Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 311

ตอนที่ 311 เจ้าเล่ห์เพทุบาย

ไม่นาน หลินเยวียนก็ได้รับการตอบรับจากเหล่าโจว

แผนกภาพยนตร์ของบริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องชีวิตอัศจรรย์ของพายมากเป็นพิเศษ การเตรียมการเริ่มต้นขึ้นหลังจากวันนี้

เมื่อพิจารณาว่าในปีนี้ไม่มีทางลงมือถ่ายทำได้ หลินเยวียนก็ส่งมอบเรื่องนี้ต่อให้บริษัทจัดการ

เมื่อได้รับการสนับสนุนจากแผนกภาพยนตร์ ย่อมไม่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนบุคลากรมืออาชีพในการเตรียมงานระยะแรก

เมื่อปลดเปลื้องภาระลงได้เป็นการชั่วคราว หลังจากนี้หลินเยวียนจึงไปเข้าเรียนอย่างที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก

ตอนนี้หลินเยวียนเข้าเรียนน้อยครั้งเหลือเกิน

ภายใต้การชี้แนะของการ์ดตัวละครหยางจงหมิง ความสามารถในการประพันธ์เพลงของหลินเยวียนพัฒนาอย่างก้าวกระโดด มหาวิทยาลัยก็สอนเรื่องพวกนี้กับเขาไม่ได้

เห็นได้ชัดว่าทางมหาวิทยาลัยก็กระจ่างในจุดนี้ดี

ใครสอนเซี่ยนอวี๋ได้บ้างล่ะ

ให้ศาสตราจารย์ด้านการประพันธ์เพลงมาสอนก็เปล่าประโยชน์

ดังนั้นเบื้องบนจึงยอมรับใบลาของหลินเยวียนในทุกกรณี

เห็นได้ชัดว่า ความเข้าใจที่ทั้งสองฝ่ายมีต่อ ‘เซี่ยนอวี๋จำเป็นต้องเข้าเรียนต่อไปหรือไม่’ นั้นแตกต่างกัน ทว่าโชคดีที่ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกัน

หลังเลิกเรียน

เซี่ยนอวี๋จะไปวาดการ์ตูนทุกวัน คิดเสียว่าเป็นการปรับตัวอย่างหนึ่ง

ถึงตรงนี้ต้องพูดสักหน่อย

ว่าหลังจากที่เรื่องจิตวิญญาณสือจี่อัปโหลดอย่างต่อเนื่อง การ์ตูนเรื่องนี้ก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย

เนื่องจากต้นฉบับพังพินาศ ระบบจึงทำการปรับแก้ตอนจบของเรื่องจิตวิญญาณสือจี่ไปหลายจุด

เส้นเรื่องพัฒนาโดยตรงไปถึงตอนที่ตัวเอกกลายเป็นสิบหัวกะทิคนใหม่ของหย่วนเยวี่ย พร้อมทั้งเริ่มต่อสู้กับหัวกะทิคนก่อนๆ

ซึ่งก็คือสิ่งที่เรียกว่าสือจี่

คาดการณ์ว่าอีกไม่นาน การ์ตูนเรื่องนี้จะจบลงอย่างเป็นทางการ เมื่อถึงตอนนั้นหลินเยวียนค่อยขบคิดว่าการ์ตูนเรื่องต่อไปจะวาดเรื่องอะไรดี

และหลังจากใช้ชีวิตอย่างสบายใจเช่นนี้หลายวัน จินมู่ก็เอ่ยเตือนหลินเยวียน

“เรากับทางบล็อกเจรจาเรื่องต้นฉบับแล้วนะครับ ถ้าทำได้ เดือนนี้เราจะต้องส่งต้นฉบับ ถ้าคุณไม่มีแรงบันดาลใจ เราก็ไปขอยืดเวลา”

หลินเยวียนถึงได้นึกออก ทางบล็อกได้บรรลุข้อตกลงเรื่องต้นฉบับกับตนแล้ว

“ทางนั้นเร่งผมมาบ่อยมาก…”

จินมู่ยักไหล่ เขาในฐานะผู้จัดการ กำลังเผชิญกับการถูกเร่งต้นฉบับ ทั้งที่เขาไม่ควรต้องเผชิญ

หลินเยวียนตอบ “เดี๋ยวผมส่งต้นฉบับปลายเดือนแล้วกันครับ”

เขาใช้นิยายสั้นที่มีไปหมดแล้ว จำเป็นต้องสั่งผลิตจากระบบอีกครั้ง สามารถใช้เวลาที่มีช่วงนี้ขบคิดว่านิยายสั้นเรื่องต่อไปควรสั่งผลิตผลงานใดดี

“ได้ครับ”

จินมู่ตอบ ขณะเดียวกันในใจก็รู้สึกตกใจกับความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานของหัวหน้าคนนี้ ถึงแม้ความตกใจนี้จะค่อยๆ กลายเป็นความชินชาเมื่อจำนวนครั้งเพิ่มขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นแนวไหน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ดูเหมือนว่าจะไม่ได้คณามือหัวหน้าเลย

ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวที่จินมู่เห็นจากตัวหัวหน้าเห็นจะเป็นลายมือของเขาไม่เอาไหนซะเลย?

“จริงสิ”

จินมู่คล้ายกับนึกบางอย่างขึ้นได้ จึงยิ้มเอ่ย “สองวันมานี้ ในอินเทอร์เน็ตมีนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนบางส่วนทำตามฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ ใช้เทคนิคผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ ทำให้กลายเป็นที่ถกเถียงกันมากเลยล่ะครับ”

“เหมือนว่าผมจะเห็นแล้วนะครับ”

หลินเยวียนเห็นแล้วจริงๆ เขาอ่านบนพื้นที่แสดงความคิดเห็น

หลายวันมานี้เขาค่อนข้างทำตัวสบายๆ บางครั้งบางคราวก็ล็อกอินเข้าบัญชีปู้ลั่ว และเห็นคำวิพากษ์วิจารณ์บนพื้นที่แสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

พูดกันว่าเขาสร้างบรรทัดฐานในการหลอกลวงผู้อ่าน ตอนนี้มีนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนมากขึ้นเรื่อยๆ เลือกใช้รูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้มาตลบหลังผู้อ่าน

แน่นอนว่า ผู้อ่านไม่ได้ก่นด่า เพียงแต่หยอกล้อก็เท่านั้น

ผู้ที่ก่นด่าจริงๆ เห็นจะมีแค่นักเขียนแนวสืบสวนสอบสวนอย่างเหลิ่งกวงเพียงคนเดียว

กล่าวง่ายๆ ก็คือในช่วงนี้ทุกครั้งที่ในวงการวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนมีผลงานรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ออกมา เขาก็จะเอ่ยคำพูดแปลกๆ ออกมา จนสมกับฉายานามจอมบ่นแห่งวงการวรรณกรรมสืบสวนสอบสวน

‘เป็นการลอกเลียนฉู่ขวง’

‘เทคนิคผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ คุณแตะแค่ผิวเผินเท่านั้น’

‘ถ้าใช้เทคนิคนี้เพียงเพื่อให้รู้ว่าผู้เล่าเรื่องเชื่อถือไม่ได้ นั่นก็เป็นการตามกระแสที่ไร้จิตวิญญาณ’

‘ทำความเข้าใจแนวคิดของรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ก่อน แล้วค่อยอวยฉู่ขวง’

‘…’

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เมื่อเหลิ่งกวงสาปส่งผลงานที่ตามกระแสเหล่านั้น ขณะเดียวกันก็เป็นการยอมรับเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ไปกลายๆ ด้วย

มีชาวเน็ตบางคนหยิบยกเรื่องนี้มาหัวเราะเยาะเขา ‘ก่อนหน้าที่คุณบอกว่าเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ใช้ไม่ได้ไม่ใช่หรือ?’

เหลิ่งกวงไม่ได้รังเกียจ แต่เขาโกรธเคืองอยู่บ้าง ทั้งยังอุตส่าห์เขียนบทความอธิบาย

‘อย่าบิดเบือนเจตนาของผมครับ ผมไม่ชอบรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ แต่ผมไม่ได้ปฏิเสธเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์โดยสิ้นเชิง วิธีการเล่าเรื่องแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ ถึงแม้จะเกียจคร้าน แต่อย่างน้อยความสอดคล้องของการออกแบบและตรรกะของคดีก็ไม่มีปัญหา ถ้าหากไม่ใช่โครงสร้างแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ของตอนจบ เดิมทีก็เป็นวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนที่คุณภาพดีเรื่องหนึ่งเลย’

ถูกต้อง

ถ้าหากไม่ใช่เพราะตอนจบตลบหลังคนอ่านเกินไปละก็ เหลิ่งกวงนับว่าชื่นชมเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์มากทีเดียว

เมื่อเทียบกันแล้ว ผลงานตามกระแสซึ่งใช้รูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ กลับมีจุดประสงค์เพียงเพื่อตลบหลังผู้อ่าน จุดหักมุมในตอนจบของเรื่องนั้นเทียบกับฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ของฉู่ขวงไม่ได้เลย

ดังนั้นเหลิ่งกวงจึงเริ่มเปิดโหมดเครื่องด่า ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ไอรีนโนเวล ขอบคุนจ้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน