Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 162

ตอนที่ 162 ออเดอร์แข่งขัน

ความตายของปี้เหยานำมาซึ่งความเดือดดาลของบรรดาผู้อ่าน เรื่องนี้อยู่ในความคาดหมายของหลินเยวียน

ตอนที่เขาพิมพ์เนื้อเรื่องเล่มนี้ ก็เตรียมตัวเตรียมใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นี่เป็นจุดเปลี่ยนผันของเรื่องราวทั้งหมด จิตใจของจางเสี่ยวฝานเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หันหลังให้สำนักเมฆาคราม มุ่งสู่นิกายปีศาจ เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเป็นกุ่ยลี่

พล็อตเรื่องหลักหลังจากนี้คือการต่อสู้ระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจ

ที่จริงแล้วก็เป็นกระบวนการในการคืนชีพให้ปี้เหยาด้วย

แม้ว่ากระบวนการนี้จะถูกลิขิตมาให้ล้มเหลวก็ตาม

ทว่าที่หลินเยวียนไม่แถลงไขให้กระจ่าง อันที่จริงก็เป็นการเติมเต็มเรื่องนี้อย่างหนึ่ง

เพราะหากอธิบายข้อสงสัยก็จะเท่ากับเป็นการสปอยล์เนื้อเรื่อง อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ตัดทอนความคิดของผู้อ่านไปเสียทั้งหมด

เรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับชีวิตของหลินเยวียน

ช่วงเวลาหลังจากนั้น เขายังคงสอนเซวียเหลียง ทำภารกิจบ่มเพาะลูกศิษย์ต่อไป

ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ก็ไปทำงานดังเดิม

ในวันนี้ เมื่อหลินเยวียนมาถึงบริษัทอีกครั้ง กู้เฉียงอวิ้นก็มาเคาะประตูห้องของหลินเยวียน

“ตัวแทนหลิน”

หลังจากที่กู้เฉียงอวิ้นเดินเข้ามา ก็ลังเลครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “สี่ออเดอร์ก่อนหน้านี้คุณไม่ถูกใจ พวกเราไปเจรจาได้แค่ออเดอร์เดียว ก็คือออเดอร์ราคาเจ็ดแสนในมือคุณ ที่เหลืออีกสามชิ้นเจรจาไม่สำเร็จครับ”

“ทำไมล่ะครับ”

หลินเยวียนไม่เข้าใจ

ตอนนี้เขาพอจะกระจ่างในสถานการณ์ของบริษัทขึ้นมาบ้างแล้ว

เพราะฉะนั้นเขารู้ว่า ออเดอร์ที่ผู้ว่าจ้างออกตัวมาหาถึงที่แบบนี้ ตามหลักแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะเจรจาสำเร็จสูงมาก

กู้เฉียงอวิ้นยิ้มขื่นเอ่ยว่า “เพราะผู้ว่าจ้างเบื้องหลังทั้งสามออเดอร์นั้นระบุว่าต้องการเซี่ยนอวี๋ หมายความว่าต้องเป็นตัวแทนหลินที่รับงาน ถ้าคุณไม่รับ ทางผู้ว่าจ้างก็ไม่ถูกใจนักแต่งเพลงคนอื่นๆ ในบริษัทอยู่ดีครับ”

หลินเยวียนกระจ่างแล้ว

มิน่าล่ะระบบถึงอยากให้ตนสอนลูกศิษย์

ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสตาร์ไลท์มิวสิก ไม่ใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปได้มากนัก เพียงเพราะตนมาประจำที่นี่

ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ล้วนเป็นเพราะความสามารถของแผนกประพันธ์เพลงในสตาร์ไลท์ไม่สูงพอ

ถ้าหากต้องการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทั้งหมด จะต้องใช้มาตรการพิเศษสักหน่อย

“แต่ก็ยังดีนะครับ ที่พวกเราเก็บไว้ได้หนึ่งออเดอร์”

กู้เฉียงอวิ้นเอ่ยอย่างจนใจ “แต่ออเดอร์เดียวที่เราเก็บไว้ได้ ก็เพราะผมบอกกับพวกเขาว่าเซวียเหลียงเป็นลูกศิษย์ของคุณ พวกเขาเลยยอมลองร่วมงานดู เพราะฉะนั้นผมกำลังคิดว่าถ้าเซวียเหลียงทำออเดอร์นี้ไม่ได้ คุณจะต้องช่วยเขานะครับ พอถึงตอนนั้นผมจะไปเจรจากับเซวียเหลียง ให้เขายกส่วนแบ่งของออเดอร์ให้คุณ…”

กู้เฉียงอวิ้นพูดอย่างอ้อมค้อม

ความหมายที่แท้จริงของเขาก็คือ ให้หลินเยวียนช่วยชี้แนะเซวียเหลียงในการสร้างสรรค์ผลงานสักหน่อย

เมื่อสำเร็จแล้ว ออเดอร์นับเป็นของเซวียเหลียง แต่เงินเป็นของหลินเยวียน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเซวียเหลียงจะได้มีประวัติผลงาน ต่อไปจะได้รับออเดอร์ง่ายขึ้น

“ไม่จำเป็นหรอกครับ”

หลินเยวียนเอ่ย “เซวียเหลียงมีฝีมือมากพอที่จะทำออเดอร์นี้สำเร็จ”

กู้เฉียงอวิ้นคิด

คุณประเมินเซวียเหลียงสูงเกินไปหรือเปล่า

ทว่ากู้เฉียงอวิ้นไม่กล้าเอ่ยคำพูดนี้ออกไป เขาทำได้เพียงกล่าวออกไปอย่างระมัดระวัง “งั้นถ้าทำไม่สำเร็จล่ะครับ?”

“ผมจะลงมือเองครับ”

เซวียเหลียงเป็นลูกศิษย์ของหลินเยวียน หลินเยวียนย่อมต้องเชื่อมั่นในตัวลูกศิษย์อย่างเต็มเปี่ยม แต่เขาคิดจริงจังว่าเซวียเหลียงจะทำออเดอร์นี้สำเร็จ ระยะนี้เซวียเหลียงร่ำเรียนวิชากับเขามาตลอด ความสามารถรุดหน้าไปเร็วมาก

“ก็ได้ครับ”

หลินเยวียนพูดแบบนี้ กู้เฉียงอวิ้นจึงค่อนข้างวางใจ

เขาลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยว่า “อันที่จริงช่วงนี้ยังมีข้อเสนอออเดอร์หนึ่ง ผมคิดว่าควรบอกกล่าวกับคุณสักหน่อย”

หลินเยวียนเงยหน้าขึ้น “ราคาเท่าไหร่ครับ”

กู้เฉียงอวิ้นตอบ “สามล้านหยวนเหมือนกันครับ”

หลินเยวียนคิดว่ารับไว้ได้ แต่ก็รู้สึกว่ากู้เฉียงอวิ้นแลดูลำบากใจ จึงเอ่ยถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง “มีตรงไหนไม่โอเคหรือเปล่าครับ”

“จะว่ายังไงดีล่ะ”

กู้เฉียงอวิ้นใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “เป็นออเดอร์จากชีซิงเอนเตอร์เทนเมนต์ พวกเขาอยากสั่งทำเพลงให้กับนักร้องตัวท็อปอย่างสุ่ยอวิ๋น ราคาที่เสนอก็คือสามล้าน แต่นี่เป็นออเดอร์แข่งขันน่ะครับ”

หลินเยวียนชะงักไป “หมายความว่ายังไงเหรอครับ”

กู้เฉียงอวิ้นอธิบาย “ออเดอร์แข่งขันก็คือ ทางผู้ว่าจ้างจะหาบริษัทมาร่วมงานด้วยหลายบริษัทในเวลาเดียวกัน ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน ถ้าเพลงของใครดีกว่าพวกเขาก็เลือกเพลงของคนนั้น”

“อ้อ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน