ตอนที่ 260 เจิ้งจิง
สองสัปดาห์ให้หลัง หลานเหลียนมาถึงบริษัท
ในฐานะราชาเพลงคนหนึ่งของสตาร์ไลท์ หลานเหยียนจึงมีห้องพักเดี่ยวของตนเอง เช่นเดียวกับห้องทำงานของผู้บริหารระดับสูง
ในห้องมีพื้นที่กว้างขวาง สามารถวางลู่วิ่งได้ตั้งหนึ่งเครื่อง
ในขณะนั้น หลานเหยียนกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่ง ทั้งตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่กลับยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
หลานเหยียนเชื่อว่านักร้องที่มีร่างกายแข็งแรงถึงจะได้เปรียบ ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายมาโดยตลอด
ผู้จัดการของหลานเหยียนอยู่ด้านข้าง หยิบกล้องถ่ายรูปออกมาถ่ายภาพให้เขา
ภาพเหล่านี้ประเดี๋ยวจะนำไปโพสต์ลงปู้ลั่ว นับว่าเป็นการปฏิสัมพันธ์กับแฟนคลับแล้ว
ในตอนนั้นเอง
จู่ๆ ผู้จัดการก็รับโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปเป็นพิลึกกึกกือ
เขาลุกขึ้นเดินไปยังลู่วิ่ง เอ่ยว่า “ผู้ช่วยของเซี่ยนอวี๋ติดต่อมา บอกว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋เขียนเพลงให้คุณ”
“พรึ่บ”
หลานเหยียนรีบกดปุ่มหยุดลู่วิ่งทันที ลดความเร็วลงก่อนจะวิ่งเหยาะๆ จากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูซึ่งพาดอยู่บนคนลำคอเช็ดเหงื่อ
“อาจารย์เซี่ยนอวี๋?”
พ่อเพลงตัวน้อยของบริษัท หลานเหยียนย่อมคุ้นเคยดี เขายังเคยคิดถึงโอกาสร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋สักครั้ง
ในบริษัท
ต่อให้เป็นถึงราชาราชินีเพลง ก็ใช่ว่าจะสามารถเชิญพ่อเพลงมาร่วมงานด้วยได้ทุกครั้ง
ดังนั้นนักประพันธ์เพลงระดับเซี่ยนอวี๋ ย่อมควรค่าที่ราชาราชินีเพลงจะให้ความสนใจ
“ใช่แล้วครับ เพื่องานครบรอบ”
ในใจของผู้จัดการรู้สึกสับสนอยู่บ้าง “บริษัทต้องแจ้งเซี่ยนอวี๋แล้วแน่เลย เขาน่าจะเข้าใจดีว่าทางอาจารย์เจิ้งจิงรับงานนี้ไปแล้ว แต่ว่ายังเขียนอยู่ นี่หมายความว่าอะไร…”
หลานเหยียนยิ้มเอ่ย “เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ยอมจำนนต่อพ่อเพลงไงล่ะ”
ผู้จัดการสับสน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลขึ้นมาหลายส่วน “ว่ากันว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋ยังเป็นนักศึกษา ทำผลงานได้ถึงระดับนี้ ตำแหน่งในบริษัทอยู่ระดับเดียวกับบรรดาพ่อเพลง ก็ยากที่จะเลี่ยงนิสัยเย่อหยิ่งเหมือนพ่อเพลง เพียงแต่เขายังไม่ตระหนักดีว่าพ่อเพลงเก่งกาจขนาดไหนกันแน่”
หลานเหยียนกล่าว “เป็นธรรมชาติของมนุษย์น่ะ ผมว่าในอนาคตเซี่ยนอวี๋จะได้เป็นพ่อเพลง ดังนั้นเราจะต้องเอาใจเขาให้ดี”
ผู้จัดการพยักหน้า “งั้นเราลองไปดูที่ชั้นเก้ากันดีไหมครับ”
หลานเหยียนพยักหน้า
ทุกคนล้วนอยู่ในบริษัทเดียวกัน ถ้าอีกฝ่ายเป็นนักประพันธ์เพลงทั่วไป แน่นอนว่าจะต้องเป็นฝ่ายมาหาหลานเหยียน แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นถึงเซี่ยนอวี๋ละก็ หลานเหยียนจะเป็นฝ่ายออกตัวไปหาเอง
ไม่ได้บอกว่าสถานะของเซี่ยนอวี๋นั้นสูงกว่าหลานเหยียน
ในแง่ของสถานะปัจจุบัน หลานเหยียนและเซี่ยนอวี๋ยังเท่าเทียมกัน ต่อให้เซี่ยนอวี๋จะอยู่เหนือกว่าเล็กน้อย แต่หลานเหยียนก็เป็นถึงราชาเพลง
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้เซี่ยนอวี๋เป็นคนออกตัวเขียนเพลงให้กับหลานเหยียนเอง
ทว่าความเก่งกาจของเซี่ยนอวี๋อยู่ตรงที่เขายังอายุน้อยมาก อนาคตของเขา ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าจะขึ้นไปถึงระดับไหน
ดังนั้นหลานเหยียนจึงไม่อยากล่วงเกินเซี่ยนอวี๋
ระหว่างทางมุ่งหน้าไปยังแผนกประพันธ์เพลงชั้นเก้า ผู้จัดการเอ่ยเตือนหลานเหยียน “ประเดี๋ยวต่อให้คุณจะปฏิเสธไม่ใช้เพลงของเซี่ยนอวี๋เป็นเพลงในงานครบรอบ ก็ปฏิเสธอ้อมๆ สักหน่อยนะครับ จะได้ไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าคุณไม่ชอบเพลงของเขา”
หลานเหยียนพยักหน้า “เรื่องนี้ผมรู้อยู่แล้วครับ”
พวกเขาไม่เคยพูดคุยกับเซี่ยนอวี๋มาก่อน จึงไม่รู้ว่าเซี่ยนอวี๋มีนิสัยเป็นอย่างไร
แต่เมื่อพิจารณาจากอายุของเซี่ยนอวี๋แล้ว วัยรุ่นมักจะรู้สึกกระดากอายได้ง่าย ตัวแทนของแผนกประพันธ์เพลงที่อายุน้อยขนาดนี้ จะต้องพยายามไว้หน้าอีกฝ่าย
เมื่อเดินเข้าไปในลิฟต์
จู่ๆ หลานเหยียนก็กล่าวกลั้วหัวเราะ “และผมก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธ เพลงที่เซี่ยนอวี๋เขียนต้องคุณภาพไม่ได้แย่แน่ๆ เพียงแต่เพลงนี้จะปล่อยเดือนธันวาไม่ได้”
ผู้จัดการหัวเราะตามไปด้วย
ความคิดของหลานเหยียนเหมือนกับเขา เพลงของเซี่ยนอวี๋ไม่มีทางแย่ไปได้เลย และควรค่าให้เขาขับร้องอย่างแน่นอน เพียงแต่เพลงที่ปล่อยในเดือนธันวาคมนี้จะต้องเข้าร่วมกิจกรรมฉลองครบรอบหนึ่งปีของการผนวกรวมฉินและฉี เพลงของกิจกรรมในครั้งนี้จะต้องเป็นเพลงที่ดีที่สุด!
……
กู้ตงเดินเข้าไปในห้องทำงานของหลินเยวียน “ตัวแทนหลิน อีกสักครู่หลานเหยียนกับผู้จัดการของเขาจะมาถึงนะคะ เราจะติดต่อทางอาจารย์เจิ้งจิงสักหน่อยไหมคะ จะได้ไม่ทำให้อาจารย์เจิ้งจิงไม่พอใจ”
“อย่างงั้นเหรอครับ”
หลินเยวียนเอ่ย “แล้วต้องทำยังไงถึงจะพอใจเหรอครับ”
กู้ตงชะงักไป ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าสมแล้วที่เป็นคำถามซึ่งหลินเยวียนเป็นคนถาม
เธอหลุดยิ้ม ตอบว่า “คุณโทรไปอธิบายสักหน่อยก็ได้แล้วค่ะ”
“ได้ครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน