ตอนที่ 134 นี่มันนิยายดราม่า – ตอนที่ต้องอ่านของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนนี้ของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเงินทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 134 นี่มันนิยายดราม่า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 134 นี่มันนิยายดราม่า
การแข่งขันของวงการเพลงในฉินโจวเหี้ยมโหดมาก
ภายใต้สภาพแวดล้อมซึ่งคนแข็งแกร่งอยู่รอดและคนอ่อนแอถูกกำจัดนั้นจะจดจำเพียงผู้ชนะเท่านั้น แต่การปรากฏตัวของเฉินจื้ออวี่กลับแหกกฎทุกประการ เขาได้สมญานามว่าลูกคนรองตลอดกาล…
ดังทะลุวงการแล้ว?
ชั่วขณะนั้นงานอีเวนต์และพรีเซนเตอร์โฆษณาต่างตามกลิ่นกันมา จนเฉินจื้ออวี่กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ไปแล้ว
เรื่องนี้อย่าว่าแต่ซาไห่เลย
แม้แต่สตาร์ไลท์กับเซวี่ยนล่านอิ๋นกวงเองก็ยังคาดไม่ถึง
ท่ามกลางเปลวเพลิงแห่งสงครามระหว่างพี่ใหญ่ทั้งสาม ก็มีช่วงเวลาที่มีทัพเสริมรักษาความสงบเกิดขึ้น และทั้งสองฝ่ายมีชัยร่วมกัน?
มองดูทั้งสองฝ่ายโรมรันพันตูกันดุเดือด
ผลลัพธ์เป็นแบบนี้?
ขูดกัวซาให้กันและกันหรือไง
ซาไห่เดือดดาลจริงๆ แล้ว
พวกเอ็งสู้กันต่อซะยังดีกว่า!
ออกแรงอีกหน่อยได้ไหมล่ะ เห็นหอกสว่านนั่นไหม หยิบขึ้นมา เจาะไปที่หัวของอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ขืนพวกเอ็งสู้กันแบบนี้ต่อไปก็ไม่มีใครเจ็บตัวน่ะสิ!
แต่ท้ายที่สุดแล้ว
งานนี้สตาร์ไลท์กอบโกยได้มากที่สุด เพราะพวกเขาไม่เพียงได้อันดับหนึ่งบนชาร์ตเพลงเดือนสิงหาคม แต่ยังคว้าตัวผู้ชนะรายการสะพรั่งไปได้ถึงสองปีติดกัน!
เห็นไหมล่ะ
ผู้ชนะทั้งสองปีมาอยู่ในชามแล้ว นี่ไม่ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสตาร์ไลท์ถึงจะเป็นบริษัทบันเทิงที่ดีที่สุดหรอกเหรอ?
ไม่มีคำพูดอื่นใด
จ้าวเจวี๋ยในตอนนั้นจัดหาทรัพยากรที่ดีที่สุดให้กับซย่าฝาน สวัสดิการต่างๆ ถึงขั้นที่ดีกว่าหลังจากที่จ้าวอิ๋งเก้อเซ็นสัญญาเข้าสตาร์ไลท์มาซะอีก
ไม่ใช่เพราะอื่นใด
เป็นเพราะซย่าฝานไม่ได้เป็นเพียงผู้ชนะรายการสะพรั่ง ขณะเดียวกันก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของเซี่ยนอวี๋ด้วย
ความสัมพันธ์แบบเล่นพรรคเล่นพวกเทือกนี้ ต่อให้เป็นภายในสตาร์ไลท์เองก็ยังต้องปฏิบัติดูแลด้วยความระแวดระวัง
ซย่าฝานเดบิวต์อย่างเป็นทางการแล้ว!
สำหรับเรื่องนี้ เจี่ยนอี้รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย เขาเมนชันหลินเยวียนในกลุ่มแช็ต ‘ซย่าฝานเป็นศิลปินแล้ว หลังจากนี้พวกเรากับซย่าฝานก็อยู่คนละโลกกันแล้ว…’
หลินเยวียน ‘?’
เจี่ยนอี้ยกเลิกข้อความของตนกลับ ‘เฮ้อ มีแค่ฉันกับ@พี่ ที่อยู่คนละโลกกับพวกนายสองคน’
หลินเซวียน ‘เจี่ยนอี้เมนชันพี่มีอะไร เมื่อกี้เพิ่งออกไปซื้อรถมา’
ว่าพลาง หลินเซวียนก็ส่งรูปรถคันใหม่ไป บนป้ายราคาของรถคันใหม่เขียนราคาขายไว้อย่างชัดเจนว่า ‘500,000’
เจี่ยนอี้รีบยกเลิกข้อความทันที ‘ไม่มีอะไร รบกวนแล้วครับ’
‘แอดมินกลุ่มปิดการสนทนาของสมาชิก’
เจี่ยนอี้เป็นแอดมินเจ้าของกลุ่ม อย่างน้อยในกลุ่มนี้ เขาก็เป็นราชาผู้กุมชะตาของทุกคน!
……
มีบางคนมองภายนอกเป็นนักประพันธ์เพลง ลับหลังกลับเป็นนักเขียน
ในเดือนสิงหาคมอันร้อนระอุนี้
ยังมีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับหลินเยวียน
ทางคลังหนังสือซิลเวอร์บลู เรื่องกระบี่เทพสังหารเล่มสองได้วางแผงแล้ว!
ในที่สุดการประลองเมฆาครามเจ็ดปราณที่เหล่านักอ่านโหยหาก็มาถึงแล้ว
ผู้คนจำนวนมากหลังจากที่ซื้อหนังสือไปแล้ว ก็ล้วนเปิดอ่านอย่างไม่รีรอ
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนก็คือ จางเสี่ยวฝานไม่ได้อันดับหนึ่งในการประลองเมฆาครามเจ็ดปราณ
ทว่าจางเสี่ยวฝานก็ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น จนทะลุขึ้นไปเป็นสี่อันดับแรก
เพียงแต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้สำหลักสำคัญอะไร
เพราะสิ่งที่นักอ่านให้ความสนใจมากที่สุดในการประลองเจ็ดปราณ ไม่ใช่อันดับของจางเสี่ยวฝาน หากแต่เป็นความรู้สึกของเขา
จางเสี่ยวฝาน อกหักแล้ว
ศิษย์พี่ซึ่งเติบโตมาด้วยกัน ดันไปตกหลุมรับศิษย์พี่คนหนึ่งในสำนักเมฆาคราม ถึงขั้นที่ไม่สนใจการคัดค้านของบิดา จะครองคู่กับอีกฝ่ายให้ได้
ภาพเหตุการณ์นี้ทิ่มแทงจางเสี่ยวฝานจนปวดร้าว
นักอ่านจำนวนมากรู้สึกกระวนกระวายใจใจ ถึงขั้นที่วางไม่ลงด้วยซ้ำ เพราะในเล่มแรกของเรื่องกระบี่เทพสังหาร ผู้คนมากมายคิดว่าศิษย์พี่เถียนหลิงเอ๋อร์เป็นนางเอกของเรื่องนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีนางเอกแล้ว?
ฉู่ขวงออกทะเลแล้ว
ยอมแพ้แล้วเหรอเนี่ย
ทว่าไม่นานทุกคนก็พบว่าตัวละครที่มีออร่านางเอกได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว นั่นก็คือศิษย์หญิงผู้เปี่ยมพรสวรรค์ของสำนักเมฆาคราม เป็นนางในฝันของผู้คนมากมายในสำนัก ประหนึ่งเทพธิดาลงมาจุติ
‘ฉันไม่ชอบคาแรกเตอร์ของปี้เหยาเลย น่าเบื่อ’
‘ปี้เหยาดีจะตายไป ลูกสาวประมุขนิกายปีศาจ เพอร์เฟ็กต์!’
‘ปี้เหยากับจางเสี่ยวฝานเหมือนลิ้นกับฟัน แบบนี้ฉันว่ามีสิทธิ์’
‘ฉู่ขวงทำแบบนี้บ้ามาก พอทำให้จางเสี่ยวฝานอกหักแล้ว ก็ใส่ผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมอีกสองคนมา คนหนึ่งลู่เสวี่ยฉี อีกคนก็ปี้เหยา ทำให้เลือกไม่ถูกเลย เพราะงั้นผมเลือกฮาเร็ม!’
‘มีแค่เด็กน้อยเท่านั้นแหละที่จะเลือก ทั้งปี้เหยา ทั้งลู่เสวี๋ยฉี เก็บไว้ให้หมดเลย!’
ยังอ่านเล่มสองไม่ทันจบ ทั้งสองฝั่งก็ปะทะฝีปากกันดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อพวกเขาอ่านเนื้อเรื่องของกระบี่เทพสังหารเล่มสองจบ เหล่านักอ่านกลับเลิกหยุมหัวกันในทันที เพราะเจ้าฉู่ขวงนั้น…
ตัด! จบ! อีก! แล้ว!
ในตอนนั้นเรื่องราวกำลังดำเนินมาถึงช่วงบ่อน้ำจันทร์เพ็ญ นี่คือบ่อน้ำโบราณอายุสามพันปีบ่อหนึ่ง ตำนานเล่าว่าในขอเพียงขอพรและมองลงไปยังบ่อน้ำในคืนพระจันทร์เต็มดวง ก็จะเห็นผู้ที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจของตน
ในคืนพระจันทร์เต็มดวง
จางเสี่ยวฝานมองลงไปในบ่อน้ำโบราณ
เขามองเห็นใครในบ่อน้ำจันทร์เพ็ญกันแน่ สรุปแล้วคนคนนั้นซึ่งอยู่ในใจของเขาอย่างแท้จริง เป็นใครกัน
ปี้เหยา?
ลู่เสวี่ยฉี?
หรือว่าเถียนหลิงเอ๋อร์?
ต่อให้ผู้อ่านพลิกหน้าหนังสือจนช้ำก็ไม่มีทางรู้คำตอบ เพราะเล่มที่สองได้จบลงเพียงเท่านี้
ในตอนสุดท้ายของนิยาย มีประโยคหนึ่งเขียนไว้อย่างไร้เยื่อใย ‘ถ้าอยากรู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น โปรดติดตามตอนต่อไป’
ฉู่ขวงนายมันช่ำชองอะไรขนาดนั้น!
การกระทำเช่นนี้โหดร้ายซะยิ่งกว่าการตัดเข้าโฆษณาระหว่างที่ละครกำลังถึงตอนตื่นเต้น นักเขียนน่าจะถูกทุบหลังสักที!
‘ใจร้ายมาก!’
นักอ่านโวยวายด้วยความโมโห
และมีเพียงการตัดจบที่ทำให้ทีมปี้เหยาและทีมเสวี่ยฉีรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ปล่อยความแค้นไว้ชั่วคราว แล้วมาจัดการฉู่ขวงก่อนดีกว่า
หากวันใดมีดอยู่ในมือ!
จะสับเจ้าพวกชอบตัดตอนให้เละ!
…………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...