ตอนที่ 230 แก่นแท้ของหนังตลกคือโศกนาฏกรรม
หลังจากออกมาจากห้องทำงานของประธานกรรมการ เหล่าโจวก็รีบโทรศัพท์หาหลินเยวียนทันที
“หัวหน้า”
หลินเยวียนรับสายเหล่าโจว น้ำเสียงสุขุมเฉกเช่นที่เป็นมาตลอด
เหล่าโจวกลับไม่สามารถรักษาท่าทีสงบเยือกเย็นเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเยวียนอย่างที่ผ่านมาได้ ต่อให้เขาจะคุ้นเคยกับท่าทีของหลินเยวียนมานานแล้วก็ตาม
“นาย…”
เหล่าโจวมีสารพัดคำพูดอยากพูดออกไป สุดท้ายแล้วคำพูดก็มาหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก แต่ก็ยังคิดไม่ตกสักที
จะพูดยังไงดีล่ะ
นายตุ๋นฉันซะเปื่อยเลย?
แต่ลิขสิทธิ์หนังก็เป็นตัวเขาเองที่ตกลงยอมขาย
เรื่องนี้จะโทษหลินเยวียนไม่ได้ เป็นเขาเองที่ประเมินเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศต่ำไป หรือจะกล่าวได้ว่าเขาไม่เคยให้ความสำคัญกับหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก
“คืองี้นะ”
เขายิ้มขมขื่น “เรื่องที่บริษัทขายสิขสิทธิ์ให้นาย ทางที่ดีนายอย่าแพร่งพรายออกไปนะ ไว้หน้าฉันหน่อย”
หลินเยวียนถาม “แผนกภาพยนตร์ก็รู้กันตั้งหลายคนไม่ใช่เหรอครับ”
เหล่าโจวยังคงยิ้มขื่น “ทางบริษัท ฉันจะไปแจ้งเอง เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศทำผลงานได้ดีมาก บริษัทอยากยืมหนังเรื่องนี้มาโฆษณาสักหน่อย…”
“ได้ครับ”
หลินเยวียนตอบตกลง
บริษัทขายภาพยนตร์เรื่องนี้ให้กับตน ในใจของหลินเยวียนก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว ตอนนี้เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ ถ้าตนแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป จะไม่เท่ากับว่าบริษัทไร้วิสัยทัศน์หรอกหรือ?
หลินเยวียนรู้เรื่องน้ำใจไมตรีอยู่หรอกน่า
หลังจากวางสาย
ทันใดนั้นเหล่าโจวก็ฉีกยิ้ม รอยยิ้มในครั้งนี้ไม่ใช่รอยยิ้มขมขื่น หากแต่เป็นรอยยิ้มซึ่งระคนกับความ…
ตื่นเต้น
ไม่รู้ว่าวงการภาพยนตร์กระแสหลักจะคิดยังไง
ผลิตภาพยนตร์เหมือนกัน แต่ภาพยนตร์ออนไลน์กับภาพยนตร์ในโรงนั้นเป็นคนละเรื่องกัน
อย่างแรกเป็นงานสเกลเล็กทำเองขายเองนักเลงพอ ส่วนอย่างหลังนี่สิถึงจะเป็นกระแสหลักของตลาด
ทว่าเมื่อภาพยนตร์ออนไลน์เรื่องหนึ่ง ซึ่งใช้เงินทุนไม่ถึงสิบล้านหยวน แต่กลับสร้างรายได้กว่าห้าสิบล้านหยวน ต่อให้เป็นภาพยนตร์ในโรงก็ไม่มีทางนิ่งดูดายได้
สร้างภาพยนตร์ไปเพื่ออะไรน่ะหรือ?
ผู้คนร้อยละ 95 ในทุกๆ สาขาอาชีพ รวมไปถึงแวดวงซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากศิลปะ ต่างก็ทำงานเพื่อเงินกันทั้งนั้น
ที่กล่าวเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อแดกดัน เพียงแต่อยากอธิบายว่า นี่ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของงานสเกลเล็กอย่างภาพยนตร์ออนไลน์ และไม่ได้เป็นเพียงการตระหนักรู้เมื่อสายไปของสตาร์ไลท์เท่านั้น
หลังจากผลศึกและกระแสความร้อนแรงของภาพยนตร์ในสัปดาห์แรกปรากฏขึ้น ศักยภาพในการกอบโกยรายได้อันน่าสะพรึงกลัวของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศก็ได้เห็นเป็นประจักษ์ในขั้นต้นแล้ว
แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น
ไม่ว่าจะสำหรับภาพยนตร์ในโรง หรือภาพยนตร์ออนไลน์ สัปดาห์แรกนับเป็นเพียงการเริ่มต้น สัปดาห์ที่สองถึงจะเป็นระยะปะทุที่แท้จริง!
พรึ่บๆๆ!
เมื่อสัปดาห์ที่สองจบลง ยอดเข้าชมของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศก็ทะลุสามสิบล้านครั้งเป็นที่เรียบร้อย!
ในตอนนั้น
ความร้อนแรงของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็กลายเป็นไวรัลไปทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต เช่นเดียวกับบรรดาหนังโรงทุนสร้างมหาศาลเหล่านั้น
‘หนังเรื่องนี้โคตรรรรรรรรตลก! ต้องขอโทษที่ผมดีดขนาดนี้ แต่นี่เป็นหนังที่ตลกที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมา!’
‘ถ้าบอกว่าหนังเรื่องนี้ฉันดูมาสามรอบแล้วจะเชื่อมั้ย’
‘สารบบความคิดของเซี่ยนอวี๋ทำให้ฉันประหลาดใจมาก นอกจากจะตลกแล้วยังให้แง่คิด หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดเนื้อหาออกมาในรูปแบบที่ย่อยง่ายดีมากๆ’
‘ที่ผมอยากจะบอกก็คือ…ตอนนี้แมลงสาบบ้านผมเปลี่ยนชื่อเป็นเสี่ยวเฉียงกันหมดแล้วนะค้าบ’
‘ตอนแรกคิดว่าเป็นแนวย้อนยุค ปรากฏว่าบทสนทนาดันทันสมัยมาก…นี่เป็นหนังย้อนยุคที่ให้สีสันของหนังร่วมสมัย ถ้ามองจากค่านิยมของยุคปัจจุบัน ถังปั๋วหู่ก็คือคนที่สูงหล่อรวย ส่วนชิวเซียงก็เป็นผู้หญิงสมัยใหม่ ทั้งฉลาดทั้งอ่อนโยน ถึงจะเกิดมาเป็นสาวใช้แต่ก็มีความสามารถโดดเด่น’
‘ฉันคิดมาตลอดว่านักแสดงนำหญิงอวี๋ซีลู่จะสวยแต่ไม่มีฝีมือการแสดง แต่พอดูเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ ฉันก็…ยังคิดเหมือนเดิม แต่กลับรู้สึกว่าอยู่ถูกที่ถูกทางจนดูลงตัวสุดๆ’
‘…’
ไม่ต้องสงสัย
หนังดังเป็นพลุแตก!
และหลังจากที่ยอดเข้าชมภาพยนตร์จากทั้งสองเว็บไซต์ในสองสัปดาห์แตะถึงสามสิบล้านครั้ง รายได้รวมของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศก็แตะถึง 150 ล้านท่ามกลางความตะลึงงัน!
ใช่แล้ว น่าสะพรึงกลัว!
ไม่เคยมีภาพยนตร์เรื่องไหนในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ออนไลน์ที่มีกระแสร้อนแรงเกินต้านจนดังเป็นพลุแตกเช่นนี้มาก่อน ต่อให้นำไปเปรียบเทียบกับภาพยนตร์ซึ่งเข้าฉายในโรง ภาพยนตร์ที่เงินทุนเก้าล้านหยวนทำผลงานได้ถึงระดับนี้เรียกได้ว่าเหนือธรรมชาติแล้ว!
จนถึงตอนนั้น
วงการภาพยนตร์กระแสหลักของฉินและฉี บุคลากรในวงการมากมายซึ่งจับจ้องไปยังภาพยนตร์ในโรงมาโดยตลอด ก็ต้องตะลึงงันกับผลงานของภาพยนตร์ออนไลน์เรื่องนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน