ตอนที่ 157 ข้อเสนอ
วันเสาร์อาทิตย์ถึงจำเป็นต้องมาทำงาน
ตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันศุกร์ หลินเยวียนยังคงเป็นนักศึกษาเหมือนเดิม
ทว่าในตอนนี้ถ้าจะบอกว่าหลินเยวียนเป็นนักเรียนของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยนี้ ยังไม่สู้บอกว่าหลินเยวียนเป็นนักเรียนของหยางจงหมิง
เพราะช่วงเวลาที่หลินเยวียนเข้าเรียนของทุกวัน เขาก็จะเรียนกับหยางจงหมิงเป็นเวลาสองชั่วโมง!
และนั่นไม่ได้ทำให้บทเรียนปกติของหลินเยวียนล่าช้าลงเลย
เขาร่ำเรียนกับหยางจงหมิงในโลกแห่งห้วงสำนึกของตนเองทุกวัน ในความเป็นจริงแล้วก็เป็นเวลาเพียงสองนาที
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ส่งผลต่อชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของหลินเยวียน
ผลกระทบที่ใหญ่ที่สุดก็คือ หลินเยวียนพบว่าความเร็วในการสอนของอาจารย์นั้น ตามความคืบหน้าในการเรียนของตนไม่ทันอีกต่อไป
อาจารย์ที่วิทยาลัยศิลปะฉีโจวเพิ่งสอนถึงความรู้การประพันธ์เพลงในขั้นแรกของภาคเรียนที่หนึ่ง
หลินเยวียนเรียนกับหยางจงหมิงไปถึงความรู้ด้านการประพันธ์เพลงขั้นที่สามถึงสี่ของภาคเรียนที่หนึ่งแล้ว
นั่นทำให้บทเรียนของอาจารย์กลายเป็นน่าเบื่อขึ้นมาถนัดตา
หลินเยวียนถึงขั้นอยากเร่งให้วันเสาร์อาทิตย์มาถึงเร็วสักหน่อย เขาได้ไปทำภารกิจที่บริษัท
ปรากฏว่าหลินเยวียนไม่ทันได้เฝ้ารอจนวันเสาร์อาทิตย์มาถึง
ซีรีส์เรื่องระยะห่างระหว่างเราก็กำลังจะออนแอร์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในคืนวันศุกร์!
ถานข่ายเป็นนักแสดงแถวหน้าของฉีโจว เรื่องระยะห่างระหว่างเราที่เขาแสดงนำนั้นเป็นผลงานจากธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์ ย่อมนับได้ว่าเป็นซีรีส์สเกลใหญ่เรื่องหนึ่งเลย
ดังนั้นจึงมีผู้ติดตามมากมาย
ทว่าหลังจากที่ซีรีส์เรื่องนี้ปล่อยออกไปได้สองตอน
สิ่งที่โลกออนไลน์พูดคุยกันมากที่สุดเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่พล็อตเรื่อง หากแต่เป็นเพลงประกอบของซีรีส์เรื่องนี้
‘เพลงซาวด์แทร็กที่ชื่อชอบเธอนี่เพราะมากเลย!’
‘ซีรีส์ถือว่าพอใช้ได้ สำหรับฉันแล้วจัดอยู่ในประเภทที่ดูก็ได้ไม่ดูก็ได้ แต่พอนางเอกกับพระเอกมาเจอกัน แล้วจู่ๆ เพลงก็ดังขึ้น ฉันก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก’
‘ซีรีส์ห่วยแต่เพลงดีว่างั้นเถอะ?’
‘ฮ่าๆๆ ไม่ถึงกับห่วยหรอก ฉันจำฉากที่พระเอกกับนางเอกเจอกันครั้งแรกในโกดัง หลังจากย้ายกล่องออกไปสิบกว่าใบ ก็บังเอิญเห็นพระเอกยืนอยู่ตรงข้ามเข้าพอดี พวกเขาสบตากัน หลังจากนั้นดนตรีก็ดังขึ้น ตอนนั้นฉันอินสุดๆ เลยละ…’
‘จะว่ายังไงดีล่ะ จากอดีตเด็กยากจนกลายมาเป็นประธานจอมโหดในวันนี้ มาเจอกับภรรยาซึ่งทอดทิ้งเขาไปในตอนนั้น พล็อตเรื่องแบบนี้เดิมทีสุดจะคลิเช่แต่ก็ทำให้คนอดรู้สึกคาดหวังไม่ได้ แถมมีดนตรีมาประกอบอีก ทำให้ได้ผลลัพธ์คูณสองเข้าไปอีก!’
‘ที่สำคัญก็คือเพลงกับเนื้อเรื่องเข้ากันแบบลงตัวมาก!’
‘เพลงนี้ถานข่ายเป็นคนร้องเองด้วยนะ ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าถานข่ายจะร้องเพลงได้ดีขนาดนี้ แถมเป็นพระเอกอีก ยิ่งทำให้รู้สึกอิน!’
‘เพลงนี้ช่วยกอบกู้ความอยากดูซีรีส์ของฉันกลับมาเลย’
‘เมื่อก่อนคิดว่าเป็นเพราะชอบซีรีส์ ถึงได้ชอบเพลงไปด้วย นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่รู้สึกสนใจซีรีส์เพราะเพลงประกอบ’
‘…’
กู้ตงเป็นแฟนคลับของถานข่าย ดังนั้นหลังจากที่ซีรีส์เรื่องนี้ออกมา เธอก็ดูเช่นเดียวกัน ปรากฏว่าเมื่อได้อ่านคำวิจารณ์จากชาวเน็ต ชั่วขณะนั้นหัวใจก็พองโตจนแทบทนไม่ไหว!
ถึงกับบอกว่าเพลงชอบเธอกอบกู้ซีรีส์ทั้งเรื่องเลยเหรอเนี่ย
แน่นอนว่าวิธีการพูดเช่นนี้เกินจริงไปหน่อย โดยเฉพาะสำหรับคนในสายอาชีพนี้อย่างกู้ตง
ซีรีส์ที่ดีถึงจะส่งให้เพลงซึ่งคุณภาพธรรมดาโด่งดังไปด้วย ส่วนเพลงที่ดีกลับยากที่จะช่วยดึงซีรีส์คุณภาพธรรมดาให้ขึ้นไปด้วย
ดังนั้นกู้ตงจึงกระจ่างดี ว่าเพลงชอบเธอได้รับการยอมรับมากมายถึงขนาดนี้ แท้จริงแล้วไม่ใช่เพียงเพราะคุณภาพของเพลงเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกันก็ยังเกี่ยวโยงไปถึงคุณภาพของซีรีส์ซึ่งไม่นับว่าย่ำแย่ด้วยเช่นกัน
ถ้าหากไม่มีเนื้อเรื่องมาสร้างความสอดคล้อง เพลงชอบเธอนี้ก็ยังคงไพเราะ ทว่าผู้คนจะรู้สึกเพียงว่าเพลงดีมาก แต่กลับไม่ได้รู้สึกว่าซีรีส์ดีมากเช่นกัน
ดังนั้นคำวิจารณ์ทำนองนี้ ส่วนมากล้วนจะเป็นผู้ชมที่มองข้ามจุดนี้ไป
หรือจะกล่าวได้ว่าจิตใต้สำนึกของพวกเขาไม่อยากยอมรับว่าตนถูกซีรีส์พล็อตซ้ำซากจำเจเช่นนี้ดึงดูดไว้ซะแล้ว…
ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่าตนเป็นคนธรรมดาสามัญใช่ไหมล่ะ
ทว่าในความจริงแล้ว คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ก็ธรรมดาสามัญเหมือนกันทั้งนั้นแหละ และนี่ก็เป็นโลกที่วิธีซ้ำซากจำเจนี้สามารถเอาชนะใจคนได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน