ตอน ตอนที่ 182 คัดเลือกตัวละครสำเร็จ จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 182 คัดเลือกตัวละครสำเร็จ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 182 คัดเลือกตัวละครสำเร็จ
ในวันทดสอบหน้ากล้อง หลินเยวียนก็ได้พบกับนักแสดงนำชายที่อี้เฉิงกงแนะนำ
“สวัสดีครับตัวแทนหลิน ผมชื่อเฮ่อเซิ่ง…”
เขาเป็นนักแสดงอายุน้อย รูปร่างหน้าตาจะว่ายังไงดีนะ
เอาเป็นว่า ถ้ามายืนอยู่กับหลินเยวียน รูปร่างหน้าตาของเฮ่อเซิ่งจะแลดูธรรมดา เรียกว่าไม่สะดุดตาเลย เหมือนคนที่บังเอิญเดินผ่านไปมาเสียมากกว่า
แต่เมื่อยืนอยู่กับหัวหน้าพ่อบ้านเสิ่นชิงแล้ว เฮ่อเซิ่งก็นับว่าเป็นหนุ่มน้อยหน้ามนในหมู่คนธรรมดา
และถ้าหากยืนอยู่กับอี้เฉิงกงละก็ เรียกได้ว่าเฮ่อเซิ่งหล่อเหลาเอาการทีเดียว!
อย่างไรก็ดี ในตอนนี้เฮ่อเซิ่งอยู่ใกล้กับหลินเยวียนมาก ดังนั้นเขาจึงเข้าสู่โหมดคนผ่านทางผู้ไม่สะดุดตาไปโดยปริยาย
โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเยวียน ความกระวนกระวายตามสัญชาตญาณของเขาก็ยิ่งทำให้เขาดูธรรมดายิ่งขึ้นไปอีก…
“สวัสดีครับ”
หลินเยวียนเผยรอยยิ้มตามมารยาทตามที่สังคมคาดหวัง พยักหน้าให้ผู้รับผิดชอบฝ่ายต่างๆ ซึ่งถูกลากมาเข้าร่วมกองเมื่อสองวันที่ผ่านมาอย่างอี้เฉิงกงและเสิ่นชิง
“พวกเราเริ่มแคสต์กันเถอะครับ”
เสิ่นชิงพยักหน้า ทุกคนเริ่มการทดสอบหน้ากล้อง
คนที่เข้ามาทดสอบหน้ากล้องคนแรกก็คือเฮ่อเซิ่ง เมื่อถูกแปะป้ายไว้ว่าเป็นคนที่ผู้กำกับแนะนำมา ก็พลันทำให้เสิ่นชิงหัวคิ้วขมวดมุ่นแล้ว
ไม่เพียงเสิ่นชิง
คนอื่นๆ ของฝ่ายในกองก็รู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่บ้าง
ไม่ใช่เพราะเฮ่อเซิ่งนั้นฝีมือย่ำแย่
แต่เป็นเพราะเฮ่อเซิ่งเป็นหน้าใหม่ซึ่งเพิ่งเข้าวงการได้สามปี ไม่มีชื่อเสียงใดๆ แต่นักแสดงนำชายซึ่งไม่เป็นที่รู้จักย่อมสูญเสียความสามารถในการเรียกกระแสไป
แต่หลินเยวียนไม่ได้พูดจา ดังนั้นการทดสอบหน้ากล้องจึงทำได้เพียงดำเนินต่อไปตามปกติ
เป็นการทดสอบหน้ากล้องที่สุดแสนจะธรรมดา
ไม่มีรีเควสพิเศษ เพียงแค่ให้เฮ่อเซิ่งแสดงไปตามฉากหนึ่งของบท
ระหว่างที่รอการทดสอบหน้ากล้อง ทุกคนต่างก็อ่านทวนบทล่วงหน้ามาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องหยุดอ่านบทชั่วคราวแล้วไปแสดงตาม
เฮ่อเซิ่งเริ่มรู้สึกประหม่า ทว่าหลังจากที่เข้าสู่บทบาทแล้ว เขาก็เข้าถึงตัวละครอย่างรวดเร็ว ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนในฉับพลัน
ฉากที่เขาแสดงนั้นเป็นฉากที่ถังปั๋วหู่จะเข้าไปในจวนสกุลหวา
ก็เห็นว่าจู่ๆ เขาก็ก้มลง จากนั้นก็เก็บซากแมลงสาบตัวหนึ่งขึ้นมา…
เสิ่นชิงและคนอื่นๆ ชะงักไป ไม่รู้ว่าเฮ่อเซิ่งไปหาแมลงสาบจากไหนมา แต่ทุกคนเห็นเต็มสองตาว่านั่นเป็นแมลงสาบของจริง…
“เสี่ยวเฉียง[1]!”
“เสี่ยวเฉียง เจ้าเป็นอะไรน่ะเสี่ยวเฉียง! ข้ากับเจ้าร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานหลายปี…ข้าเห็นเจ้าเป็นเหมือนพี่เหมือนน้อง ทั้งสั่งสอนเจ้าเลี้ยงดูเจ้ามาหลายปี นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมาทิ้งข้าไปแบบนี้…”
เฮ่อเซิ่งหยิบแมลงสาบขึ้นมา ร้องไห้ฟูมฟาย ตีอกชกหัว
ความสนใจของเสิ่นชิงและคนอื่นๆ ไปรวมอยู่ที่ร่างไร้วิญญาณของแมลงสาบ ก่อนจะเบนไปอยู่ที่การแสดงของเฮ่อเซิ่ง
อะไรกันครับเนี่ย
นายถึงขั้นลงทุนใช้ซากแมลงสาบตัวจริงเลยเหรอ
ถ้าจะบอกว่าบทร้องไห้นี้สมจริง ก็ดันทำให้คนรู้สึกว่าเสแสร้ง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวิธีการแสดงที่เกินจริงสุดๆ ถ้าจะบอกว่าบทร้องไห้นี้ดูปลอม ท่าทางเศร้าโศกอาลัยอาวรณ์ของเฮ่อเซิงก็ไม่ธรรมดาเลย อย่างน้อยการเข้าถึงความรู้สึกรักที่เขามีต่อแมลงสาบก็เกินกว่าที่ทุกคนจินตนาการไว้…
ทำเอาพวกเสิ่นชิงอึ้งไป
แม้ว่าพวกเขาจะเคยอ่านบทมาแล้ว รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว ก็ยังอดรู้สึกตะลึงงันไปไม่ได้
อี้เฉิงกงกลับมองไปทางหลินเยวียน
สีหน้าของหลินเยวียนไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
บทการแสดงหลินเยวียนเป็นคนกำหนดเอง เขาจงใจตัดส่วนที่เป็นคำชี้แนะในการแสดงออกไป เหลือไว้เพียงบทพูด รายละเอียดอื่นๆ ปล่อยให้นักแสดงปล่อยของออกมาด้วยตัวเอง
ปรากฏว่าการแสดงฝีมือของเฮ่อเซิ่งนั้นใกล้เคียงกับส่วนของคำชี้แนะในการแสดงที่หลินเยวียนลบออกไปมาก
ซึ่งก็คือการแสดงฉากร้องไห้ที่เหมือนจะจริงก็ไม่จริง เหมือนจะปลอมก็ไม่ปลอมแบบนี้แหละ
สมจริงเกินไปก็ดูเคร่งเครียด ปลอมเกินไปก็เสียอรรถรส
นี่เป็นสัดส่วนที่ควบคุมได้ลงตัวแล้ว
เสิ่นชิงและคนอื่นๆ ก็มองไปทางหลินเยวียนเช่นกัน
หลินเยวียนเอ่ยถาม “ไปหาแมลงสาบมาจากไหนครับ”
เสิ่นชิงและคนอื่นๆ ร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก นี่มันใช่ประเด็นสำคัญเหรอฟระ?
“หามาจากห้องน้ำครับ”
เฮ่อเซิ่งรู้สึกประดักประเดิดอยู่บ้าง
หลินเยวียนพยักหน้า ไม่ได้ตัดสินใจในทันที เพียงแค่ให้คนต่อไปเข้ามาทดสอบหน้ากล้อง
ในจุดนี้ เสิ่นชิงกลับเห็นด้วยอย่างยิ่ง
นักแสดงสมทบในงานแนวคอมเมดีไม่จำเป็นต้องเลือกคนหน้าตาดีมากนัก
ส่วนบทชุนเซียง ซย่าเซียง ชิวเซียง และตงเซียง หลินเยวียนตั้งใจเลือกนักแสดงผู้หญิงที่ค่อนข้างสะสวย
โดยเฉพาะชิวเซียง…
น่าจะเป็นนักแสดงนำหญิงที่ตรงกับในความคิดของพวกเสิ่นชิงมากที่สุดแล้ว เพราะชิวเซียงนั้นมีใบหน้าที่งามพิเลิศเฉิดฉัน!
สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ชิวเซียงนั้นมีชื่อเสียง!
เป็นนักแสดงหญิงแถวสองคนหนึ่ง มีชื่อในวงการว่าอวี๋ซีลู่
อวี๋ซีลู่ยังมีผลงานมาบ้าง รูปลักษณ์ให้กลิ่นอายของหญิงงามตามแบบฉบับโบราณ เพียงแต่ทักษะการแสดงของอวี๋ซีลู่นั้นแสนจะธรรมดา ทำให้ตั้งแต่เดบิวต์มา มักจะถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น ‘แจกันดอกไม้[2]’
ถ้าหากเป็นการคัดเลือกนักแสดงของภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องอื่น พวกเสิ่นชิงคงตัดแจกันดอกไม้อย่างอวี๋ซีลู่ออกไปนานแล้ว
แต่เมื่อเห็นนักแสดงคนอื่นๆ ที่หลินเยวียนเลือกมาแล้วก็…
แม้แต่สภาพผู้กำกับเองก็ยังดูไม่ค่อยได้เลย…
พวกเสิ่นชิงจึงรู้สึกว่าการที่เลือกนักแสดงอย่างอวี๋ซีลู่มานั้น ไม่ว่าอย่างไรก็สมเหตุสมผล
อย่างน้อยอวี๋ซีลู่ก็หน้าตาหมดจดสะสวย แถมยังมีชื่อเสียงในระดับหนึ่งด้วย!
ยังไม่ต้องสนใจว่าชื่อเสียงนี้จะมาจากฝีมือการแสดงหรือหน้าตา
เพราะถึงยังไงถ้าจำเป็นต้องกัดฟันเลือกมาสักคนจริงๆ เสิ่นชิงและคนอื่นๆ ก็คิดว่าอวี๋ซีลู่เป็นตัวเลือกที่เพอร์เฟ็กต์ที่สุดแล้ว
ตัวเอกชายหญิงรวมไปถึงตัวประกอบสำคัญก็คัดเลือกเสร็จเรียบร้อย
หลินเยวียนพูด “เตรียมเอาการถ่ายทำขึ้นกำหนดการได้เลยครับ”
เสิ่นชิงพยักหน้า ตระหนักรู้ถึงการตกเป็นผู้ช่วยงานของหลินเยวียนโดยสมบูรณ์ เรื่องอย่างการศึกษาตำราเป็นเพื่อนองค์รัชทายาทน่ะหรือ ไม่ขออ้างความดีความชอบ แต่ก็ไม่ขอรับความผิดด้วยเหมือนกัน
อี้เฉิงกงกลับตื่นเต้นเสียยกใหญ่
ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ช่วยงาน แต่ในบรรดาทีมงาน อี้เฉิงกงก็เป็นคนที่เต็มใจทำงานนี้ที่สุด!
……………………………………….
[1] เสี่ยวเฉียง เป็นชื่อเล่นสำหรับเรียกแมลงสาบในภาษาจีน (คล้ายกับที่คนไทยเรียกแมลงสาบว่า ‘ปีเตอร์’) ซึ่งได้อิทธิพลมาจากเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ
[2] แจกันดอกไม้ เป็นคำแสลง เปรียบเปรยถึงคนที่รูปร่างหน้าตาดี แต่ไร้ความสามารถ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...