อ่านสรุป ตอนที่ 2 ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 2 ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 2 ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่
“ที่แท้นายก็มาอยู่ที่นี่เอง”
เสียงหนึ่งดังเข้าโสตประสาทของหลินเยวียน ทันใดนั้นใบหน้าหล่อเหลาผุดผ่องก็เข้ามาบดบังท้องฟ้าพราวประกาย
“เจี่ยนอี้”
หลินเยวียนร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาดีคนนี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นตั้งแต่ชั้นประถม มัธยมต้น จนถึงมหาวิทยาลัย…
เพื่อนตายที่แท้จริง
และในตอนนี้ เพื่อนตายก็ได้ยื่นมือออกมา ฉุดเขาขึ้นมาจากพื้น
จากนั้นหลินเยวียนก็พลันรู้สึกหนักอึ้งบนไหล่ เสื้อคลุมผู้หญิงตัวหนึ่งถูกสวมทับลงมาบนตัวของเขา
เขาหันไปเห็นใบหน้าพริ้งเพราเปี่ยมรอยยิ้ม
เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ผมยาวสลวยปรกบ่า แต่งหน้าบางเบา สวยสะคราญโดดเด่น
“ซย่าฝาน”
หลินเยวียนเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาโดยไม่รู้ตัวเช่นเดียวกับยามที่เห็นเจี่ยนอี้
เพราะว่าหญิงสาวที่ชื่อซย่าฝานคนนี้ก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของหลินเยวียนมาตั้งแต่ประถม มัธยมต้น จนถึงมหาวิทยาลัยเหมือนกับเจี่ยนอี้ไม่มีผิดเพี้ยน
เป็นเพื่อนตายอีกคนหนึ่ง
“กลางคืนลมแรง อย่าลืมสวมเสื้อคลุมก่อนออกไปข้างนอกสิ”
ซย่าฝานกำชับกับหลินเยวียน ถึงแม้ว่าเธอและเจี่ยนอี้ รวมไปถึงทุกคนที่วิ่งอยู่ในสนามกีฬาล้วนแต่สวมเสื้อแขนสั้นในสไตล์ที่เหมาะกับฤดูร้อนกันทั้งนั้น
“โอเค”
หลินเยวียนเอ่ยตอบ
สุดท้ายแล้ว ทันทีที่พูดจบ เจี่ยนอี้และซย่าฝานก็จ้องมองเขาพร้อมกัน แววตาแฝงความคลางแคลงใจ
“ทำไมฉันรู้สึกว่านายแปลกๆ”
ผู้ที่พูดประโยคนี้คือเจี่ยนอี้
ซย่าฝานแม้ไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าของซย่าฝานก็บ่งชัดว่าเธอก็คิดแบบเดียวกับเจี่ยนอี้
“เพราะว่าฉันไม่ใช่หลินเยวียนไปซะทั้งหมดแล้วน่ะสิ”
หลินเยวียนพูดกลั้วหัวเราะ รู้สึกว่าวิธีการพูดของตนเองค่อนข้างเป็นภววิสัย[1]พอสมควร เขามีครึ่งหนึ่งซึ่งเป็นของเจ้าของร่างเดิม อย่างน้อยก็ความรู้สึกบางส่วนต่อครอบครัวและเพื่อนฝูง ร่างกาย ผมเผ้าและผิวหนัง ล้วนเหมือนกับเจ้าของร่างเดิม
“นายโดนผีเข้าหรือไง”
เจี่ยนอี้หัวเราะร่า แต่กลับไม่ได้เอะใจสงสัยเขา
สีหน้าของซย่าฝานพลันแลดูเข้าใจขึ้นมาในทันที
หลินเยวียนผ่อนลมหายใจออก
แบบนี้เขาก็ค่อยโล่งใจ ไม่ต้องอธิบายให้มากความอีก
ซย่าฝานและเจี่ยนอี้โตมากับหลินเยวียนตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นจึงรู้ตื้นลึกหนาบางของอาการป่วยของหลินเยวียนดี
และด้วยเหตุนี้เอง ทั้งสองจึงคอยดูแลหลินเยวียนซึ่งร่างกายไม่แข็งแรงมาโดยตลอด
เมื่อว่ากันตามความรู้สึก หลินเยวียนไม่อยากโกหกทั้งสอง แต่ก็จำเป็นต้องโกหกให้เข้าทีสักหน่อย
“คุณหลิน กระผมจะพูดแบบไม่ลำเอียงเลยนะ”
เจี่ยนอี้เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “สิ่งที่เรียกว่า ‘นักเขียนนิยาย’ น่ะ เป็นหนึ่งในสิบอันดับอาชีพในฝันที่ได้รับการโหวตจากวัยรุ่นในเน็ตทั่วทั้งฉินโจวเชียวนะ ลำพังฉินโจวที่พวกเราอยู่ ก็มีคนที่มีเป้าหมายอยากเป็นนักเขียนนิยายเยอะแยะนับไม่ถ้วน นายจะใช้งานอดิเรกในช่วงเวลาสั้นๆ มาเติบโตในหน้าที่การงานเหรอ จริงๆ แล้วออกจะยากไปสักหน่อยนะ เพราะงั้นไม่จำเป็นจะต้องมานอนตากลมเย็นกลางสนามหญ้าที่ลมแรงตอนกลางคืนเพื่อสงสัยในชีวิตแบบนี้เลย”
‘นักเขียนนิยาย’
สายตาของหลินเยวียนสว่างวาบขึ้นมาเล็กน้อย
นักเขียนนิยายที่เจี่ยนอี้พูดถึงก็มีเหตุผล
เป็นเพราะไม่นานก่อนหน้านี้ เจ้าของร่างบังเกิดไอเดียเกี่ยวกับนิยาย ทั้งยังลงมือทำ ส่งต้นฉบับความยาวหนึ่งแสนตัวอักษรไปเข้าร่วมกิจกรรมบทความออนไลน์ เพื่อเดบิวต์ในฐานะ ‘นักเขียนนิยาย’
กิจกรรมประเภทนี้ได้รับความสนใจมากเสียด้วย
นั่นก็เพราะทันทีที่ ‘นักเขียน’ เดบิวต์สำเร็จ ไม่เพียงผลงานของผู้ชนะจะได้รับโอกาสอันล้ำค่าในการตีพิมพ์ ถ้าหากผลงานได้กระแสตอบรับขายดีจนถึงระดับที่กำหนด ก็ยังอาจนำไปดัดแปลงเป็นการ์ตูน ภาพยนตร์ หรือแม้แต่งานประเภทเกมก็เป็นได้
นี่คือสิ่งที่ผู้คนนับไม่ถ้วนซึ่งใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียนนั้นบากบั่นต่อสู้เพื่อให้ได้มา!
และที่สำคัญที่สุดก็คืองานนี้รวยเละ!
แต่น่าเสียดาย…
เป็นเพราะกิจกรรมนี้คึกคักเกินไปหน่อย มิหนำซ้ำพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์นิยายของเจ้าของร่างจัดอยู่ในเกณฑ์ธรรมดา ดังนั้นในรอบคัดเลือกรอบแรก ผลงานที่เข้าร่วมของเจ้าของร่างจึงเป็นอันตกรอบไป
เจี่ยนอี้คิดว่าตนเป็นเช่นนี้ก็เพราะบทความไม่ผ่านการคัดเลือก ถึงได้มานั่งตากลมในสนามอยู่แบบนี้
แต่ว่า…
อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นหลินเยวียนหรือเจ้าของร่าง ก็ล้วนไม่ได้ใส่ใจผลการตัดสินบทความในครั้งนี้
ที่เจ้าของร่างเลือกจบชีวิตตนเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความพ่ายแพ้ในการประกวดบทความแม้แต่นิดเดียว ถึงอย่างไรเขาก็แค่ลองเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้เล่นๆ เท่านั้น
เผื่อได้เงินขึ้นมาล่ะ?
เขาโอบกอดความคิดนี้ไปเข้าร่วมกิจกรรม
เขามักเพียรพยายามต่อสู้เพราะความรู้สึกผิดในใจต่อครอบครัว
เขารู้สึกว่าทั้งพี่สาว น้องสาว แล้วก็แม่ล้วนแต่เสียสละเพื่อเขามามากแล้ว ดังนั้นเขาจึงอยากชดเชยต่อพวกเธออย่างเต็มความสามารถ
การเป็นนักร้อง ไม่ได้เป็นเพียงเพราะความฝัน
แต่ยังเป็นเพราะอาชีพนี้สร้างรายได้มหาศาลเลยน่ะสิ!
ไม่ต้องเอ่ยถึงคำพูดซี้ซั้วอย่าง ‘ความฝันไม่ควรแปดเปื้อนเงินทอง’
สำหรับเจ้าของร่างแล้ว ถ้าหากความฝันอันแปดเปื้อนนำมาซึ่งเงินทอง เขาก็หวังเป็นอย่างมากว่าความฝันของเขาจะแปดเปื้อนและถูกกัดกินจนทะลุโดยเร็ว…
ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาจะได้ซื้อเดรสสวยๆ ให้น้องสาวสักชุด
พี่สาวจะได้ใช้ชีวิตของตนเอง
แม่จะได้ไม่ต้องทำงานหนักอีกต่อไป
แต่ใครจะไปคิดว่า…
หลังจากที่เด็กหนุ่มพลังเสียงขั้นเทพคนนี้เซ็นสัญญาได้ไม่นาน เขาก็ไม่อาจร้องเพลงได้อีกเลย
เมื่อตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ บริษัทบันเทิงซึ่งเซ็นสัญญากับหลินเยวียนก็ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับว่าตนโชคร้าย และตัดหางปล่อยวัดหลินเยวียนตั้งแต่นั้นมา
เป็นไปได้มากว่าเพราะพวกเขารู้สถานการณ์ของครอบครัวหลินเยวียน ดังนั้นทางบริษัทจึงไม่ได้เรียกร้องให้ชดใช้อะไรทำนองนั้น เพียงแค่ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องยกเลิกสัญญาอีกเลย คาดว่าคงจะลืมไปเสียสนิทแล้วว่าในบรรดานักร้องของบริษัทยังมีคนที่ชื่อว่าหลินเยวียนด้วย
“ไม่ใช่สิ”
ขณะที่หลินเยวียนกำลังขบคิดอยู่นั้น เจี่ยนอี้ก็ได้สติทันใด “คุณหลิน นายมีเพื่อนที่ฉันกับซย่าฝานไม่รู้จักตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
‘เพื่อนสมมติ’
ซย่าฝานปิดปากหัวเราะ ก่อนจะพูดต่อทันใด “ถ้าอยากปล่อยเพลง ตอนนี้แหละมีโอกาส เพราะอีกไม่กี่วันจะเป็น ‘ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่แห่งวงการเพลง’ ที่จัดแค่ปีละครั้ง พอถึงตอนนั้นบริษัทบันเทิงใหญ่ๆ จะดันศิลปินกันทั้งนั้น เงื่อนไขคือนายแตะถึงมาตรฐานในการสมัครของบริษัท…”
“เข้าใจแล้ว”
หลินเยวียนเองก็ผุดรอยยิ้มออกมา
นี่มันยูโทเปียของศิลปิน เป็นดินแดนในอุดมคติที่ความบันเทิงเฟื่องฟู!
ขอเพียงมีความสามารถ พรมแดงแห่งชื่อเสียงก็แทบจะพาดสลับกันไปมา แล้วลากยาวมาถึงหน้าประตูบ้านเลยละ!
ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่แห่งวงการเพลง
นี่คือหนึ่งในช่องทางดัง และเป็นกฎเกณฑ์ที่บลูสตาร์ตั้งขึ้นมาเพื่อฟูมฟักผู้มีพรสวรรค์ในวงการเพลงโดยเฉพาะ
เดือนพฤศจิกายนทุกปี บลูสตาร์จะจัดกิจกรรมฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่แห่งวงการเพลงไปทั่วทุกพื้นที่
เมื่อถึงตอนนั้น บรรดาผู้อาวุโสในวงการเพลงจะพากันไม่ออกอัลบั้มหรือแม้แต่เพลงโดยมิได้นัดหมาย จะหยุดเป็นการชั่วคราว เพื่อเหลือพื้นที่ส่วนหนึ่งให้แก่คนรุ่นหลัง
ถึงขั้นที่ในเดือนพฤศจิกายน เหล่าผู้อาวุโสจะออกตัวจัดอันดับเด็กใหม่รุ่นน้องด้วยซ้ำ
จากนั้นบริษัทบันเทิงแต่ละบริษัทก็จะไขว่คว้าโอกาสเช่นนี้ ผลักดันศิลปินหน้าใหม่ของวงการอย่างสุดกำลัง และศิลปินหน้าใหม่แต่ละคนก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์!
เดิมทีหลินเยวียนมีโอกาสได้เปิดตัวในฤดูกาลของศิลปินหน้าใหม่เช่นนี้
ทว่าน่าเสียดาย ที่ในตอนนี้เขาทำได้เพียงเดบิวต์ในฐานะผู้ประพันธ์เพลงแล้ว
แต่ว่าถึงอย่างไรหลินเยวียนก็ไม่ใช่เจ้าของร่างอีกต่อไป ดังนั้นการได้เดบิวต์ในฐานะคนเขียนเพลงก็ยิ่งทำให้หลินเยวียนดีใจเข้าไปใหญ่
วิธีแบ่งสรรปันส่วนผลประโยชน์แก่นักร้องหน้าใหม่ในวงการเพลงของบลูสตาร์ก็คือ
ส่วนรายได้ที่มาได้จากยอดดาวน์โหลดหรือยอดการฟังเพลงเพลงเดียวนั้น โดยทั่วไปแล้วบริษัทจะเก็บไว้แปดส่วน ที่เหลือสองส่วนให้นักร้องและคนเขียนเนื้อและทำนองเพลงแบ่งกัน ส่วนของผู้เรียบเรียงและโปรดิวเซอร์นั้นมักจะจ่ายผ่านทางบริษัท
สัดส่วนโดยละเอียดขึ้นอยู่กับที่ระบุในสัญญา
ธรรมเนียมก็คือนักร้องและคนเขียนเพลงรับเงินก้อนใหญ่ไป
นอกจากรายได้ส่วนใหญ่ที่บริษัทรับไป หลินเยวียนกลับไม่จำเป็นต้องแบ่งเงินกับคนมากนัก อย่างไรเสียเขาก็ทำทั้งเนื้อร้องและทำนอง และระบบก็ได้เรียบเรียงดนตรีมาให้แล้วเสร็จสรรพ สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้มีเพียงขุดทะลวงเส้นทางสู่ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่และผู้ช่วยงานสักคนที่…
ร้องเพลงได้และแบ่งเงินกับเขาได้
………………………………………
[1] ภววิสัย คือ การมองและวิเคราะห์ปัญหาจากสภาพจริง โดยไม่มีความรู้สึกส่วนตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...