ตอนที่ 140 ยุทธจักรยิ้มเย้ย
ผ่านไปห้านาที
กู้เฉียงอวิ้นก็ขอตัว
กู้ตงหยิบออเดอร์เข้ามาในห้องทำงานของหลินเยวียน
เธอเอ่ยแนะนำ “นี่เป็นออเดอร์เพลงประกอบเกมประเภทกำลังภายใน เอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของฉีโจวเราก็คืออุตสาหกรรมภาพยนตร์กับละครพัฒนามาก แต่นอกจากนั้นแล้วอุตสาหกรรมเกมของฉีโจวก็เป็นอันดับหนึ่งของบลูสตาร์ ตัวแทนหลินเล่นเกมหรือเปล่าคะ”
หลินเยวียนตอบ “นานๆ ครั้งครับ”
เมื่อก่อนเขาเล่นเกมเป็นเพื่อนซย่าฝานและเจี่ยนอี้
หลินเยวียนคิดว่าสิ่งที่เพลิดเพลินที่สุดในการเล่นเกมก็คือการเปิดไมค์คุย ตนเองเล่นอยู่คนเดียวไม่ได้สนุกอะไร ดังนั้นหลังจากที่ทุกคนเริ่มงานยุ่งขึ้นมา เขาก็ไม่ได้แตะเกมอีกเลย
“อย่างนั้นเหรอคะ”
กู้ตงคุ้นเคยกับสไตล์การพูดของหลินเยวียนแล้ว
คนที่มาจากสำนักงานใหญ่มีนิสัยค่อนข้างเย็นชาอันที่จริงเป็นเรื่องธรรมดามาก ถึงอย่างไรสเกลของบริษัทย่อยกับสำนักงานใหญ่ก็แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
มิหนำซ้ำตัวแทนหลินคงจะไม่ค่อยพอใจ ที่ถูกส่งมาสะสางเรื่องวุ่นวายของบริษัทย่อยที่ฉีโจวล่ะมั้ง
เอาใจเขามาใส่ใจเรา
เธอเองก็เข้าใจได้
หลังจากที่หลินเยวียนรับออเดอร์มาจากกู้ตง ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเปิดอ่าน
เขาลุกขึ้นยืน “วันนี้เอาอย่างนี้ก็แล้วกันครับ รบกวนคุณขับรถไปส่งผมกลับที่พักก่อน ระหว่างทางแวะไปดูวิทยาลัยศิลปะฉีโจวสักรอบ ผมอยากทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่สักหน่อยครับ”
“ได้ค่ะ…”
จะไม่เปิดดูสักหน่อยหรือ
ในใจของกู้ตงยิ่งรู้สึกสิ้นหวังกว่าเดิม เพียงแต่ไม่กล้าเผยสีหน้าออกมา “กระเป๋าเดินทางของตัวแทนหลินอยู่บนรถฉัน พวกเราออกรถเลยก็ได้ค่ะ”
“ครับ”
หลินเยวียนลงมาข้างล่าง
กู้ตงลอบเบ้ปาก ก่อนจะสาวเท้ารีบตามไป
ขณะที่พาหลินเยวียนมุ่งหน้าไปยังที่พัก เธอก็เอ่ยแนะนำเรื่องราวต่างๆ “ทางตะวันออกมีจุดชมวิวแห่งหนึ่ง ถ้าตัวแทนหลินสนใจ มีเวลาก็มาเดินได้นะคะ เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปที่วิทยาลัยก่อน?”
“ดูข้างนอกก็พอแล้วครับ”
หลินเยวียนไม่ได้คิดจะเข้าไปในวิทยาลัย วันเปิดเทอมคือหลังจากนี้อีกหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้วิทยาลัยยังไม่เปิด ตนเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน จะเข้าไปสำรวจในวิทยาลัยคงต้องผ่านขั้นตอนวุ่นวายน่าดู
“ค่ะ”
จากวิทยาลัยถึงบริษัทเป็นระยะทางประมาณหกเจ็ดกิโลเมตร ฟังดูไกลนิดหน่อย แต่ถ้าขับรถก็ใช้เวลาเพียงยี่สิบนาที
“ตรงนั้นก็คือวิทยาลัยศิลปะฉีโจว”
หลินเยวียนมองตามสายตาของกู้ตง ไกลออกไปเป็นมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นอกจากเอกลักษณ์ของอาคารจะแตกต่างกับสไตล์ของฉินโจวอยู่บ้าง ทว่าขนาดไม่ได้เป็นรองวิทยาลัยศิลปะฉินโจวเลย
สมแล้วที่เป็นสถาบันการศึกษาระดับเดียวกับวิทยาลัยศิลปะฉินโจว
หลังจากขับรถวนรอบนอกหนึ่งรอบ กู้ตงก็พาหลินเยวียนกลับที่พัก
นี่เป็นเขตที่สภาพแวดล้อมงดงามมาก
เขตนี้มีชื่อว่า ‘สวนดอกสาลี่’ ไพเราะดีเหมือนกัน
และห้องที่บริษัทเตรียมไว้ให้หลินเยวียนนั้นเป็นห้องหรูมีสองห้องนอน
แน่นอนว่าพื้นที่นั้นเทียบไม่ได้กับที่พักที่ฉินโจว แต่หลินเยวียนอาศัยอยู่แค่คนเดียวก็เหลือเฟือแล้ว
นอกจากนั้น หากว่ากันจากสภาพแวดล้อม หลินเยวียนพอใจมากทีเดียว มองออกว่าคนที่เตรียมห้องนี้ไว้ให้นั้นเอาใจใส่มาก
กู้ตงถาม “ตัวแทนหลินปกติทำอาหารมั้ยคะ”
“ทำบ้างครับ”
ตอนหลินเยวียนอยู่ที่ฉินโจว ก็ทำอาหารบ้างเป็นครั้งคราว ฝีมือการทำอาหารพอไปวัดไปวาได้
เพียงแต่ส่วนใหญ่แล้ว เขาจะกินข้าวที่วิทยาลัยหรือที่บริษัท โอกาสที่ตนจะทำอาหารเองจึงมีไม่มาก
“อย่างนั้นเหรอคะ งั้นตัวแทนหลินจดไว้หน่อยนะคะว่าออกจากประตูเขตนี้แล้วเลี้ยวซ้าย ประมาณหกร้อยเมตรจะมีตลาดอยู่”
กู้ตงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแถวนี้แต่แรกแล้ว เพราะห้องนี้เป็นห้องที่เธอมาเช่าเอง
“ครับ”
หลินเยวียนเปิดกระเป๋าเดินทาง
กู้ตงใคร่ครวครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ห้องนี้เพิ่งเก็บกวาดไปเมื่อวาน พวกเครื่องนอนเป็นของที่ซื้อมาใหม่ ฉันเอาไปซักก่อนแล้วครั้งหนึ่ง สะอาดมากค่ะ ตัวแทนหลินยังต้องการอะไรอีกมั้ยคะ ถ้าไม่มีอะไร ฉันต้องขอตัวกลับบริษัทก่อน ถึงยังไงฉันก็ยังไม่เลิกงาน”
เธอเน้นสี่คำว่า ‘ยังไม่เลิกงาน’ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปอย่างชัดเจน จึงฟังดูละล่ำละลักอยู่สักหน่อย
“งั้นคุณกลับไปก่อนเถอะครับ รบกวนแล้ว”
หลินเยวียนพยักหน้า เริ่มจัดแจงเก็บของเล็กน้อยๆ
ที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรให้จัดแจงมากนักหรอก อย่างไรซะห้องนี้ก็ทำความสะอาดไปแล้ว ที่เหลือก็มีแค่จัดเสื้อผ้า
เมื่อจัดของเสร็จเรียบร้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน