ตอนที่ 197 นกฟินิกซ์หรือจะสู้กุ้ง (3)
บนกระดาษเซิงเซวียน[1]
หลินเยวียนจุ่มพู่กันลงในน้ำหมึก จรดพู่กันลงจังหวะแรก
นี่เป็นกุ้งตัวที่อยู่ระยะใกล้ที่สุดของภาพ
พู่กันจุ่มลงในน้ำหมึกจาง ปลายพู่กันจุ่มหมึกเข้ม ปริมาณน้ำกำลังพอดี กดปลายพู่กันปาดเฉียงเป็นสองเส้นวาดออกมาเป็นหัวกุ้ง
จังหวะแรกสั้นและหนา
จังหวะที่สองบางและยาว
ปลายข้างดึงเข้า ข้อบนลำตัวกุ้งปรากฏลงในกระดาษ
และเมื่อถึงช่วงขา หลินเยวียนก็ตั้งปลายพู่กันตรง จากนั้นก็กดปลายพู่กันลงหมึกเข้ม!
ปลายพู่กันแต้มดวงตาของกุ้ง ข้อมือของหลินเยวียนค้างอยู่กลางอากาศ
หมึกจางกับหมึกเข้มสอดประสานกันและกัน ความรู้สึกว่างเปล่าถูกพู่กันลากเติมเต็มในชั่วพริบตา…
หลินเยวียนอยากเอ่ยชมอย่างอดไม่ได้ ภาพวาดนี้ดีจริงๆ อันที่จริงพูดชมตัวเองก็รู้สึกกระดากอาย แต่ก็ห้ามความคิดนี้ไม่ได้
ตวัดพู่กันไปตามใจปรารถนา!
หลินเยวียนกำลังดื่มด่ำในสภาวะนี้
และเมื่อกุ้งตัวแรกของเขาเสร็จสมบูรณ์ รูปร่าง ความมีชีวิตชีวา ความอ่อนไหว และความตื่นตัวก็ฟูมฟักจนทำให้ดูประหนึ่งมีชีวิตและจิตวิญญาณ!
ลักษณะแจ่มชัดในห้วงสำนึกของหลินเยวียน
ฉะนั้นแล้วตวัดพู่กันอีกไม่กี่ครั้ง ใช้ความเข้มอ่อนของน้ำหมึก ก็แสดงความรู้สึกเคลื่อนไหวออกมาได้แล้ว
และเมื่อถึงกุ้งตัวที่สอง เปลือกนอกก็แลดูแทบโปร่งใส ไล่จากเข้มไปจนอ่อน
จากนั้นก็ตามมาด้วยตัวที่สาม ตัวที่สี่ ตัวที่ห้า…
ด้วยทิศทางการบิดพู่กัน ส่วนเอวของกุ้งจะผิดแปลกออกไป บางตัวงอไปด้านหน้า บางตัวเหยียดตรง และบางตัวโค้งเพื่อปีนไต่
เมื่อวาดกุ้งตัวที่หกเสร็จเรียบร้อย ในที่สุดหลินเยวียนก็วางมือ
‘ไม่มีใครเก่งเรื่องการวาดภาพหมึกดำไปกว่าฉีไป๋สือแล้ว’
นี่เป็นความรู้สึกในใจเพียงอย่างเดียวของหลินเยวียน โดยเฉพาะ เมื่อเห็นผลงานเบื้องหน้าของตนแล้ว หลินเยวียนก็ยิ่งเข้าใจอย่างลึกซึ้ง…
ถ้าไม่ได้ใช้การ์ดตัวละครฉีไป๋สือ ลำพังทักษะระดับมืออาชีพของเขา ไม่มีทางวาดภาพระดับภาพกุ้งหกตัวนี้ออกมาได้หรอก!
งานของเขาเสร็จแล้ว
เงยหน้าไปมองหลัวเวย หลัวเวยกำลังดำดิ่งอยู่ในการวาดภาพโดยสมบูรณ์ สีหมึกของเธอเข้มเป็นส่วนมาก ฝีแปรงด้านหลังข้อมือที่ยกขึ้นก็ค่อนข้างเปิด หลินเยวียนเดาได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะกำลังวาดสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่…
เขาไม่ได้รบกวนเธอ
และไม่ได้ลุกขึ้น
เพียงแต่รออยู่อย่างเงียบเชียบ
และในขณะนั้น ด้านนอกประตูก็มีคนของชมรมจิตรกรรมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งถกเถียงกันอย่างไม่หยุดหย่อน
“แข่งภาพวาดพู่กันโบราณ?”
“งั้นท่านเทพก็ไม่ไหวน่ะสิ?”
“ผลลัพธ์คงเดาได้ไม่ยาก”
“ไม่น่าจะต้องสงสัยนะ ตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากเห็นก็คือภาพวาดพู่กันโบราณครั้งนี้ของประธานหลัวจะอลังการขนาดไหนมากกว่า!”
“นั่นสิ ไม่ได้เห็นประธานหลัววาดภาพพู่กันโบราณมานานแล้ว!”
“จงอวี๋แกน่ะตัวดี จับได้อะไรไม่จับ ดันจับได้ภาพวาดพู่กันโบราณ”
“เพื่อนไม่รักดีของท่านเทพ”
“เป็นลูกศิษย์อันดับหนึ่งประสาอะไร แกงใครไม่แกง มาแกงอาจารย์ตัวเองไปอีก”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่แน่ท่านเทพอาจชนะก็ได้นะ?”
“ขอร้องเลย ต่อให้เป็นศิลปินภาพวาดพู่กันโบราณระดับมืออาชีพก็ใช่ว่าจะชนะประธานหลัวได้”
“ในวงการ ภาพวาดพู่กันโบราณของประธานหลัวจัดอยู่ในระดับท็อปเลยนะ”
“…”
ในตอนนั้นเอง ด้านนอกประตูก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น
จงอวี๋ซึ่งเดิมทีมีสีหน้าสลดหดหู่อยู่แล้ว เมื่อเห็นผู้มาเยือน ก็ยิ่งเศร้าใจขึ้นไปอีก “ศาสตราจารย์ข่งมาได้ไงเนี่ย”
“ศาสตราจารย์ข่งไม่มาได้เหรอ”
“เรื่องนี้ทำให้อาจารย์แตกตื่นกันไม่รู้เท่าไหร่แล้ว”
“ท่านเทพกับประธานหลัว เดิมทีก็ไม่ใช่นักศึกษาทั่วไปอยู่แล้วมั้ย”
“ด้วยอายุของพวกเขา ต่อให้ก้าวเข้าสู่วงการศิลปะ อนาคตก็เรียกว่าสว่างไสวเลยละ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน