Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 135

สรุปบท ตอนที่ 135 วิลล่า: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

สรุปตอน ตอนที่ 135 วิลล่า – จากเรื่อง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet

ตอน ตอนที่ 135 วิลล่า ของนิยายการเงินเรื่องดัง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 135 วิลล่า

การพูดคุยกันของนักอ่านบนโลกออนไลน์ หลินเยวียนเองก็เห็น

นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในความคาดหมายของเขาเช่นเดียวกัน

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามนิยายยอดเยี่ยมในยุคนิยายออนไลน์ระยะแรกเริ่ม กระบี่เทพสังหารกลายเป็นหัวข้อสนทนาร้อนแรงเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก

มองจากยอดขายก็รู้

ก่อนหน้านี้เมื่อนิยายชุดเจ้าชายลูกสักหลาดตีพิมพ์ออกมา อันดับยอดขายโดยเฉลี่ย จัดอยู่ประมาณอันดับที่สิบ

เอ็ดของวงการนิยายแฟนตาซีเยาวชนในทั้งฉินโจว!

ในปัจจุบันถูกจัดไว้ในอันดับที่สิบพอดิบพอดี

อาจมีคนรู้สึกแปลกประหลาด นักเขียนทำให้เรื่องกระบี่เทพสังหารดังเปรี้ยงขนาดนี้ ทำไมถึงติดอยู่แค่ที่อันดับสิบ

ที่จริงแล้วการจัดอันดับนี้ออกจะเกินจริงไปสักหน่อย

เพราะจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเรื่องกระบี่เทพสังหาร ก็คือจำนวนตัวอักษร!

เรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสก่อนหน้านี้ออกมาห้าเล่ม

แต่นิยายดั้งเดิมของกระบี่เทพสังหาร ในตอนนี้เพิ่งออกมาสองเล่มเท่านั้น!

ทุกครั้งที่ขายออกหนึ่งเล่ม ก็นับเป็นหนึ่งยอดขายของนิยาย

ผลงานเรื่องยาวเหล่านั้นซึ่งมีเนื้อหาหลายสิบเล่มก็เพื่อเพิ่มยอดขาย หลินเยวียนกลับมีเนื้อเรื่องเพียงน้อยนิดที่ขายได้ แน่นอนว่ายอดขายย่อมน่าเสียดายอยู่สักหน่อย

และถ้าหากพล็อตเรื่องไม่พังละก็…

ยิ่งผลงานมีจำนวนตัวอักษรมาก ยอดขายก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะอิทธิพลของผลงานจะขยายออกเป็นวงกว้างและเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

พูดอีกอย่างหนึ่งคือ

เนื้อเรื่องยิ่งน้อย เมื่อเทียบกับเรื่องยอดขายแล้วย่อมเสียเปรียบ

ทุกคนสามารถจินตนาการออก ถ้าหากนารูโตะหรือวันพีซไม่มีเนื้อเรื่องที่ยาวขนาดนี้ ผลงานทั้งสองเรื่องนี้จะมีอิทธิพลมากถึงขนาดนี้ไหม

ยกตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายยิ่งกว่าอีกตัวอย่างหนึ่ง

ทุกคนสามารถเห็นได้จากแรงค์สิบอันดับแรกในฉี่เตี่ยน[1]

มีหนังสือสักกี่เรื่องกันที่มีสักสามสี่แสนตัวอักษรแล้วทะลุขึ้นไปติดสิบอันดับแรกได้?

ในสถานการณ์ที่ปราศจากการแนะนำ และไร้ซึ่งยอดไลก์ถล่มทลาย ผลงานที่สามารถผงาดเป็นสิบอันดับแรกซึ่งยอดขายสูงที่สุดได้ โดยทั่วไปแล้วเป็นมหากาพย์ขนาดยาวซึ่งแตะถึงหลายล้านตัวอักษร!

เพราะตราบใดที่จำนวนตัวอักษรมาก ก็จะยังมีการกดซื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน

ยอดขายนิยายทางฉินโจวก็เป็นไปในหลักการเดียวกัน

คนอื่นเขาขายมาตั้งหลายเล่มแล้ว เธอจะไปสู้เขาด้วยนิยายสองเล่มเนี่ยนะ?

สู้ยังไงก่อน?

เสียเปรียบอย่างแน่นอน

นี่ก็เป็นเหตุผลที่ก่อนหน้านี้คลังหนังสือซิลเวอร์บลูโน้มน้าวให้หลินเยวียนเขียนเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสให้ยาวขึ้น

ถ้าหากเขียนเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสให้ยาวขึ้นโดยที่ไม่ออกทะเล ในอนาคตของหนังสือเล่มนี้จะขึ้นสิบอันดับแรกก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

แน่นอนละ

ขอเพียงฉู่ขวงไม่เขียนจนเละเทะออกทะเล รอให้หลังจากนี้กระบี่เทพสังหารออกมาหลายเล่มมากขึ้น ยอดขายของหนังสือเล่มนี้จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

ในครั้งนี้

คลังหนังสือซิลเวอร์บลูคาดหวังเป็นอย่างมาก

เมื่อกระบี่เทพสังหารเล่มสองตีพิมพ์ออกไป หยางเฟิงก็หัวหกก้นขวิดมาขอแผนโครงเรื่องจากฉู่ขวง

เขาคิดในใจ ว่าพื้นหลังของเรื่องราวในครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก คงไม่ถึงขั้นรีบจบเรื่องเร็วหรอกล่ะมั้ง

ทว่าขณะที่หยางเฟิงเห็นโครงเรื่องกระบี่เทพสังหารที่หลินเยวียนส่งมา รอยยิ้มกลับชะงักค้างไป

“แปดเล่ม?”

เรื่องกระบี่เทพสังหารของฉู่ขวงวางแผนไว้ว่าจะเขียนแปดเล่ม?

ใช่แล้วละ ไม่ผิดหรอก มีการพัฒนาแล้ว เนื้อเรื่องยาวกว่าปรินซ์ออฟเทนนิสตั้งสามเล่มแน่ะ

แต่ปัญหาคือ…

แปดเล่มก็ยังไม่นับว่ามาก!

ยังไม่ถึงสองล้านตัวอักษรด้วยซ้ำ!

เขาร้อนใจแล้ว จึงไปรายงานกับหัวหน้าบรรณาธิการทันที หัวหน้าบรรณาธิการจึงไปรายงานกับบรรณาธิการบริหาร

ผลคือหัวหน้าบรรณาธิการกลับไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่พยักหน้า ให้หยางเฟิงไปโน้มน้าวอีกครั้ง

หยางเฟิง “…”

ครั้งก่อนเนื้อเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสสั้นเกินไป หยางเฟิงโน้มน้าวสุดชีวิตให้ฉู่ขวงเขียนต่ออีกสักหน่อย แต่ฉู่ขวงไม่ได้สนใจตนเลยแม้แต่น้อย

แล้วครั้งนี้จะทำได้เหรอ?

เขากัดฟันกดโทรศัพท์

หลินเยวียนรับโทรศัพท์ ทันทีที่ได้ยินเรื่องที่ให้ตนเขียนนิยายให้ยาวขึ้น ก็ตอบปฏิเสธทันที “จำนวนตัวอักษรกำหนดไว้เรียบร้อยแล้วครับ”

“เอาเถอะ”

หยางเฟิงจนปัญญา ตำแหน่งบรรณาธิการของเขากระจอกงอกง่อยไร้พลังเหลือเกิน

หัวหน้าบรรณาธิการกับบรรณาธิการบริหารไม่กล้าบังคับให้ฉู่ขวงเขียนยาวขึ้นอีก ตนก็ยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่ ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่ขวงแสดงฝีมือไป

หลินเซวียนได้ยินดังนั้นก็ดีอกดีใจขึ้นมา “อยู่วิลล่าก็ดีน่ะสิ ใครไม่อยากอยู่บ้าง ปัญหาก็คือพวกเราซื้อไม่ไหวหรอก”

“วิลล่าในเมืองซูแพงมากเลยเหรอ”

“วิลล่าในเมืองซูราคาอย่างน้อยก็เริ่มที่สิบล้าน นายว่าแพงมั้ยล่ะ”

หลินเซวียนเคยฟังเพื่อนร่วมงานคุยกันเรื่องราคาบ้านในเมืองซู จึงรู้ว่าผู้บุคลากรระดับสูงบางคนในคลังหนังสือซิลเวอร์บลูอยู่ในวิลล่าราคาหลักสิบล้าน

หลินเยวียนเอ่ย “งั้นพวกเราซื้อกันสักหลังดีกว่า”

หลินเยวียนอยากจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนที่จะไปฉีโจว

หลินเซวียนอ้าปากค้าง

นายเห็นว่าวิลล่าเป็นหัวผักกาดหรือไง

บอกว่าจะซื้อก็ซื้อได้เลยเหรอ

เธอเงียบงันอยู่นาน ก่อนจะจ้องหลินเยวียนเขม็ง “แต่งเพลงนี่ได้เงินดีขนาดนั้นเลย?”

หลินเยวียนตอบ “ก็พอได้”

อันที่จริงเขายังได้ค่าต้นฉบับของฉู่ขวงด้วย

เป็นเพราะระดับของสัญญาทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนแบ่งจึงสูงกว่าเดิมมาก

เมื่อนามแฝงทั้งสองอย่างเซี่ยนอวี๋และฉู่ขวงมารวมกัน หนึ่งเดือนทำเงินได้เกินสิบล้านหยวนนั้นเป็นเรื่องที่สบายมาก!

หนำซ้ำหลังจากนี้รายได้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“นายซื้อไหวจริงเหรอ”

หลินเซวียนถามด้วยความตกใจ

ทันใดนั้นหลินเซวียนก็นึกถึงเรื่องที่หลินเยวียนซื้อรถราคาห้าแสนหยวนให้ตนอย่างง่ายดาย…

ก็น่าจะเป็นไปได้นะ?

จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าน้องชายคืออุปสรรคชิ้นใหญ่ที่ทำให้เธอไม่บากบั่นพยายาม…

เมื่อมีน้องชายแบบนี้ เธอถึงขั้นไม่อาจหาเหตุผลให้ตัวเองดิ้นรนสู้ชีวิตอีกต่อไป

“งั้นก็ตามนี้แล้วกัน”

หลินเยวียนไม่สนใจความเห็นของพี่สาวอีกต่อไป ถ้าแม่มีความเห็นอะไร ตนก็โยนให้พี่ไปจัดการก็สิ้นเรื่อง

หลินเซวียนงงงัน “งั้นก็ตามนี้?”

หลินเยวียนพยักหน้า “พรุ่งนี้พี่ลางานที่บริษัทด้วยนะ เดี๋ยวพวกเราไปดูบ้านกัน”

……………………………………………….

[1] ฉี่เตี่ยน เป็นเว็บไซต์สำหรับอ่านนิยายออนไลน์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน