Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 313

ตอนที่ 313 คุณเหลิ่งกวงเป็นลิงตัวหนึ่ง

จิตใจของทุกคน เริ่มคล้ายกับยามตั้งตารอดูการแสดงมายากลในงานฉลองคืนวันสิ้นปี

ดูมายากลเป็นครั้งแรก ย่อมรู้สึกตกใจ

หลังจากรู้หลักการแล้ว ผู้อ่านก็เข้าใจได้ทันที และรู้สึกว่าไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

พวกเขารู้สึกว่าตนเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว

ถ้าหากฉู่ขวงกำลังเขียนนิยายลักษณะที่คล้ายคลึงกัน (มายากลที่คล้ายคลึงกับการแสดง) พวกเขาจะสามารถหาฆาตกรได้ (เปิดโปงทริคมายากล)!

จิตวิทยาที่คล้ายคลึงกัน ไม่เพียงใช้ได้กับผู้อ่าน

ขณะที่นักเขียนจอมบ่นอย่างเหลิ่งกวงโจมตีอย่างเปิดเผยบนโลกออนไลน์ ว่านิยายสืบสวนสอบสวนว่าขี้เกียจ เขาเองก็เกิดความคิดเช่นเดียวกัน!

‘ผมจะพิสูจน์ว่ารูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้เป็นเพียงนิยายเฉพาะกลุ่ม!’

ด้วยความเชื่อดังกล่าว เมื่อเรื่องสั้นแนวสืบสวนสอบสวนของฉู่ขวงถูกเผยแพร่ไป เหลิ่งกวงกดเข้าไปทันที

[เทศกาลตรุษจีนกำลังใกล้เข้ามา ผมยังคงหงุดหงิดงุ่นง่านกับหลายๆ เรื่อง ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งมาเยือนถึงบ้าน เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ผมรู้สึกว่าเขาคุ้นตาเหลือเกิน แต่กลับไม่รู้ว่าเคยพบเขาที่ไหน เขาเรียกตนเองว่าท่านซี]

ใช้บุคคลที่หนึ่ง ‘ผม’ เช่นเดียวกับฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์

‘ผม’ ในที่นี้มีชื่อว่าฉู่ขวง เป็นนักเขียนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง เคยเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนมาบ้าง

“ใช้ตัวเองเป็นตัวเอก?”

เหลิ่งกวงเลิกคิ้ว รู้สึกว่าน่าสนใจทีเดียว

เขาไม่รู้เลยว่า นักเขียนชื่อดังบนโลกอย่างควีน ตัวเอกในนิยายของเขาก็ชื่อว่า ‘ควีน’

ในวันนี้

มีนักเขียนอายุน้อยคนหนึ่งเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนเรื่องหนึ่ง ตามหาฉู่ขวง พร้อมทั้งส่งคำท้าถึงฉู่ขวง

“คุณเดาฆาตกรได้ก่อนที่คำตอบจะเปิดเผยไหม”

เหลิ่งกวงเลิกคิ้วอีกครั้ง

สไตล์ตรงไปตรงมา คือสิ่งที่นักเขียนอย่างฉู่ขวงใช้กับนิยายสืบสวนสอบสวน

เหมือนการนำภาพมาแปะซ้อนกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้ ฆาตกรไม่มีทางเป็น ‘ผม’ อีกต่อไป เพราะ ‘ผม’ เป็นผู้ชมซึ่งอยู่นอกคดี

จะคิดไปก็ถูก ฉู่ขวงต่อให้เขียนแนวสืบสวนสอบสวนต่อไป และไม่มีทางใช้เซ็ตติงว่า ‘ผม’ คือฆาตกรอีกต่อไปแล้ว

อ่านต่อไป

คดีซึ่งกล่าวถึงในนิยายสืบสวนสอบสวนนั้นไม่ซับซ้อน

ในเรื่องราว มีคนสามคน

ได้แก่ตระกูลเหลิ่งกวงซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านตงตง

นอกจากนั้นยังมีกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยซึ่งมาเที่ยวเล่น หนึ่งในนั้นมีนักศึกษาคนหนึ่งชื่อว่าฉู่ขวง

คนสุดท้ายคือคาเธอร์กับหวันจื่อน้องหมาของเขา

เหลิ่งกวงจนคำพูด

นี่มันอะไรฟระเนี่ย

ชาวบ้านในหมู่บ้านตงตง ตระกูลเหลิ่งกวง?

เหลิ่งกวง?

ใช้ชื่อฉัน?

แถมยังมีนักศึกษาชื่อฉู่ขวงอีก?

แม้แต่ตัวฉู่ขวงเองยังถูกใส่เข้าไปในนิยาย?

เพราะฉะนั้นยังมีความเป็นไปได้ที่ฉู่ขวงจะเป็นฆาตกร?

แม้แต่คาเธอร์ก็ยังอยู่ด้วย

ชื่อของนักเขียนในโลกนิยายสืบสวนสอบสวนไม่น้อย ต่างก็ปรากฏในนิยาย ฉู่ขวงถึงขั้นหยอกล้อนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนหลายคนในนิยายเรื่องนี้ด้วย

เหลิ่งกวงอยากก่นด่า แต่กลับไม่รู้ว่าจะด่าอะไร

นอกจากนั้น ความสงสัยของเหลิ่งกวงต่อฉู่ขวงในหนังสือนั้นคลายลงอย่างรวดเร็ว

เพราะฉู่ขวง คือผู้เคราะห์ร้าย

คำบรรยายของฉู่ขวงในนิยายนั้นเกินไปมาก บอกว่าฉู่ขวงเป็นเด็กไม่ดี มักทำเรื่องแย่ๆ อยู่เสมอ ดื้อรั้นเกเร เพราะเขายังอายุน้อย ไม่มีความสามารถแยกแยะเรื่องความดีความชั่ว

ปรากฏว่า เด็กเวรอย่างฉู่ขวง ถูกผลักตกลงมาจากสะพานตงตง

ถ้าหากฉู่ขวงไม่ได้เป็นคนเขียนนิยายเรื่องนี้ เหลิ่งกวงคงนึกสงสัยว่าผู้เขียนเป็นศัตรูกับฉู่ขวงหรือไม่ ถึงได้จัดหนักซะขนาดนี้

และแม้แต่สะพานแขวนตงตงและสะพานไม้ง่อนแง่นซึ่งเชื่อมระหว่างหุบเขา ไม่มีทางลับใดๆ

ในตอนจบของคดี นักเขียนได้ลิสต์หลักฐานทั้งหมดซึ่งได้จากการสืบสวน

หลักฐานของผู้ต้องสงสัยทุกคนละเอียดมาก ประณีตราวกับหนังสือรวบรวมคดี

หนึ่งในนั้น คาเธอร์ก็เป็นพยานบุคคล

“ในเวลาสองชั่วโมงครึ่ง สะพานไม้นั่นอยู่ในสายตาของผมและหวันจื่อ (สุนัขของคาเธอร์) ตลอด ผมกล้ายืนยันได้ว่าระหว่างนี้ไม่มีคนข้ามสะพานแม้แต่คนเดียว”

เพราะในยามนั้นคาเธอร์กำลังใคร่ครวญถึงชีวิตอยู่ข้างสะพาน ดังนั้นจึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

ในนิยายเน้นย้ำประโยคหนึ่ง

พยานบุคคลเหล่านี้และหลักฐานล้วนถูกต้อง

“งงไปหมด”

เหลิ่งกวงขบคิดอยู่ห้านาที ทันใดนั้นก็ตบเข่าฉาด

เหมือนเขาจะเข้าใจอะไรผิดไป

นิยายเรื่องนี้ เหมือนว่าจะไม่ใช่รูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้

เหมือนว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ฉู่ขวงจะไม่เคยบอกเลยว่า ‘สะพานแขวนตงตงหล่นลงมา’ เป็นผลงานแนวสืบสวนสอบสวนซึ่งใช้รูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้!

เพียงแต่ทุกคนต่างคิดไปตามสัญชาตญาณ ว่าผลงานชิ้นใหม่ของฉู่ขวงจะยังเป็นรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้

ก่อนหน้านี้ แม้แต่ตนก็คิดเช่นนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน