไฟ เมื่อบลูสตาร์กำลังเผชิญกับหายนะ เขาไม่ได้เลือกให้มนุษย์หนีขึ้นยานอวกาศ แต่กลับพาบ้านของมนุษยชาติทั้งใบหนีไปด้วยกัน นี่เป็นแนวคิดที่ไม่เพียงแต่น่าทึ่ง แต่ยังควรค่าแก่การเคารพ เพราะมันสะท้อนให้เห็นถึง วิสัยทัศน์อันเปี่ยมด้วยความเมตตาและห่วงใยต่อสรรพชีวิตของผู้เขียน’
ไม่นานหลังจากนั้น
มีนักเขียนนิยายไซไฟจากจ้าวโจวคนหนึ่งออกมาแสดงความเห็นว่า
‘ถ้าไม่นับประเด็นตั้งต้นที่ว่าดวงอาทิตย์กำลังจะระเบิด ที่จริงแล้วมนุษย์ก็ไม่จำเป็นต้องหนีไปไกลถึงดาวพร็อกซิมา คนครึ่งม้าที่อยู่ห่างออกไปหลายปีแสงหรอก บางทีดวงจันทร์ซึ่งอยู่ใกล้กับบลูสตาร์ของเรามากที่สุดในระบบสุริยะ อาจจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าก็ได้ ถึงอย่างไรในระบบสุริยจักรวาลนี้ ก็ไม่มีที่ไหนใกล้กับเราไปมากกว่าดวงจันทร์แล้ว’
เข้าใจได้
เพราะในโลกของนิยายวิทยาศาสตร์ เมื่อมนุษย์กำลังจะเผชิญกับภัยพิบัติระดับล้างเผ่าพันธุ์ นักเขียนหลายคนมักเลือกให้ดวงจันทร์กลายเป็นบ้านหลังใหม่ของมนุษย์
สองเหตุผลหลักคือ
หนึ่ง ดวงจันทร์อยู่ใกล้กับโลกที่สุด เป็นดาวบริวารธรรมชาติเพียงดวงเดียวของบลูสตาร์
สอง มนุษย์มีความผูกพันทางอารมณ์กับดวงจันทร์มาอย่างยาวนานนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความรู้สึกผูกพันนั้นเป็นรองแค่ดวงอาทิตย์เท่านั้น ดังนั้นในนิยายไซไฟ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่มนุษย์จะจินตนาการถึงการตั้งถิ่นฐานบนดวงจันทร์อยู่บ่อยครั้ง
ตอนนั้นเอง
มีนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์จากฉู่โจวออกมาเสนอความเห็นอีกว่า
‘ถ้าเรายังคงมองหาบ้านใหม่ภายในระบบสุริยะ ในความเป็นจริงแล้ว นอกจากบลูสตาร์ ยังไม่มีที่ไหนเหมาะต่อการอยู่อาศัยของมนุษย์เลย แต่ถ้าในอนาคตเทคโนโลยีอวกาศก้าวหน้าพอ จุดหมายแรกที่ควรพิจารณาไม่ใช่ดวงจันทร์หรอกครับ ควรเป็นดาวอังคารมากกว่า สภาพแวดล้อมบนดวงจันทร์ร้ายแรงถึงขั้นเอาชีวิตไม่รอดเลยนะ’
นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ เริ่มเข้ามาร่วมวงถกกันคึกคัก
‘ฉันขอโหวตให้ดาวอังคารอีกเสียง เหตุผลแรกคืออุณหภูมิของดาวอังคารถือว่าเป็นเหมาะสมกับมนุษย์ที่สุดเมื่อเทียบกับดาวดวงอื่น ในขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยของดาวทั้งดวงอยู่ราว -40 องศาเซลเซียส แต่ถ้าเราไปตั้งถิ่นฐานใกล้เส้นศูนย์สูตร ก็จะได้อุณหภูมิเฉลี่ยใกล้ 0 องศาเซลเซียส หน้าร้อนบางทีอาจขึ้นไปแตะ 20 องศาเซลเซียสได้เลย’
‘เห็นด้วยครับ’
‘ดวงจันทร์ไม่มีชั้นบรรยากาศ แถมอุณหภูมิกลางวันกับกลางคืนต่างกันเกิน 200 องศาเซลเซียสไม่มีทางอยู่ได้เลย’
‘เห็นด้วย!’



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...