Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 446

สรุปบท ตอนที่ 446 ร้องสด: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอน ตอนที่ 446 ร้องสด จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 446 ร้องสด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 446 ร้องสด

“ตัวแทนหลิน นี่เป็นจดหมายเชิญจากทีมงานรายการค่ะ”

ไม่กี่วันหลังจากนั้น กู้ตงถือจดหมายเชิญแลดูประณีตสวยงามซองหนึ่งเข้ามาในห้องทำงานของเซี่ยนอวี๋

“อ่านเลยครับ”

หลินเยวียนกำลังพิมพ์นิยายชุดรหัสคดีปัวโรต์เล่มต่อไป มือของเขายังไม่ได้หยุดลง ไม่มีเวลาอ่านจดหมายเชิญ

“ได้ค่ะ”

กู้ตงแกะซองจดหมายใบสวย กระแอมให้คอโล่ง

“ขอขอบคุณอาจารย์เซี่ยนอวี๋ที่เข้าร่วมรายการราชาหน้ากากนักร้อง ทีมงานรายการขอแสดงความยินดีอย่างยิ่ง คุณคือหนึ่งในแขกรับเชิญของการแข่งขันในรอบแรก กรุณามายังศูนย์ดนตรีกลางเมืองซู เพื่อเข้าร่วมการบันทึกเทปรายการในวันที่ 2 กุมภาพันธ์”

ด้านหลังเป็นการแนะนำกฎการแข่งขัน

“รายการนี้จะออกอากาศสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ในแต่ละตอนจะมีนักร้องหกคน หลังจากนักร้องร้องเพลงจบ จะมีผู้ชมในห้องส่ง 500 คน คณะกรรมการประเมินซึ่งเป็นมืออาชีพในวงการเพลง 50 คน รวมไปถึงคณะกรรมการตัดสินอีก 4 คน โดยผู้ชมทุกคนจะมีคนละ 1 โหวต คณะกรรมการประเมินมีคนละ 2 โหวต และกรรมการตัดสินมีคนละ 100 โหวต คะแนนเต็มคือ 1000 โหวต…”

คะแนนโหวตที่กรรมการตัดสินถือครองอยู่เกือบมีสิทธิ์ชี้ขาด

ทีมงานรายการคล้ายกับคำนึงถึงปัญหานี้ ดังนั้นจึงทำการตัดต่อ โดยลดอำนาจของกรรมการตัดสิน

“คะแนนโหวตของคณะกรรมการจะโหวตโดยการแบ่งหนึ่งร้อยคะแนน ยอดโหวตรวมในแต่ละสัปดาห์จะต้องไม่เกินหนึ่งร้อยโหวต ขณะที่ผู้ชมและคณะกรรมการประเมินมีสิทธิ์ใช้คะแนนโหวตทั้งหมดในแต่ละรอบ”

แบบนี้ก็ดีขึ้นมาก

ผู้ชมสามารถโหวตได้ทุกรอบ หมายความว่าในการแข่งขันหกรอบ ที่จริงแล้วผู้ชมมีทั้งหมดหกโหวต

และสมาชิกคณะกรรมการประเมินแต่ละคนมีทั้งหมดสิบสองโหวต

เพียงแต่พวกเขาไม่สามารถจัดสรรจำนวนโหวตได้

แต่กรรมการตัดสินมีสิทธิ์ในการจัดสรรโหวตอย่างยืดหยุ่น

พวกเขาสามารถทุ่มโหวตทั้งหมดในมือหนึ่งร้อยคะแนนให้กับนักร้องเพียงคนเดียว และสามารถแบ่งโหวตให้นักร้องหลายคนได้ ตราบใดที่คะแนนโหวตรวมไม่เกินหนึ่งร้อย…

กู้ตงอ่านต่อ

“ในทุกๆ ตอน นักร้องที่จำนวนโหวตน้อยที่สุดจะตกรอบ นักร้องหนึ่งท่านจะอยู่รอ นักร้องที่เหลืออีกสี่ท่านจะเข้ารอบทั้งหมด นักร้องที่ตกรอบจะถอดหน้ากาก ส่วนนักร้องที่อยู่รอไม่ต้องถอดหน้ากาก พวกเขาจะเข้าไปรอความท้าทายในการจัดอันดับในตอนต่อไป”

หลินเยวียนพยักหน้า

เป็นธรรมเนียมที่อันดับสุดท้ายจะตกรอบ ส่วนอันดับสองรองจากสุดท้ายจะมีโอกาสพลิกความพ่ายแพ้กลับมาคว้าชัยชนะ นั่นเป็นการให้โอกาสนักร้องซึ่งความสามารถยอดเยี่ยม แต่บางครั้งอาจพลาดพลั้งในการแสดงกลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง

“นอกจากนั้น”

“ในรายการจะไม่แทรกแซงการเลือกเพลงของนักร้อง สมาคมวรรณศิลป์จะประสานงานกับแต่ละบริษัทเพื่อขอลิขสิทธิ์เพลงเพื่อใช้ในการแข่งขัน ขณะเดียวกันยังอนุญาตให้นักร้องขับร้องบทเพลงใหม่ในการแข่งขัน…”

เมื่ออ่านถึงจุดนี้ กู้ตงก็ยกยิ้มและเอ่ยว่า

“ทางบริษัทได้รับแจ้งเรื่องนี้จากสมาคมวรรณศิลป์แล้ว ตอนเช้าหัวหน้าโจวให้ฉันมาถามคุณว่าเราสามารถอนุญาตให้ผู้เข้าแข่งขันในรายการร้องเพลงของคุณได้ไหม ค่าลิขสิทธิ์จะเป็นไปตามมาตรฐานโดยรวมของรายการประเภทนี้…”

“ไม่มีปัญหาครับ”

หลินเยวียนไม่ได้รังเกียจที่ผู้อื่นนำเพลงของตนไปขับร้อง อันที่จริงไม่มีนักประพันธ์เพลงคนไหนรังเกียจหรอก

นี่คือความโดดเด่นของของราชาหน้ากากนักร้อง พวกเขามีสมาคมวรรณศิลป์เป็นเบื้องหลัง ใครจะกล้าปฏิเสธคำขอของสมาคมวรรณศิลป์ล่ะ

หลังจากนั้น กู้ตงจึงอ่านคำอธิบายจากทีมงานรายการต่อไป

ไม่มีเงื่อนไขที่หลินเยวียนไม่สามารถยอมรับได้

เขายอมรับเรื่องการถอดหน้ากากได้ นับประสาอะไรกับเรื่องอื่นๆ

……

ด้านข้างหลินเยวียน กู้ตงผู้ช่วยไม่ใช่เพียงคนเดียวที่รู้ว่าเขาจะเข้าร่วมรายการราชาหน้ากากนักร้อง

ช่วงบ่ายวันนั้น

หลินเยวียนมายังสตูดิโอการ์ตูน และบอกข่าวนี้กับจินมู่

จินมู่ไม่รู้เรื่องที่หลินเยวียนเป็นโรคกลัวกล้อง จึงไม่คิดว่าการไปร้องเพลงของหลินเยวียนเป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างใด ตัวตนของเซี่ยนอวี๋เดิมทีก็อยู่ในสถานะกึ่งเปิดเผยอยู่แล้ว

เขาเพียงกังวลเรื่องหนึ่ง “เข้าร่วมรายการราชาหน้ากากนักร้องไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่หลังจากถอดหน้ากากแล้ว ก็คงไม่สามารถปกปิดตัวตนของอิ่งจือได้เหมือนกัน”

หลินเยวียน “เรื่องนั้นยกให้อาจินจัดการ”

จินมู่พยักหน้า “ที่มหา’ลัยมีคนอื่นรู้เรื่องที่คุณคืออิ่งจือไหมครับ”

“ไม่มีครับ”

มหาวิทยาลัยรู้เพียงว่าฝีมือด้านการวาดภาพของหลินเยวียนยอดเยี่ยมมาก แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วหลินเยวียนคือนักวาดการ์ตูนนามว่าอิ่งจือ

อย่างไรก็ตาม มีคนส่วนน้อยอย่างจงอวี๋ที่รู้ว่าหลัวเวยเป็นผู้ช่วยวาดการ์ตูนของหลินเยวียน

แต่ถึงอย่างนั้น ทุกคนก็ไม่รู้ว่าหลัวเวยกับหลินเยวียนวาดการ์ตูนอะไรกัน ต่อให้มีคนที่รู้จักหลัวเวยสามารถเดาได้จากเบาะแส ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวง

เป็นเรื่องยากที่จะเผยแพร่ความจริงซึ่งมีคนทั่วไปเพียงเล็กน้อยที่รู้ ยิ่งไปกว่านั้นจินมู่ต้องมีวิธีรับมืออย่างแน่นอน

“เข้าใจแล้วครับ”

จินมู่เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “เพราะฉะนั้นคนที่รู้ว่าคุณคืออิ่งจือ ก็จำกัดอยู่ที่หลัวเวยกับผู้ช่วยในออฟฟิศ รอให้ถอดหน้ากากอย่างเป็นทางการแล้ว ผมจะไปคุยกับพวกเขาถึงหลักการรักษาความลับ พลางสะสางผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นด้วย”

“ได้ครับ”

ครั้งนี้หลินเยวียนเตรียมตัวเปิดเผยตัวตนของเซี่ยนอวี๋ ส่วนอิ่งจือและฉู่ขวงยังคงอยู่หลังม่านต่อไป

“จริงสิ…”

จินมู่นึกสงสัย “หัวหน้าร้องเพลงได้?”

หลินเยวียนตอบ “ได้นิดหน่อยครับ”

เขาต้องเลือกเพลงที่ผู้ชม ‘เก็ต’ ได้ง่าย

สุดท้ายแล้วรายการราชาหน้ากากนักร้องเป็นการร้องเพลงสด ซึ่งแตกต่างจากการแข่งขันรายการอื่นๆ

ผู้ชมสามารถฟังและเสพบทเพลงในการแข่งขันได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อสัมผัสถึงเสน่ห์ของบทเพลง มีบทเพลงจำนวนมากไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็ใช้ได้ แต่ยิ่งฟังยิ่งชื่นชอบ

เพราะฉะนั้นเพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ถึงได้โด่งดัง

ทว่าเพลงสำหรับร้องสด ผู้ชมจะได้ฟังเพียงครั้งเดียว

บนเวทีประเภทนี้ ถ้าหากร้องเพลงอย่างขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ คงน่าเสียดายมาก

เพราะหลังจากฟังจบหนึ่งครั้ง หลายคนยังไม่ทันได้ประมวลผลและเข้าถึงความยอดเยี่ยมของเพลงนี้ ก็ต้องโหวตให้คะแนนซะแล้ว…

ดังนั้นในการแสดงสด ความรู้สึกแรกของผู้ชมจึงสำคัญที่สุด!

ถ้าความรู้สึกแรกไม่ดี บทเพลงจะมีความไพเราะอย่างไร คำร้องจะแฝงความนัยลึกซึ้งแค่ไหน วิธีเรียบเรียงบทเพลงจะเหนือชั้นอย่างไรก็ไม่บังเกิดผล!

“มีเพลงไหนบ้างที่เหมาะสำหรับร้องบนเวที”

“ทางที่ดีจะต้องใช้ข้อได้เปรียบของฉันอย่างเต็มที่”

หลินเยวียนเอ่ยเรียกระบบ เข้าไปในคลังเพลง และเริ่มค้นหาตัวเลือกที่เหมาะสม

และวันเวลาก็ผ่านไป ระหว่างที่หลินเยวียนพินิจพิจารณาเลือกเพลง

ขณะที่ทั่วทั้งโลกออนไลน์พูดถึงราชาหน้ากากนักร้อง ความคึกคักของทุกคนก็ทบทวีขึ้นทุกวัน!

วันแข่งขันใกล้เข้ามาแล้ว…

………………………………………………….

[1] ‘ร่าง’ ในคำว่าร่างกาย ไม่ใช่คำว่า ‘เสียง’ ในเสียงร้อง เป็นการเล่นเสียงของคำว่า ‘เซิน’ ที่หมายถึงร่างหรือร่างกาย และ ‘เซิง’ ที่หมายถึงเสียง ซึ่งในภาษาจีนกลางบางสำเนียงจะออกเสียงพยัญตัวสะกดแม่กนและแม่กงคล้ายกันหรือเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก นอกเสียจากว่ามีบริบทของคำ หลินเยวียนจึงเน้นว่าตนเอง ‘แปลงร่าง’ ไม่ได้

ขอบคุณที่สนับสนุน Fictionlog เสมอมา

ปีนี้ซานต้าฟิกขอเป็นตัวแทนมอบโค้ดเหรียญทองให้เป็นของขวัญปีใหม่กับนักอ่านผู้โชคดีที่เข้ามาอ่านนิยายในตอนนี้

*โค้ดมีจำนวนจำกัด และต้องเติมภายในวันที่ 31 มกราคม 2567

สามารถเติมเหรียญได้ในเมนู ‘กรอกรหัสโปรโมชัน’ ในแอปแอนดรอยด์ หรือ ในหน้า ‘กระเป๋าเงิน’ ในเว็บไซต์ (https://fictionlog.co/i/payment)

ทั้งนี้ โค้ดเหรียญทองต้องพิมพ์เป็นตัวใหญ่ ไม่มีสัญลักษณ์อื่นนอกจาก – _ และไม่มีเว้นวรรคทั้งหน้าและหลังโค้ด

.

ขอให้ทุกคนส่งท้ายปลายปีอย่างมีความสุข และสนุกกับการอ่านนิยายใน Fictionlog^^

สวัสดีปี 2567 ล่วงหน้า!

PC-SANTAFIC_OKGZA

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน