Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 299

ตอนที่ 299 สับขาหลอก

คดีถูกนำเสนอในตอนต้นเรื่อง

เฟอร์วางยาพิษสามีขี้เมาของเธอจนตาย รับมรดกของเขา และกลายเป็นผู้หญิงซึ่งร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน

และในหมู่บ้านแห่งนี้ มีผู้ชายที่ร่ำรวยที่สุดอีกคนหนึ่ง เขามีชื่อว่าโรเจอร์

ภรรยาของโรเจอร์เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน

อาจเป็นเพราะทั้งสองสูญเสียคู่สมรสเหมือนกัน จึงเข้าใจซึ่งกันและกัน จึงตกหลุมรักกันและกัน

โรเจอร์วางแผนจะแต่งงานกับเฟอร์

ก่อนแต่งงาน เฟอร์บอกกับโรเจอร์ “ฉันวางยาสามีขี้เมาของฉัน บางคนในหมู่บ้านรู้ความลับนี้ของฉัน ระยะนี้เขาใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ และรีดไถเงินจากฉันไปมาก”

โรเจอร์ตกตะลึง

เขาเป็นคนรักความยุติธรรม ไม่มีทางยอมรับว่าผู้หญิงที่เขารักนั้นเคยสังหารสามีของเธอมาก่อน

ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะเปิดโปงเฟอร์ ทว่าการหมั้นหมายของทั้งสองกลับเป็นอันจบลงในตอนนั้น

แต่ถึงอย่างไรเฟอร์ก็เป็นผู้หญิงที่โรเจอร์รักสุดใจ เขาจึงเอ่ยถามเธอ ‘ใครเป็นคนข่มขู่คุณหรือ’

เขาอยากช่วยเฟอร์ขจัดความทุกข์ใจนี้

เฟอร์ไม่ได้ตอบเขาในทันที แต่กลับให้โรเจอร์รออีกสองวัน

ปรากฏว่า โรเจอร์กลับได้รับข่าวว่าเฟอร์ปลิดชีพตนเอง

ยังไม่ทันได้รู้สึกปวดร้าว ไม่นาน โรเจอร์ก็ได้รับจดหมายลาตายฉบับหนึ่งจากเฟอร์…

ไม่มีใครรู้ว่าโรเจอร์ได้อ่านจดหมายฉบับนั้นแล้วหรือยัง

เพราะจดหมายฉบับนั้นหายสาบสูญไป และโรเจอร์ก็ตายอยู่ในห้องหนังสือของตน เขาถูกคนใช้มีดปาดคอ

ในนิยายเลือกใช้มุมมองบุคคลที่หนึ่ง นั่นก็คือหมอเชปเพิร์ดซึ่งเป็นหมอในหมู่บ้าน

การบรรยายด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับนิยายแฟนตาซี แต่ไม่ใช่เรื่องสำหลักสำคัญอะไรสำหรับนิยายเขย่าขวัญหรือสืบสวนสอบสวน

ในทางกลับกัน การบรรยายด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งจะช่วยให้ผู้อ่านมีอารมณ์ร่วมมากยิ่งขึ้น

“เปิดเรื่องแบบทั่วๆ ไป”

เฉาเต๋อจื้อประเมินเสียงเบา

“ฆาตกรน่าจะเป็นคนที่แบล็กเมลเฟอร์ เขากลัวว่าเบาะแสที่เขาแบล็กเมลเฟอร์จะถูกเปิดเผย ดังนั้นจึงฆ่าโรเจอร์ แล้วขโมยจดหมายลาตายของเฟอร์ไป”

เรื่องนี้เดาได้ไม่ยาก

มองจากเนื้อเรื่องในตอนนี้ ความน่าสนใจของเรื่องราวนั้นธรรมดา

เฉาเต๋อจื้อไม่เพียงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ถ้าหากต้องการยอดขายที่ใช้ได้ นามปากกาฉู่ขวงนั้นเป็นการการันตีที่ดีที่สุด

แต่ถ้าคาดหวังยอดขายถล่มทลาย ก็จำเป็นต้องดูคุณภาพของนิยาย

เมื่อเทียบกับความโด่งดังเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยแล้ว เฉาเต๋อจื้อย่อมหวังว่าผลงานชิ้นนี้จะโด่งดังเป็นพลุแตกมากกว่า!

“บางทีอาจเป็นเพราะเขียนแนวสืบสวนครั้งแรก เลยรู้สึกไม่คุ้นเคย?”

เฉาเต๋อจื้อประเมินในใจ ‘สำหรับนักเขียนที่เพิ่งเขียนแนวนี้เป็นครั้งแรก เขียนได้ระดับนี้ก็เก่งมากแล้ว มองจากมุมนี้ก็สมแล้วที่ฉู่ขวงเป็นนักเขียนระดับมหาเทพ’

อันที่จริง เขาไม่ได้บอกว่าฉู่ขวงเขียนไม่ดี

สำนวนการเขียนของนิยายสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ของฉู่ขวง ไม่ได้มีปัญหาอะไร

ปัญหาอยู่ที่ ฉู่ขวงเขียนตามแบบแผนมากเกินไป

นักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนสิบคน มีถึงเก้าคนที่เขียนแบบนี้ได้

เพราะฉะนั้น เรื่องนี้จึงไม่ได้มีจุดเด่นอะไร!

แต่เฉาเต๋อจื้อก็ยังก้มหน้าก้มตาอ่านต่อไป เป็นกระแสเล็กๆ น้อยๆ ก็ใช้ได้แล้ว แผนกนิยายสืบสวนสอบสวนตกอับถึงขั้นที่ไม่มีแม้แต่ผลงานที่มีกระแสเล็กน้อยๆ

ยิ่งไปกว่านั้น…

ในฐานะผู้ที่ชื่นชอบนิยายสืบสวนสอบสวน เขาชื่นชอบกระบวนการไขปริศนามากเหลือเกิน

และความชื่นชอบของแฟนนิยายสืบสวนสอบสวน ย่อมค้นพบว่าฆาตกรในคดีเป็นใครได้รวดเร็วว่านักสืบในหนังสืออย่างไม่ต้องสงสัย!

ไม่นานเรื่องราวก็ดำเนินมาถึงบทที่สาม

ในตอนนั้น ตัวละครใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้น เป็นนักสืบซึ่งมีชื่อว่าปัวโรต์!

จากที่ในนิยายเขียนแนะนำ ปัวโรต์คนนี้เป็นนักสืบเอกชนที่มีชื่อเสียงซึ่งไขคดีใหญ่ๆ มานักต่อนัก เขาเพิ่งย้ายมาที่หมู่บ้านและปลูกฟักทองในสวนทุกวัน

“จู่ๆ ก็มีนักสืบโผล่มา?”

เฉาเต๋อจื้อเลิกคิ้ว

นักสืบปัวโรต์เป็นคนนอกของหมู่บ้านนี้ จู่ๆ มีคนนอกย้ายเข้ามาในหมู่บ้านเล็กๆ หลังจากนั้นก็มีคนตายสองคนรวด?

ไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ?

เฉาเต๋อจื้อสงสัยว่านักสืบคนนี้เป็นฆาตกร

ถ้าหากเป็นเซตติงลักษณะนี้ก็มีแนวโน้วว่าจะจะแหกขนบและเบี่ยงทิศทางแล้ว

ทว่าเมื่ออ่านต่อไปสิบกว่าหน้าหลังจากนั้น ความสงสัยนี้ของเฉาเต๋อจื้อก็มลายหายไป

ปัวโรต์เป็นนักสืบตัวจริง และด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งจากเชปเพิร์ดซึ่งเป็นผู้ช่วยของปัวโรต์ พวกเขาก็เริ่มต้นสืบคดีนี้

งั้นฆาตกรเป็นใครกัน

คนที่ทางตำรวจสงสัยก็คือราล์ฟ เพตัน ลูกเลี้ยงของโรเจอร์

ทว่าเฉาเต๋อจื้อตัดคนนี้ออกจากกลุ่มผู้ต้องสงสัยโดยสิ้นเชิง เพราะในคดีฆาตกรรม คนที่ยิ่งมีแนวโน้มจะเป็นฆาตกรมากเท่าไร ก็จะมีโอกาสเป็นฆาตกรน้อยลงเท่านั้น นี่คือกลอำพรางที่ผู้เขียนใส่ไว้ในเรื่อง

อันที่จริง ปัวโรต์ก็ไม่ได้สงสัยเพตัน

นักสืบคนนี้เหมือนว่าจะฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ แฮะ

และเมื่อเรื่องราวดำเนินต่อไป มีบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อยๆ การรับรู้ของเฉาเต๋อจื้อต่อนิยายเรื่องนี้ก็ค่อย เปลี่ยนไป

“น่าสนใจดีแฮะ…”

ระดับความยากของคดีสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ต้องสงสัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อ่านแล้วรู้สึกเพลิดเพลินขึ้นทีละนิด

เริ่มจากเฮกเตอร์ บลันท์ เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของโรเจอร์

เขาเป็นผู้ชายที่มีกำลังวังชา ตอนที่โรเจอร์ตาย หมอนี่มาเป็นแขกที่บ้านของโรเจอร์พอดี

และบลันท์ไม่มีเงิน แต่กลับหลงรักหลานสาวของโรเจอร์ ทว่าหลานสาวของโรเจอร์ดันไปมีความสัมพันธ์กับราล์ฟ เพตัน ลูกเลี้ยงของโรเจอร์!

เพราะฉะนั้นเจ้านี่ก็สามารถสังหารโรเจอร์ และโยนความผิดให้ราล์ฟ เพตัน ส่วนตนเองก็ชิงตัวโฉมงามกลับไป…

“เป็นเขาได้ไหมนะ”

เฉาเต๋อจื้อขบคิดจนสมองเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ และเบนเป้าหมายไปยังอีกบุคคลหนึ่งในเรื่อง

เลขาหนุ่มรูปร่างโปร่ง ร่าเริงกระตือรือร้น ยามทำงานจริงจังแข็งขัน นามว่าเรย์มอนด์

คนคนนี้ แลดูคล้ายกับจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่นิยายสืบสวนสอบสวน ยิ่งเป็นคนที่ดูไม่เหมือนคนร้าย ก็มักจะเป็นคนร้าย!

หลังจากนั้น เฉาเต๋อจื้อก็สังเกตเห็นคนอื่นๆ …

ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีมีเยอะเหลือเกิน

และในคดีนี้ เกี่ยวโยงถึงทุกคน ราวกับว่าทุกคนต่างก็มีความลับของตนเอง!

ปัวโรต์ยังจงใจเรียกทุกคนมา และชี้แจงอย่างชัดเจน

“พวกคุณทุกคนเหมือนจะมีความจริงที่ปิดบังผมอยู่ บางทีพวกคุณอาจคิดว่าความจริงเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับคดี จึงเลือกที่จะปกป้องตนเอง แต่บางทีกุญแจของการไขคดีอาจอยู่ในส่วนที่พวกคุณปิดบังก็เป็นได้”

เฉาเต๋อจื้อคิดว่าปัวโรต์กำลังโมโห

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน