Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 443

สรุปบท ตอนที่ 443 การล่มสลายของห่วงโซ่อาหาร: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอน ตอนที่ 443 การล่มสลายของห่วงโซ่อาหาร จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 443 การล่มสลายของห่วงโซ่อาหาร คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 443 การล่มสลายของห่วงโซ่อาหาร

เป็นเวลาแปดโมงเช้าในฉินโจว

ในห้องหนังสือของวิลลาแถบชนบท

อาจารย์หยวนหยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะ รับหนังสือเล่มใหม่จากคนด้านข้าง และหน้าปกหนังสือเรื่องนี้มีรูปหนูที่น่ารักสองตัว หนูตัวฝั่งซ้ายนั่งอยู่บนเครื่องบินของเล่น หนูตัวฝั่งขวานั่งอยู่บนรถถังของเล่น

บนหน้าปกเขียนว่า ‘ซูเค่อกับเป้ยถ่า’

ส่วนด้านหลังเขียนว่า ‘ฉู่ขวง เขียน’

ผู้หญิงซึ่งซื้อหนังสือและแกะห่อหนังสือให้อาจารย์หยวนหยวนกล่าวกลั้วหัวเราะ “วันนี้ร้านหนังสือหวาซินน่าสนใจมากค่ะ บนแบนเนอร์ในร้านถึงกับโปรโมตหนังสือเล่มนี้กับ ‘การผจญภัยของแมวน้อย’ ของอาจารย์อาหู่ แถมยังประกาศว่านี่คือศึกใหญ่ของนิทานยาวในวงการนิทาน”

“ของฉันก่อนหน้านี้ก็โปรโมตแบบนั้น”

อาจารย์หยวนหยวนกล่าวสบายๆ “แต่เหมือนฉันดึงให้วงการนิทานฉินถอยหลัง นิทานที่อาหู่เขียนน่าสนใจกว่าจริงๆ ช่วงนี้ในวงการต่างเป็นทุกข์ ถ้าไม่มีข่าวที่ฉู่ขวงจะปล่อยนิทานเรื่องใหม่…”

“คุณคิดว่าฉู่ขวงจะชนะ?”

“ดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ”

อาจารย์หยวนหยวนโบกมือปัดบรรจุภัณฑ์ของหนังสือ สูดกลิ่นหอมของน้ำหมึก “ฉันชอบกลิ่นของหนังสือใหม่เหลือเกิน กลิ่นหอมมาก หนังสือเล่มนี้ต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน”

ผู้หญิงด้านข้างเบ้ปาก

กลิ่นน้ำหมึกก็เหมือนกันหมดไม่ใช่หรือ?

อาจารย์หยวนหยวนเมินเฉยต่อความคิดของคนด้านข้าง เธอเพียงแค่ยิ้มแล้วเปิดหน้าชื่อเรื่องของหนังสือ และบทนำของนิทาน ซึ่งเป็นข้อความซึ่งอยู่เบื้องหน้า “ซูเค่อเกิดในครอบครัวซึ่งมีชื่อเสียงในทางไม่ดี…”

นิทานมีเนื้อหาไม่ซับซ้อน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใหญ่อย่างอาจารย์หยวนหยวน อันที่จริงเพียงกวาดตามองปราดเดียวก็อ่านนิทานจบไปแล้วสิบบรรทัด ปรากฏว่าอ่านไปเรื่อยๆ จู่ๆ อาจารย์หยวนหยวนก็ระเบิดหัวเราะออกมา

เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก!

ซู่เค่อไม่อยากเป็นหนูซึ่งมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดี จึงปลอมตัวเป็นนักบินและออกไปช่วยเหลือผู้คน ในที่สุดก็ผูกมิตรกับมด ผึ้ง และนกกระจอกได้สำเร็จ ปรากฏว่าขณะที่เขากำลังจะไปกินอาหารร่วมกับเพื่อนๆ แมวตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น

แมวเหมียวเปิดโปงตัวตนของซูเค่อ

ทุกคนรังเกียจหนู แมวคิดว่าหากทำเช่นนี้ ซูเค่อจะไม่เป็นที่รักของทุกคนอีกต่อไป นึกไม่ถึงว่าไม่มีใครผลักไสไล่ส่งซูเค่อเพียงเพราะซูเค่อเป็นหนู หนำซ้ำกลับพากันอ้อนวอนให้แมวเหมียวปล่อยซูเค่อไป สุดท้ายแล้วแมวเหมียวจึงทำได้เพียงจากไปอย่างผิดหวัง

นี่คือเหตุผลที่หยวนหยวนหัวเราะ

ตัวร้ายของเรื่องนี้คือแมวนั่นเอง

คนทั่วไปเห็นพล็อตเรื่องลักษณะนี้ คงนึกสงสัยว่าฉู่ขวงจงใจเขียนเช่นนี้ด้วยมีเจตนาเสียดสี เนื่องจากตัวเอกในนิทานของอาจารย์อาหู่คล้ายว่าจะเป็นแมวเหมียว

เดี๋ยวๆๆ?

ทันใดนั้นอาจารย์หยวนหยวนก็ฉุกคิดได้ว่าตัวเอกของตนก็เป็นแมวเช่นเดียวกัน เธอจึงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพบว่าตัวเอกของหนังสือเรื่องนี้คือหนูสองตัว และหนูอีกตัวหนึ่งมีชื่อว่าเป้ยถ่า ทั้งยังเชี่ยวชาญการขับรถถัง

ของฉันมีแมวสองตัว!

ฉู่ขวงมีหนูสองตัว!

แต่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างแท้จริง เพราะหนูและแมวเป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ในนิทานเรื่องนี้จะมีแมวเป็นวายร้าย นอกจากนั้นเมื่อพิจารณาจากคำบรรยาย ถึงแม้แมวจะมีภาพลักษณ์เป็นวายร้าย แต่ก็ไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายแต่อย่างใด

อาจารย์หยวนหยวนคิดเช่นนี้

และขณะที่อาจารย์หยวนหยวนอ่านซูเค่อกับเป้ยถ่า อาจารย์อาหู่ของพวกเราก็กำลังอ่านหนังสืออยู่เช่นกัน เพียงแต่การหัวเราะออกมาเฉกเช่นอาจารย์หยวนหยวนนั้นเป็นเรื่องยากเหลือเกินสำหรับเขา

……

หลายคนซื้อซูเค่อกับเป้ยถ่ามาเช่นกัน แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเลือกอ่านในทันที มีคนซื้อให้ลูกหลาน เพราะผู้ใหญ่มักไม่สนใจนิทานเด็ก

แทนที่จะใส่ใจกับเนื้อหา

ทุกคนสนใจมากกว่าว่านิทานยาวของฉู่ขวงจะทวงคืนเกียรติยศกลับมาให้ชาวฉินได้หรือไม่ เพราะคำวิจารณ์และยอดขายนิทานของอาหู่นั้นไม่เลวเลยทีเดียว อีกฝ่ายเอาชนะอาจารย์หยวนหยวนมาแล้วด้วยซ้ำไป

‘ผลจะออกเมื่อไหร่’

‘ถ้าต่างกันเล็กน้อยต้องใช้เวลาหลายวัน’

‘ถ้าต่างกันมาก วันเดียวก็รู้แล้ว’

‘เราเปรียบเทียบแบบนี้ได้ ถ้าบอกว่าความสามารถในการเขียนนิทานสั้นของฉู่ขวงคือสิบส่วน งั้นขอแค่ระดับนิทานยาวของเขาอยู่ที่แปดส่วน ก็น่าจะเอาชนะอาหู่ได้สบาย’

‘ประมาณนั้น’

‘ต้องถึงแปดส่วนเชียวเหรอ ฉันว่าขอแค่นิทานยาวของฉู่ขวงอยู่ที่เจ็ดส่วน หรือสักหกส่วนของนิทานสั้น นิทานสั้นของเขาสู้แบบหนึ่งต่อเก้า แต่ยังได้การยอมรับจากสมาคมวรรณศิลป์ให้เป็นราชานิทานสั้นเชียวนะ!’

‘ห้าส่วนก็พอแล้วมั้ง!’

‘พวกคุณยิ่งพูดยิ่งเกินจริง ปัญหาในตอนนี้ก็คือ นิทานยาวของฉู่ขวงห่างชั้นกับนิทานสั้นสักกี่ส่วนกันแน่ ถ้าเกิดนิทานยาวกับนิทานสั้นของฉู่ขวงอยู่ในระดับเดียวกันขึ้นมา อาหู่จะไม่มีหวังเลยนะ’

‘…’

ชาวเน็ตกลุ่มนี้คือชาวฉิน เมื่อถึงคราวของชาวเยี่ยนบ้าง ทัศนะจึงเปลี่ยนทิศทางไปอย่างสิ้นเชิง ‘นิทานสั้นส่วนนิทานสั้น นิทานยาวส่วนนิทานยาว ชาวฉินชอบชักแม่น้ำทั้งห้า’

‘ใช่แล้ว’

‘นิทานยาวจำเป็นต้องใช้โครงเรื่องที่ยาวและการเชื่อมโยงเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นกว่า ไม่อย่างนั้นนักเขียนในวงการนิทานคงไม่แบ่งเป็นนิทานสั้นกับนิทานยาวหรอก ทุกคนล้วนมีสิ่งที่ตนเองถนัด’

‘อาหู่ต้องชนะ!’

‘ชัยชนะของฉู่ขวงในศึกหนึ่งต่อเก้าฝังอยู่ในหัว ฉันเข้าใจได้นะ เหมือนกับนักร้องเป็นแชมป์รายการใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิต จนคิดว่าตนเองเก่งกาจไร้พ่าย ปรากฏว่าพอมาถึงบริษัทบันเทิงแล้วถึงได้พบว่าแท้จริงแล้วตนเองนั่งมองท้องฟ้าจากก้นบ่อน้ำ’

‘…’

อาจารย์หยวนหยวนยิ้มตาหยี

สตรีด้านข้างคลึงขมับ “พูดถึงหนูกับแมว ไม่กี่วันก่อนฉันเห็นภาพหนึ่งที่ตลกมาก น่าจะเข้ากับสถานการณ์ที่คุณพูดถึง ฉันจะให้คุณดูรูป”

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดภาพ

อาจารย์หยวนหยวนชะงัก จากนั้นจึงรับโทรศัพท์จากคนด้านข้างมาเปิดดูรูป เมื่อเห็นภาพก็พลันตกตะลึงไปชั่วขณะ เพราะนั่นเป็นภาพของหนูตัวใหญ่กว่าแมวกำลังกินอาหารแมว

แมวขยับเข้าใกล้อย่างระมัดระวัง

เป็นแมวสีเทาขาว

หนูหันไปชำเลืองมองแมว ก่อนจะหันหลับไปกินอาหารแมวต่อ เพียงแค่แกว่งหาง แมวก็ตกใจจนหันหลังวิ่งไปหลบ ซ่อนอยู่มุมกำแพงด้วยตัวสั่นเทิ้ม มองดูหนูกินอาหารของตน ให้ความรู้สึกชวนเอ็นดูเหลือเกิน

“อะไรเนี่ย…”

อาจารย์หยวนหยวนหัวเราะลั่น นี่เป็นหนูสายพันธุ์พิเศษ ตัวโตกว่าแมว จึงเป็นเรื่องปกติที่แมวจะกลัว “รูปนี้ใช้ได้เลย แต่เดี๋ยวรูปนี้ต้องเป็นมีมของฉันแล้ว”

หยวนหยวนว่าพลางล็อกอินเข้าปู้ลั่ว

เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่อัปโหลดภาพที่น่าสนใจนี้ลงไป ปรากฏว่าโพสต์ไปได้ไม่กี่นาที แฟนคลับจำนวนมากก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์

‘แมวตัวนี้น่าสงสารมาก’

จินซานรีโพสต์

ฉีฉีรีโพสต์เช่นกัน

ปรมาจารย์อูกุยก็รีโพสต์ตามไปด้วย พร้อมกับทิ้งคอมเมนต์ไว้ว่า ‘คิดมาตลอดว่าแมวเป็นศัตรูของหนู นึกไม่ถึงว่าที่แท้บนโลกนี้ก็มีแมวที่ปราบหนูไม่ได้เช่นกัน นี่นับว่าเป็นการล่มสลายของห่วงโซ่อาหารหรือไม่…’

ศึกใหญ่ระหว่างแมวและหนู

ไหนบอกว่าศึกใหญ่ไง?

สุดท้ายฐานที่มั่นของเยี่ยนโจวก็ตกเป็นเป้าโจมตี อาจารย์อาหู่ปิดหนังสือลงเต็มแรง หลังจากสีหน้าเปลี่ยนไปอยู่หลายวินาที จู่ๆ ก็จามออกมาเสียงดัง “ทำไมกลิ่นน้ำหมึกของหนังสือใหม่ถึงได้ฉุนแสบจมูกขนาดนี้!”

จากนั้นก็เหลือเพียงความเงียบงัน

อาหู่มีความฝันหนึ่ง ความฝันของเขาคือการมีไทม์แมชชีน ต่อให้เป็นสิ่งที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวก็ตาม ถึงอย่างไรขอให้ย้อนเวลาครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว เอาเถอะ อันที่จริงนี่เป็นความฝันที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อห้าวันก่อน ความฝันเมื่อห้าวันก่อนของเขาคือการได้ข้ามเวลาไปในอีกห้าวันข้างหน้า

ตอนนี้เขาอยากย้อนเวลากลับไปเมื่อห้าวันก่อน

กอบกู้ศักดิ์ศรีสำเร็จ แก้แค้นไม่สำเร็จ

ความขัดแย้งรุนแรงระหว่างทั้งสองพื้นที่คล้ายว่าจะค่อยๆ ปิดฉากลงด้วยความขำขัน ตั้งแต่ฉู่ขวงเปิดศึกแบบหนึ่งต่อเก้า ไปจนถึง ‘ศึกใหญ่ระหว่างแมวและหนู’ ซึ่งมีรูปแบบเฉพาะตัวนี้ ช่างน่าสนใจราวกับนิทานยาวเรื่องหนึ่ง

……………………………………………………..

[1] บั้นท้ายสั่งการสมอง เปรียบเปรยว่า คนเรานั่งอยู่ในตำแหน่งหรือสถานะใด จะมีทัศนคติเช่นนั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน