Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 145

ตอนที่ 145 การยืนหยัดของหลินเยวียน

วันต่อมา

นักประพันธ์เพลงทั้งหมดของสตาร์ไลท์มิวสิกเปิดกลุ่มแช็ตของบริษัท ข้อความแรกที่เห็นมาจากกู้เฉียงอวิ้น

‘ยินดีด้วย ตัวแทนหลินปิดได้หนึ่งออเดอร์!’

แม้ว่าหลังจากที่ทุกคนจะฟังเพลงยุทธจักรยิ้มเย้ยจบแล้ว จะคิดว่าออเดอร์นี้สำเร็จราบรื่นแล้ว แต่ก็เมื่อเห็นข้อความตรงหน้าก็ยังตกตะลึงอยู่บ้าง

‘สำเร็จแล้ว?’

‘ไม่ต้องแก้เลย?’

‘ปกติแล้วจะต้องมีรีเควสให้แก้อะไรทำนองนั้นไม่ใช่เหรอ’

‘ตัวแทนหลินสุดยอดจนส่งงานไปรอบเดียวจบ’

‘คำนับผู้ยิ่งใหญ่!’

‘คุกเข่าคารวะผู้ยิ่งใหญ่!’

‘…’

ในสถานการณ์ปกติ ต่อให้อีกฝ่ายพึงพอใจในผลงานแล้ว ก็อาจเสนอความเห็นให้ปรับแก้ เพื่อให้แตะถึงสอดคล้องกับเป้าหมายของเกมที่พวกเขาสร้าง

มีเพียงกรณีที่ความพึงพอใจแตะถึงขีดสุดเท่านั้น พวกเขาถึงจะเลือกไปใช้โดยไม่ต้องการแม้แต่การปรับแก้

เห็นได้ชัด

เพลงยุทธจักรยิ้มเย้ยนี้ก็คือผลงานที่ตรงตามความต้องการของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่จำเป็นต้องผ่านการแก้ไขใดๆ อีก

จริงสิ

ผู้ว่าจ้างรู้ไหมว่าเพลงนี้ตัวแทนหลินใช้เวลาเขียนออกมาเท่าไหร่

ถ้ารู้แล้ว สีหน้าจะต้องตื่นเต้นสุดๆ ไปเลยล่ะมั้ง

แต่ก็ไม่แน่หรอก

ตอนแรกสมองของทุกคนก็ประมวลผลไม่ทันเหมือนกัน

แต่หลังจากใคร่ครวญอย่างละเอียดรอบคอบ ก็มีคนเดาว่าที่ตัวแทนหลินทำออเดอร์เกมแนวกำลังภายในออกมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้ ก็เพราะก่อนหน้านี้เขาสะสมผลงานซึ่งยังไม่ได้ปล่อยออกไปเอาไว้

และในบรรดาผลงานที่เขารวบรวมไว้ ก็น่าจะมีเพลงยุทธจักรยิ้มเย้ยนี้รวมอยู่ด้วย

และเพลงนี้ก็ไปตรงกับสิ่งที่ผู้ว่าจ้างต้องการในเพลงพอดิบพอดี

ฉะนั้นเขาไม่ได้สร้างสรรค์อะไรสักเท่าไหร่ เพียงแค่แก้ไขเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำเพลงนี้ออกมาสำเร็จ…

ดังนั้นถึงได้ปรากฏเป็นภาพปาฏิหาริย์ในสายตาของทุกคน

ฟังดูบังเอิญเหลือเกิน

แต่เมื่อเทียบกับการที่ตัวแทนหลินเขียนเพลงอย่างยุทธจักรยิ้มเย้ยได้ภายในเวลาสั้นๆ แค่นี้ ทุกคิดว่าสมมติฐานนี้สมเหตุสมผลกว่าอยู่สักหน่อย

คนปกติจะไปเขียนเพลงได้เร็วขนาดนี้ได้ไหมล่ะ

แน่นอนว่าไม่มีใครไปซักไซ้ไล่เลียงถามหาเหตุผลโดยละเอียดจากหลินเยวียน

เห็นได้ชัดว่าหลินเยวียนเป็นคนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วย เรียกได้ว่าบนหน้าผากแทบจะเขียนไว้สี่คำว่า

ผมเย็นชามาก

ฉะนั้นแล้ว เมื่อไม่มีใครรู้จักเขาดีพอ ก็ย่อมไม่มีความกล้าพอที่จะปีนไปพูดคุยด้วย โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายยังอายุน้อย แต่มีตำแหน่งเป็นถึงมือทองในวงการประพันธ์เพลง

แต่ถึงอย่างนั้น

เมื่อทุกคนหวนนึกย้อนไปเมื่อวาน กู้ตงถามตัวแทนหลินในกลุ่มว่าถนัดดนตรีแบบไหน ตัวแทนหลินถึงกับตอบว่า

‘แบบที่แพงครับ’

วันนี้มาคิดๆ ดูแล้ว ทุกคนก็ยังรู้สึกชอบกลกับเหตุการณ์นั้นอยู่

อะไรคือแบบที่แพง

คุณถนัดแค่แบบที่แพง?

เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวกู้ตงถามถึงสไตล์เพลง ไหงคุณไปตอบเรื่องราคาซะล่ะ

นี่เป็นความมั่นใจของบุคคลระดับเทพเซียนสินะ?

มั่นใจว่าสไตล์ไหนก็คุมได้อยู่หมัด?

แน่นอนว่าทุกคนก็ไม่ได้คิดจริงจังแต่อย่างใด

สไตล์เพลงมีมากมายก่ายกอง จะมีใครไปเชี่ยวชาญได้ทุกอย่าง

บอกได้เพียงว่า ตัวแทนหลินหยิ่งผยองใช้ได้เลย นับได้ว่าเป็นความใจกล้าบ้าบิ่นของศิลปิน

ทว่าสิ่งที่ทุกคนกลัวไม่ใช่ความเย่อหยิ่งทะนงตนของหลินเยวียน

สิ่งที่ทุกคนกลัวก็คือหลินเยวียนไร้ความสามารถ

คนที่มีความสามารถ ต่อให้วางก้ามในบริษัท ทุกคนก็ยังรับได้

ไปหาออเดอร์ใหม่ดีกว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน