ตอนที่ 322 พาน้องหมาไปทำงาน
หนานจี๋เข้ามาในวิลล่าคืนแรก ก็นอนที่ห้องของหลินเยวียน
ก่อนนอน หลินเยวียนดูโทรทัศน์อยู่สักพัก หนานจี๋ก็ดูอยู่ข้างๆ จ้องมองหน้าจอจนแลดูประหนึ่งว่ามันเข้าใจ
เรื่องนี้ยิ่งทำให้หลินเยวียนมั่นใจว่าหนานจี๋สามารถแสดงเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูได้
เจ้าหมาตัวนี้ฉลาดมาก
แม้ว่าสายพันธุ์จะไม่สำคัญ แต่ตนก็คงใช้สุนัขพันธุ์เล็กน่ารักอย่างพุดเดิลทอยหรือบริชองฟริเช่ไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นผู้ชมคงไม่เป็นอันดูหนังกันพอดี
สุนัขพันธุ์ใหญ่ให้ความรู้สึกคล้ายมนุษย์มากกว่า
รูปลักษณ์ของหนานจี๋คล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์อาคิตะจากในภาพยนตร์ต้นฉบับ และให้ความรู้สึกซื่อตรงและเรียบง่าย
วันรุ่งขึ้น หลินเยวียนก็ให้กู้ตงมารับตน
“น้องหมาตัวนี้ตัวแทนหลินซื้อมาเหรอคะ” กู้ตงมองหนานจี๋ด้วยความประหลาดใจ
“เก็บมาครับ” หลินเยวียนพูดอย่างรวบรัด “หาโรงพยาบาลสัตว์ให้หน่อยครับ จะพาไปตรวจร่างกาย ฉีดวัคซีนพวกโรคพิษสุนัขบ้า”
ถึงแม้หนานจี๋จะดูไม่คล้ายว่าจะเป็นสุนัขที่กัดคน แต่การฉีดวัคซีนก็เป็นขั้นตอนที่จำเป็นต้องทำ
“ได้ค่ะ”
ไม่นานกู้ตงก็พาหลินเยวียนและสุนัขมายังโรงพยาบาลสัตว์
ตรวจร่างกาย และฉีดวัคซีน ล้วนทำไปตามขั้นตอน
“สุนัขตัวนี้เป็นโรคผิวหนัง ดูรุนแรง แต่ที่จริงรักษาได้ไม่ยากนะคะ ”
สัตวแพทย์กล่าว “หมอจะจ่ายยาให้ ให้ใช้ยาอาบน้ำสัปดาห์ละครั้ง หนึ่งเดือนก็หายแล้วค่ะ”
“ครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่เจ้าของเดิมของหนานจี๋ทิ้งมัน
เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อย เขาก็พาสุนัขไปส่งด้วยรถของกู้ตง หลังจากนั้นจึงไปพบกับเสิ่นชิงและอี้เฉิงกง
แน่นอนว่าเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับการเตรียมงานเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญู พวกเขาชื่นชอบบทภาพยนตร์เรื่องนี้มาก
ทั้งสองร่วมงานกับหลินเยวียนมาก่อนแล้ว การร่วมงานครั้งที่สามจึงคุ้นเคยกันมากขึ้น
เสิ่นชิงกล่าว “ผมกับเหล่าอี้รวบรวมทีมงานมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ต้องหาหมาที่จะมาเล่นในหนัง…”
“ใช้หมาผมครับ”
หลินเยวียนส่งรูปของหนานจี๋ที่เขาเพิ่งถ่ายเมื่อเช้าให้เสิ่นชิงดู
เสิ่นชิงเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “นึกไม่ถึงว่าตัวแทนหลินจะเลี้ยงหมาด้วย รูปลักษณ์ของหมาไม่มีปัญหา เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนถ่ายทำจะให้ความร่วมมือไหมน่ะครับ”
“เรื่องนี้ผมจัดการเอง”
หลินเยวียนดูเหมือนจะไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลย
อี้เฉิงกงเสนอว่า “งั้นเรายังต้องให้หมากับจางซิ่วหมิงสนิทกันด้วย ถึงยังไงในหนัง จางซิ่วหมิงก็ต้องแสดงเป็นเจ้าของของปากง”
“มีเหตุผล งั้นพาหนานจี๋มาที่นี่ไหม?”
ถ้ารู้แต่แรก หลินเยวียนคงไม่พาเจ้าหมาไปส่งที่บ้านหรอก ตอนนี้เขาจึงได้แต่รบกวนกู้ตงเป็นธุระไปรับมาที่บริษัทอีก
เสิ่นชิงพยักหน้า “พอจางซิ่วหมิงกลับมาที่บริษัท ถ้าตัวแทนหลินโอเค ก็ลองให้เขาพากลับบ้านไปเลี้ยงสักสามสี่วัน”
หลินเยวียนโอเคอยู่แล้ว
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง กู้ตงรับสุนัขมา ทั้งยังโทรหาหลินเยวียน “น้องอยู่ในรถนะคะ เหมือนว่าจะไม่สะดวกพาเข้าบริษัท ให้อยู่ในรถเหรอคะ”
“รอเดี๋ยวนะครับ”
หลินเยวียนโทรศัพท์หาเหล่าโจวทันที และแจกแจงต้นสายปลายเหตุ “พาหมาเข้าไปได้ไหมครับ ให้อยู่ในห้องทำงานผมก็ได้ ตอนเย็นให้จางซิ่วหมิงรับกลับไป”
“…”
เหล่าโจวซึ่งอยู่ปลายสายเงียบไปนาน กว่าจะตอบ “ฉันต้องถามก่อน”
“ได้ครับ”
หลินเยวียนเอ่ย “ผมรอ”
“รอแป๊บนะ”
เหล่าโจวลุกพรวดขึ้นมา กระวีกระวาดวิ่งออกจากห้องทำงาน และสุดท้ายก็ไปหยุดหน้าห้องทำงานของประธานกรรมการ ก่อนจะเคาะประตูเบาๆ
“เชิญ”
เสียงขึงขังดังมาจากด้านใน
เหล่าโจวเข้าไป กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแล้ว “ประธานกรรมการครับ หลินเยวียนเหมือนว่าจะพาสุนัขมาที่ชั้นล่างของบริษัท เขาถามผมว่าพาสุนัขเข้าห้องทำงานได้ไหม เรื่องนี้เหมือนจะไม่เป็นไปตามกฎของบริษัทนะครับ”
“สุนัข?”
ประธานกรรมการรู้สึกพูดไม่ออก ทว่าสุดท้ายก็โบกมือ กล่าวอย่างจนใจ “แล้วแต่เขาเลย”
“ได้ครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน