ตอนที่ 312 ผู้อ่านดวลฉู่ขวง
“รูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้?”
หลัวเวยซึ่งเพิ่งวาดการ์ตูนเรื่องจิตวิญญาณสือจี่ของวันนี้เสร็จแล้ว คล้ายกับจะได้ยินบทสนทนาบางส่วนของหลินเยวียนและจินมู่
เธอชะงักไปชั่วขณะ ทันใดนั้นก็เข้าใจ “กำลังพูดถึงนิยายสืบสวนสอบสวนของฉู่ขวงเหรอคะ”
ด้วยเหตุผลบางประการ หลัวเวยติดตามฉู่ขวงมาโดยตลอด
ต่อให้เธอไม่อ่านนิยายสืบสวนสอบสวน ก็รู้ว่าฉู่ขวงเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนรูปแบบใหม่ซึ่งเรียกว่า ‘ผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้’
“ครับ”
จินมู่ยิ้มแย้มพลางชำเลืองไปทางหลินเยวียน พูดถึงฉู่ขวงใต้จมูกหลัวเวยเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง ไม่ช้าก็เร็วตัวตนของหัวหน้าจะต้องถูกเปิดเผย
หลัวเวยเอ่ยด้วยความสงสัย “อันที่จริงฉันไม่ค่อยเข้าใจ ว่าผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้หมายความว่ายังไง”
หลินเยวียนส่งภาพการ์ตูนเมื่อครู่ให้หลัวเวยดูตามสัญชาตญาณ จินมู่ห้ามไว้พอดี การ์ตูนนี้มีเนื้อหาไม่ค่อยเหมาะสม
หลินเยวียนตระหนักได้ทันที จึงเขียนบทสนทนาขึ้นใหม่ และส่งให้หลัวเวย
บทสนทนาที่หลินเยวียนเขียนให้หลัวเวยคือ
[เสี่ยวหมิง ตื่นนอนแล้วไปโรงเรียนได้แล้ว]
[แม่ครับ ผมไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว ไม่อยากไปอีกแล้ว]
[ทำไมล่ะลูก]
[ผมไม่อยากเข้าชั้นเรียน!]
[แต่ลูกเป็นครูนะ!]
หลัวเวยหัวเราะเบาๆ “เสี่ยวหมิงเป็นครูนี่นา นี่คือการเล่นคำใช่ไหมคะ เหมือนกับเกมลับสมองเลย ฉันชอบเกมลับสมองที่สุด…”
“ประมาณนั้นครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้ที่ชื่นชอบนิยายสืบสวนสอบสวนบริสุทธิ์ถึงต่อต้านผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ และด้วยเหตุผลนี้เอง หลินเยวียนถึงเข้าใจได้ว่าทำไมนักเขียนแนวสืบสวนสอบสวนอย่างเหลิ่งกวงถึงได้ต่อต้านรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้นัก
ลักษณะของเรื่องนี้เหมือนกับหลี่ตั้น[1]ที่ต่อต้านคำพ้องเสียงนั่นละ
“ยังมีอีกไหมคะ สนุกมากเลย”
ดูเหมือนว่าหลัวเวยจะเกิดความสนใจรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้
เธอเป็นตัวแทนของคนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งก็คือกลุ่มที่ชื่นชอบจุดหักเหที่มาพร้อมกับรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้
“มีครับ”
หลินเยวียนเขียนอีกบทหนึ่ง
นี่คือสิ่งที่เขาเพิ่งนึกออกขณะที่เข้าห้องน้ำ
[ตอนเด็กๆ พ่อมักจะบอกฉันเสมอว่า ฉี่เสร็จต้องสะบัด หลังจากทุกครั้งที่ฉันฉี่เสร็จ จะสะบัดก่อนออกมาจากห้องน้ำ จนกระทั่งตอนหลังฉันถึงได้รู้ว่า มีแค่ฉันคนเดียวที่ฉี่แล้วสะบัด เด็กผู้หญิงคนอื่นเขาใช้กระดาษเช็ดกัน]
หลัวเวยหัวเราะเบาๆ ก่อนที่สีหน้าของเธอจะนิ่งค้าง พร้อมกระแอมออกมาเบาๆ
ชักจะแปลกๆ แล้ว?
เธอเอ่ยอย่างตื่นตระหนก “เลิกงานแล้ว ฉันกลับก่อนนะคะ”
หลินเยวียนพยักหน้า
จินมู่เลิกคิ้ว “แสดงว่านิยายเรื่องใหม่ของหัวหน้า จะใช้ลูกเล่นนี้?”
“ใช่ครับ”
จินมู่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ผู้อ่านอาจส่งจดหมายขู่ฆ่าคุณนะครับ”
ลำพังไม่กี่ประโยค ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกแกล้งแล้ว ถ้าเขียนออกมาเป็นเรื่องสั้นแนวสืบสวนสอบสวน จะใช้ได้หรือ?
“ก็ผมเป็นเจ้าแก่ไม่ใช่เหรอครับ” หลินเยวียนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
จินมู่หลุดหัวเราะ น้อยครั้งนักที่เขาจะได้เห็นหลินเยวียนเผยด้านเจ้าเล่ห์นี้ ถึงกับคิดอยากหลอกลวงผู้อ่านอย่างเปิดเผย มิหนำซ้ำยังเขียนเรื่องตลกสัปดนด้วยรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ออกมาติดต่อกันอีก
แต่จะว่าไป ทำแบบนี้ก็ดูเข้าท่าแฮะ
เพราะในช่วงที่เขามารับตำแหน่งผู้จัดการของหลินเยวียน บางครั้งเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าหลินเยวียนปราศจากอารมณ์และความรู้สึกเยี่ยงปุถุชนทั่วไป
เหมือนว่าคนคนนี้จะตรงไปตรงมาเกินไปสักหน่อย
ซุกซนบ้างเป็นบางครั้งบางคราวแบบนี้สิ ถึงจะเข้ากับวัยรุ่น
เมื่อนึกถึงตรงนี้ จินมู่ก็เอ่ยว่า “งั้นผมจะติดต่อทางบล็อกไปก่อน ลงทะเบียนบล็อก แล้วค่อยปล่อยกระแสออกไป”
……
สิ่งที่เรียกว่าปล่อยกระแสออกไป ก็คือการโปรโมตล่วงหน้า
นักเขียนทั่วไปไม่ได้รับการปฏิบัติในระดับนี้ เพราะอย่างไรก็ยังมีกระบวนการตรวจสอบต้นฉบับ แต่ด้วยความเชื่อมั่นในฝีมือของฉู่ขวง ทางบล็อกยังไม่ทันได้รับงานมาก็เริ่มโหมโปรโมตแล้ว
‘เรื่องสั้นเรื่องใหม่ของฉู่ขวงกำลังจะมา!’
เพื่อที่จะสอดแทรกลูกเล่นเข้าไป บล็อกยังอุตส่าห์เน้นย้ำว่า
‘นี่จะเป็นการลองฝีมือเขียนเรื่องสั้นแนวสืบสวนสอบสวนครั้งแรกของฉู่ขวง’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน