Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 300

ตอนที่ 300 ขาใหญ่จะอยู่ที่ไหนก็เป็นขาใหญ่

“หรือว่าฉันเป็นมาโซคิสม์?”

“ที่แท้นิยายสืบสวนสอบสวนก็เขียนแบบนี้ได้เหรอเนี่ย!”

เฉาเต๋อจื้ออ่านไปพลางคาดเดาตัวฆาตกรไปพลาง สงสัยคนแล้วคนเล่า ตัดคนออกจากรายชื่อผู้ต้องสงสัยคนแล้วคนเล่า จนเขาแทบจะคาดเดาแรงจูงใจและวิธีลงมือของทุกคนที่เขารู้สึกสงสัย…

ปรากฏว่าดันถูกฉู่ขวงตลบหลังเอาซะได้!

เพราะฉะนั้นเมื่อปัวโรต์เอ่ยชื่อของฆาตกรออกมา เขาถึงกับขนลุกซู่ เม็ดเหงื่อเย็นผุด ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น

ขณะเดียวกัน เขาก็สบถออกมา รู้สึกว่านี่เป็นการหลอกลวงผู้อ่าน

และนี่ก็เป็นความจริง

ฉู่ขวงหลอกลวงผู้อ่าน!

ในแง่หนึ่ง คำว่า ‘หลอกลวง’ นั้นไม่เกินจริง

แต่ทำไมเฉาเต๋อจื้อถึงได้รู้สึกอับอายเช่นนี้ล่ะ

ก็เพราะนี่ไม่ใช่การหลอกลวงเพื่อความขำขันในวันเอพริลฟูลส์เดย์ หากแต่เป็นการเกทับทางสติปัญญาน่ะสิ!

จากการอธิบายและวิเคราะห์ในคำรับสารภาพ รวมไปถึงข้อเท็จจริงในคดี จะเห็นได้ว่า…

นอกจากความลับบางอย่างซึ่งจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง เนื่องจากวิธีการบรรยายเรื่องแล้ว ฉู่ขวงไม่ได้จงใจปิดบังเบาะแสใดในหนังสือเลย

มิหนำซ้ำบางจุดในหนังสือยังระบุคำใบ้ไว้อย่างชัดเจน!

นี่เป็นสิ่งที่จะตระหนักได้ก็ต่อเมื่อเชื่อมโยงคำรับสารภาพเข้ากับภาพย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น

ฉะนั้นแล้ว หนังสือเล่มนี้ กล่าวได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรมระหว่างผู้เขียนและผู้อ่าน

จุดที่ทำให้เฉาเต๋อจื้อรู้สึกหดหู่อยู่ตรงนี้…

เห็นได้ชัดว่าอันที่จริงฉู่ขวงได้เปิดเผยตัวฆาตกรไปนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ช่วงเริ่มเรื่องแล้ว…

ทว่าฉู่ขวงใช้ประโยชน์จากสมมติฐานของผู้อ่าน มาสร้างจุดบอดในการสืบสวนสอบสวน ดังนั้นยามที่ตอนจบถูกเปิดเผย เฉาเต๋อจื้อจึงรู้สึกเหลือเชื่อเช่นนี้!

เฉาเต๋อจื้อรู้สึกว่าตนได้เหยียบลงไปในหลุมพรางของฉู่ขวงอย่างสง่าผ่าเผย

คนเขาเปิดเผยหลักฐานมาตั้งแต่แรก เพียงแต่ตนในฐานะผู้อ่านไม่ทันได้สังเกตเห็นก็เท่านั้นเอง

ต้องเข้าใจว่า นิยายสืบสวนสอบสวนบางเรื่องชอบซ่อนหลักฐานสำคัญไว้ช่วงท้ายเรื่อง หรือไม่ก็ซ่อนไว้ในสมองของนักสืบ ในสถานการณ์แบบนั้น ผู้อ่านย่อมเดาแรงจูงใจของคนร้ายไม่ได้หรอก

เพราะผู้เขียนไม่ได้ระบุหลักฐานสำคัญไว้

แต่คุณย่าเป็นนักเขียนนิยายไขปริศนารูปแบบดั้งเดิม นิยายของเธอไม่มีทางซ่อนหลักฐานไว้ในตอนสุดท้าย!

เธอจะให้โอกาสผู้อ่านไขคดี ให้ผู้อ่านท้าทายความเร็วในการไขคดีของนักสืบ ดูว่าผู้อ่านจะเห็นรายละเอียดซึ่งซ่อนอยู่ในเนื้อหาหรือไม่

“โชคดีที่ฉันอ่านนิยายสืบสวนสอบสวนมามาก…”

เฉาเต๋อจื้อพึมพำ ก่อนที่จู่ๆ จะตบหน้าตักของตนดังฉาด

“ไม่สิ อ่านนิยายสืบสวนสอบสวนมามากก็ไม่มีประโยชน์ เพราะวิธีการเขียนของเรื่องนี้แหวกแนวไม่เหมือนใคร ในวงการนิยายสืบสวนสอบสวน ไม่เคยมีใครเขียนงานแบบนี้มาก่อน!”

ดังนั้นตนจึงทึกทักไปตามสัญชาตญาณว่า ‘ผม’ ไม่ใช่ฆาตกร!

เพราะผู้อ่านอย่างเฉาเต๋อจื้อมีอารมณ์ร่วมกับ ‘ผม’!

ผมคือใครน่ะหรือ

ก็เชปเพิร์ดน่ะสิ!

ถ้าหากเฉาเต๋อจื้อเคยดูซีรีส์เรื่องราชายุทธจักร[1]ละก็ ในตอนนี้เขาจะต้องเข้าใจชายซึ่งมีชื่อว่าจีอู๋หมิงแล้ว

‘เป็นข้า…ที่ฆ่าข้าเอง?’

กระนั้นใครบัญญัติกฎเล่า ว่า ‘ผม’ จะเป็นฆาตกรไม่ได้

แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีกฎเหล่านี้!

เพียงแต่จิตใต้สำนึกของตน ได้กำจัด ‘ผม’ ออกไปจากรายชื่อฆาตกรตั้งแต่แรกแล้ว

สิ่งที่ฉู่ขวงทำนั้นเรียบง่ายเหลือเกิน

แหกกฎ และกำหนดนิยามของสิ่งที่เรียกว่า ‘อะไรก็เกิดขึ้นได้’ ในนิยายสืบสวนสอบสวนขึ้นใหม่!

“นี่เป็นผลงานที่ล้มล้างขนบการเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนรูปแบบเก่าโดยสิ้นเชิง!”

เฉาเต๋อจื้อมั่นใจว่า หลังจากที่นิยายเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป จะต้องมีนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนอีกนับไม่ถ้วนที่ทำตามรูปแบบนี้

การประเมินของเฉาเต๋อจื้อไม่ผิดพลาด

บนโลก หลังจากที่เรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ของคุณย่าเผยแพร่ออกไป หลายคนก็เริ่มเลียนแบบวิธีการสร้างสรรค์ผลงานรูปแบบนี้

เทคนิคการเขียนรูปแบบนี้ ยังมีชื่อเรียกเฉพาะอีกว่า

‘ผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้’

ความหมายเหมือนกับชื่อ

นั่นก็คือการบรรยายเรื่องซึ่งใส่กลอุบายเข้าไป กล่าวคือ ผู้เขียนจงใจใช้โครงสร้างของเรื่อง หรือเทคนิคในการเขียนเพื่อทำให้ผู้อ่านไขว้เขวหรือปกปิดข้อเท็จจริงบางประการ จนกระทั่งในตอนท้ายเรื่องจึงเปิดเผยความจริง และทำให้ผู้อ่านตกตะลึงอย่างไม่อาจพรรณนาได้

คุณย่า ก็คือผู้บุกเบิกเทคนิคการเขียนผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้นี้เอง!

ไม่เช่นนั้น คงไม่เกริ่นไปก่อนหน้านี้หรอกว่าคุณย่าเป็นผู้บุกเบิกโลกของนิยายสืบสวนสอบสวน

ผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งในรูปแบบการเขียนที่เธอเป็นคนบุกเบิกก็เท่านั้นเอง เทคนิคการเขียนรูปแบบอื่นๆ ที่เธอบุกเบิกนั้นน่ากลัวกว่านี้เสียอีก

อันที่จริง สำหรับเทคนิคการเขียนผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้นี้ ภายหลังยังมีผลงานเรื่อง Dondon Bridge Is Falling Down[2] ซึ่งได้รับคำชื่นชมเช่นเดียวกัน

“โอกาสมาถึงแล้ว!”

หลังจากที่รู้สึกตกตะลึงสุดขีด เฉาเต๋อจื้อก็สัมผัสได้ว่าตัวของเขาเริ่มเบาหวิว “นิยายเรื่องนี้ดังแน่!”

นิยายสืบสวนสอบสวนคลังหนังสือซิลเวอร์บลูไม่ได้เรื่อง?

นั่นมันเมื่อก่อน!

ตอนนี้พวกเรามีฉู่ขวงแล้ว!

ในตอนนี้ เฉาเต๋อจื้อก็หวนนึกถึงสีหน้าหดหู่และไม่เต็มใจของเหล่าสยงยามที่นำนิยายมาส่งให้เขา

เฉาเต๋อจื้อเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายมากขึ้นแล้ว เขาแทบอดไม่ไหว อยากหัวเราะออกมาดังๆ!

ฮ่าๆ

ฉู่ขวงเป็นสมบัติล้ำค่าตัวจริงเสียงจริง!

ถ้าหากตอนนี้ให้เฉาเต๋อจื้อส่งฉู่ขวงกลับไปยังแผนกแฟนตาซี เกรงว่าสีหน้าของเฉาเต๋อจื้อคงไม่ได้ดีไปกว่าเหล่าสยงเลย

ก็ไม่แปลกหรอก

ขาใหญ่ขนาดนี้ ใครไม่อยากเกาะบ้างล่ะ

เป็นแผนกเราที่ส้มหล่น ขาใหญ่ท่านนี้ มาอยู่ที่แผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนของเราแล้วจริงๆ!

กล่าวได้เพียงว่า…

ขาใหญ่อย่างฉู่ขวง ไปอยู่ที่ไหนก็ยังเป็นขาใหญ่!

……

ไม่ต้องสงสัยเลย เรื่องฆาตกรรมโรเจอร์แอ็กครอยด์ต้องได้ตีพิมพ์อย่างแน่นอน และจำเป็นต้องได้รับการโปรโมต ดังนั้นเฉาเต๋อจื้อจึงเปิดการประชุม

“มาอ่านนิยายเรื่องนี้เร็ว!”

บรรณาธิการในแผนกนิยายสืบสวนสอบสวนต่างมองหน้ากัน สุดท้ายแล้วจึงมองไปทางเฉาเต๋อจื้อ “พี่ใหญ่ มีเรื่องน่าดีใจอะไรเหรอ”

เหล่าบรรรณาธิการไม่เคยเห็นเฉาเต๋อจื้อลิงโลดถึงขนาดนี้มาก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน