Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 146

ตอนที่ 146 ที่นั่งลำบาก

หลินเยวียนไม่ได้เก่งกาจเรื่องการเข้ากับคน ดังนั้นถึงแม้หลายวันต่อจากนี้เขาจะเข้าบริษัทตลอด แต่คนที่เขายังนับว่าคุ้นเคยก็เห็นจะมีเพียงสองพ่อลูกสกุลกู้เท่านั้น

ส่วนสภาพแวดล้อมโดยรอบ หลินเยวียนปรับตัวได้แล้วอย่างรวดเร็ว

ละแวกใกล้เคียงกับบริษัทมีร้านอาหารอยู่สามสี่ร้าน เขาสลับกันไปลิ้มลองเรียบร้อย

ที่นี่ต่างกับฉินโจว

อาหารการกินของที่นี่ไม่เผ็ดเท่าไหร่ เวลาทำอาหารมักเติมน้ำตาล

หลินเยวียนชื่นชอบอาหารรสจัด ดังนั้นจึงไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ค้นพบอาหารที่ตนชอบ จึงไม่ได้ถึงขั้นกินไม่ได้เลย

สิ่งหนึ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือ

ขนมของที่นี่รสชาติไม่เลวเลย บางครั้งหลินเยวียนก็จะไปซื้อกลับมากินก่อนเลิกงาน

ในตอนนั้น การเปิดภาคเรียนในฉีโจวก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

และเมื่อเหลือเวลาอีกสามวันก่อนเปิดภาคเรียน ในที่สุดบริษัทก็หาออเดอร์ใหม่ได้!

รวดเร็วทันใจมากทีเดียว

เพราะหากว่ากันตามปกติแล้ว บริษัทต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือน ถึงจะหาออเดอร์ใหม่ได้

ผู้ที่นำพาออเดอร์นี้มาก็คือกู้ตง

แต่ที่ได้ออเดอร์นี้มา อันที่จริงไม่ใช่ความดีความชอบของบริษัท หากแต่เป็นความดีความชอบของเซี่ยนอวี๋

แรกเริ่มเดิมทีอีกฝ่ายก็ไม่ยินดีร่วมงานกับสตาร์ไลท์มิวสิก

สุดท้ายแล้วกู้ตงจึงงัดเซี่ยนอวี๋ออกมาใช้ บอกว่าเขาเป็นนักแต่งเพลงมือทองซึ่งสำนักงานใหญ่ในฉินโจวส่งมา สามารถสร้างสรรค์เพลงประกอบให้อีกฝ่าย อีกฝ่ายถึงได้ตกลงปลงใจในที่สุด

บริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

ยามที่อีกฝ่ายมาเจรจาสัญญาที่บริษัท กู้เฉียงอวิ้นในฐานะผู้จัดการบริษัทถึงกับออกมาต้อนรับด้วยตนเอง

“สถานการณ์ของบริษัทคุณ แย่กว่าที่ผมจินตนาการไว้อีกนะครับ”

หลังจากผู้ประสานงานของผู้ว่าจ้างลงจากรถ ก็มองดูตึกของบริษัทซึ่งสภาพแลดูแสนจะธรรมดา

ผู้ว่าจ้างในครั้งนี้เป็นบริษัทภาพยนตร์แห่งหนึ่ง พวกเขาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่งและต้องการเพลงซาวด์แทร็ก

“ฮ่าๆ”

กู้เฉียงอวิ้นหัวเราะอย่างประดักประเดิด “ที่สำคัญคือคนมีความสามารถครับ บริษัทของพวกเราเต็มไปด้วยคนมีความสามารถ โดยเฉพาะอาจารย์เซี่ยนอวี๋ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทเรา เป็นอัจฉริยะจากมาตุภูมิแห่งดนตรีเชียวนะครับ เขาเป็นคนที่ผมขอร้องทางสำนักงานใหญ่อยู่นานเลยนะครับ กว่าสำนักงานใหญ่ของเราจะยอมส่งเขามา!”

ผู้ประสานงานฝั่งผู้ว่าจ้างเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าไม่ใช่เพราะเซียนอวี๋ ผมไม่มาที่บริษัทของพวกคุณหรอก เพลงปลายักษ์ไม่เลวเลย”

“ใช่ครับๆ”

กู้เฉียงอวิ้นคุ้นเคยกับท่าทีของผู้ว่าจ้าง

หลังเดินเข้าประตูมา เขาและกู้ตงก็พาอีกฝ่ายเข้าไปยังห้องรับแขก

ผู้ว่าจ้างดื่มชาที่กู้ตงชงให้ เอ่ยปากว่า “ผมจะบอกรีเควสก่อน พวกคุณลองดูว่าโอเคไหม พวกเราต้องการเพลงที่เกี่ยวกับความรักในเมืองใหญ่ เป็นเพลงซาวด์แทร็ก…”

รีเควสของเขาละเอียดมาก บรรยายโดยละเอียดเสร็จสรรพหนึ่งรอบ

กู้เฉียงอวิ้นวางท่าทางตั้งใจฟัง

เมื่ออีกฝ่ายพูดจบ กู้เฉียงอวิ้นก็ถูฝ่ามือ กล่าวว่า “คืออย่างนี้นะครับ”

“ผมเข้าใจ”

ผูู้ประสานงานฝั่งผู้ว่าจ้างกล่าว “เรื่องราคาใช่ไหมครับ ถ้าพวกคุณตกลง ก็เพิ่มราคาได้ครับ”

“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นครับ…”

กู้เฉียงอวิ้นพูดอย่างลำบากใจ “อาจารย์เซี่ยนอวี๋เวลาเขียนเพลง มีเงื่อนไขข้อหนึ่งครับ ก็คือหลังจากเขียนเพลงแล้ว ทั้งเรื่องนักร้อง แล้วก็การโปรดิวซ์เพลง เขาจะเป็นผู้ตัดสินใจครับ”

บรรยากาศนิ่งค้างไปหลายสิบวินาที

กู้ตงถลึงตา เธอไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิด!

ผ่านไปนับสิบวินาที

ผู้ประสานงานฝั่งผู้ว่าจ้างจ้องมองกู้เฉียงอวิ้น “ผู้จัดการกู้จริงจังเหรอครับ”

“ครับ”

กู้เฉียงอวิ้นจนปัญญา

เขาย่อมรู้ว่าออเดอร์นี้คุณภาพสูงมาก ทว่าไม่กี่วันมานี้เขาไปหาหลินเยวียนหลายรอบแล้ว หลินเยวียนก็ยังคงไม่ยินยอม ดังนั้นจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนเจรจากับผู้ว่าจ้าง

ก่อนที่ทุกคนจะนั่งจับเข่าเจรจาออเดอร์กัน เขาถึงขั้นไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน