Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 197

ตอนที่ 197 นกฟินิกซ์หรือจะสู้กุ้ง (2)

หลัวเวยดีดนิ้ว “ได้ จงอวี๋ ตัดกระดาษให้หน่อย พวกเราจะจับฉลากกัน”

“ได้เลย!”

จงอวี๋ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

บรรดาสมาชิกในชมรม ก็พูดกันขึ้นมาเซ็งแซ่ หลัวเวยในฐานะประธานชมรม ในคณะวิจิตรศิลป์วิทยาลัยศิลปะฉินโจวแห่งนี้ เธอเป็นอันดับหนึ่งอย่างไร้ข้อกังขา ทั้งการสเก็ตช์ สีกวอช หรือภาพวาดพู่กันโบราณ เธอล้วนครองอันดับหนึ่งตลอดทั้งปี!

และหลินเยวียนก็เป็นท่านเทพผู้ลึกลับ…

ทุกคนล้วนรู้ดีว่าฝีมือการสเก็ตช์ภาพและสีกวอชของหลินเยวียนนั้นแข็งแกร่งมาก

ถ้าหากแข่งกันสองเรื่องนี้ ระหว่างหลัวเวยกับหลินเยวียนใครชนะใครแพ้ยังบอกไม่ได้!

ไม่ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ ทุกคนก็ไม่มีปัญหา…

ถึงขั้นที่มีหลายคนอยากเห็นประธานชมรมแพ้ เพราะยังไงซะ ในคณะวิจิตรศิลป์วิทยาลัยศิลปะฉินโจว ประธานชมรมก็ได้ชื่อว่าไร้พ่ายอยู่แล้ว!

และหลินเยวียน?

ถ้าเขาแพ้ ก็มาเป็นประธานชมรมจิตรกรรม ทุกคนเองก็ดีใจ เพราะนั่นก็หมายความว่า หลินเยวียนจะมีเวลาสอนทุกคนมากขึ้นแล้ว!

ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ขาดทุน!

มีคนถึงขั้นที่วิเคราะห์อย่างเอาจริงเอาจัง

“ถ้าเกิดจับฉลากได้ภาพสเก็ตช์ ฉันว่าท่านเทพมีโอกาสชนะมากกว่า”

“สีกวอชน่าจะห้าสิบห้าสิบ”

“ถ้าจับได้ภาพเขียนพู่กันโบราณ ท่านเทพก็น่าจะไม่มีหวังแฮะ ถึงจะไม่รู้ว่าฝีมือภาพเขียนพู่กันโบราณของท่านเทพจะเป็นยังไง แต่คณะวิจิตรศิลป์ก็รู้กันอยู่ว่าฝีมือภาพเขียนพู่กันโบราณของประธานโหดกว่าอาจารย์ซะอีก!”

“สีน้ำมันก็น่าจะห้าสิบห้าสิบ”

“อื้ม สีน้ำมันกับสีกวอชคล้ายกัน ท่านเทพเก่งสีกวอชซะขนาดนั้นสีน้ำมันก็ไม่น่าจะแย่ ประธานยิ่งไม่ต้องพูดเลย ได้รางวัลแข่งภาพวาดสีน้ำมันมาตั้งเยอะแยะ”

“…”

ขณะที่ถกเถียงกันอยู่นั้นเอง มีคนที่เฝ้าสังเกตการณ์และชอบเล่นใหญ่ ก็ส่งข้อความเข้าไปในกลุ่ม ‘ประธานชมรมจะแข่งวาดรูปกับท่านเทพหลินเยวียนแล้ว!’

‘อะไรนะ’

‘ประธานชมรมจะแบทเทิลกับท่านเทพ?’

‘ฉันมาแล้วจ้า!’

‘แกออกไปข้างนอกกับแฟนไม่ใช่เหรอ’

‘ต่อให้อุกาบาตพุ่งชนบลูสตาร์ ฉันก็จะมา เรื่องแฟนเอาไว้ทีหลัง!’

‘กำลังจะถึง!’

‘นี่มันรอบไฟนอล!’

‘…’

จงอวี๋เพิ่งเขียนสลากเสร็จได้ไม่นาน คนในชมรมจิตรกรรมก็เพิ่มขึ้นมาไม่น้อย เห็นชัดว่าเป็นนักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ที่แห่กันมาตามข่าว

“ใครจะจับสลาก”

จงอวี๋มองหลินเยวียนกับหลัวเวย

หลัวเวยแบมือยักไหล่ “แล้วแต่เลย”

ส่วนหลินเยวียนก็บอกว่า “คุณจับก็แล้วกันครับ”

จงอวี๋หัวเราะแหะๆ “งั้นฉันจับก็แล้วกัน ฉันจะต้องจับภาพสเก็ตช์ให้ท่านเทพให้ได้!”

เขาจับสลากขึ้นมาชิ้นหนึ่ง

“ได้อะไรเหรอ”

ทุกคนจับจ้องไปยังจงอวี๋

จงอวี๋ถึงขั้นอุบไว้ ดื่มน้ำหนึ่งคำ ไม่รีบร้อนเปิดดู

หลัวเวยถามหลินเยวียน “ต้องการกรรมการไหม”

หลินเยวียนส่ายหน้า “กรรมการมีมากพอแล้วครับ”

ใช่แล้ว ผู้คนในชมรมจิตรกรรมก็เป็นกรรมการได้

หลัวเวยพูดเป็นเชิงว่าเข้าใจ “ถ้ามีความเห็นไม่ตรงกันจริงๆ ค่อยเชิญอาจารย์หรือศาสตราจารย์มาตัดสิน แต่ฉันคิดว่าไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงขนาดนั้นหรอก”

หลินเยวียนพยักหน้า

เขากับหลัวเวยมีความสามารถระดับมืออาชีพ โดยพื้นฐานแล้ว มองผลงานของอีกฝ่ายเพียงปราดเดียว ก็รู้แล้วว่าใครชนะใครแพ้

“ถึงเวลาเปิดเผยความลับแล้ว”

จงอวี๋อุบไว้นานพอแล้ว ขณะที่ทุกคนกำลังจะหมดความอดทน เขาถึงค่อยๆ คลี่กระดาษออก ปรากฏว่าทันทีที่มองเข้าไปในข้อความในกระดาษ สีหน้าของจงอวี๋ก็เปลี่ยนไปทันที พูดด้วยสีหน้าขื่นขม

“ท่านเทพ…ขอโทษนะ”

ฝูงชนต่างเอ่ยขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น “สรุปจับได้อะไร”

จงอวี๋คลี่กระดาษออกให้ทุกคนเห็น ในนั้นเขียนไว้ว่า

ภาพเขียนพู่กันโบราณ!

ผู้คนชะงักไป จากนั้นก็คึกคักขึ้นมาทันที

“เชี่ย”

“ภาพเขียนพู่กันโบราณ?”

“นี่มันสนามเหย้าของประธานหลัวเลยนะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน