ตอนที่ 446 ร้องสด
“ตัวแทนหลิน นี่เป็นจดหมายเชิญจากทีมงานรายการค่ะ”
ไม่กี่วันหลังจากนั้น กู้ตงถือจดหมายเชิญแลดูประณีตสวยงามซองหนึ่งเข้ามาในห้องทำงานของเซี่ยนอวี๋
“อ่านเลยครับ”
หลินเยวียนกำลังพิมพ์นิยายชุดรหัสคดีปัวโรต์เล่มต่อไป มือของเขายังไม่ได้หยุดลง ไม่มีเวลาอ่านจดหมายเชิญ
“ได้ค่ะ”
กู้ตงแกะซองจดหมายใบสวย กระแอมให้คอโล่ง
“ขอขอบคุณอาจารย์เซี่ยนอวี๋ที่เข้าร่วมรายการราชาหน้ากากนักร้อง ทีมงานรายการขอแสดงความยินดีอย่างยิ่ง คุณคือหนึ่งในแขกรับเชิญของการแข่งขันในรอบแรก กรุณามายังศูนย์ดนตรีกลางเมืองซู เพื่อเข้าร่วมการบันทึกเทปรายการในวันที่ 2 กุมภาพันธ์”
ด้านหลังเป็นการแนะนำกฎการแข่งขัน
“รายการนี้จะออกอากาศสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ในแต่ละตอนจะมีนักร้องหกคน หลังจากนักร้องร้องเพลงจบ จะมีผู้ชมในห้องส่ง 500 คน คณะกรรมการประเมินซึ่งเป็นมืออาชีพในวงการเพลง 50 คน รวมไปถึงคณะกรรมการตัดสินอีก 4 คน โดยผู้ชมทุกคนจะมีคนละ 1 โหวต คณะกรรมการประเมินมีคนละ 2 โหวต และกรรมการตัดสินมีคนละ 100 โหวต คะแนนเต็มคือ 1000 โหวต…”
คะแนนโหวตที่กรรมการตัดสินถือครองอยู่เกือบมีสิทธิ์ชี้ขาด
ทีมงานรายการคล้ายกับคำนึงถึงปัญหานี้ ดังนั้นจึงทำการตัดต่อ โดยลดอำนาจของกรรมการตัดสิน
“คะแนนโหวตของคณะกรรมการจะโหวตโดยการแบ่งหนึ่งร้อยคะแนน ยอดโหวตรวมในแต่ละสัปดาห์จะต้องไม่เกินหนึ่งร้อยโหวต ขณะที่ผู้ชมและคณะกรรมการประเมินมีสิทธิ์ใช้คะแนนโหวตทั้งหมดในแต่ละรอบ”
แบบนี้ก็ดีขึ้นมาก
ผู้ชมสามารถโหวตได้ทุกรอบ หมายความว่าในการแข่งขันหกรอบ ที่จริงแล้วผู้ชมมีทั้งหมดหกโหวต
และสมาชิกคณะกรรมการประเมินแต่ละคนมีทั้งหมดสิบสองโหวต
เพียงแต่พวกเขาไม่สามารถจัดสรรจำนวนโหวตได้
แต่กรรมการตัดสินมีสิทธิ์ในการจัดสรรโหวตอย่างยืดหยุ่น
พวกเขาสามารถทุ่มโหวตทั้งหมดในมือหนึ่งร้อยคะแนนให้กับนักร้องเพียงคนเดียว และสามารถแบ่งโหวตให้นักร้องหลายคนได้ ตราบใดที่คะแนนโหวตรวมไม่เกินหนึ่งร้อย…
กู้ตงอ่านต่อ
“ในทุกๆ ตอน นักร้องที่จำนวนโหวตน้อยที่สุดจะตกรอบ นักร้องหนึ่งท่านจะอยู่รอ นักร้องที่เหลืออีกสี่ท่านจะเข้ารอบทั้งหมด นักร้องที่ตกรอบจะถอดหน้ากาก ส่วนนักร้องที่อยู่รอไม่ต้องถอดหน้ากาก พวกเขาจะเข้าไปรอความท้าทายในการจัดอันดับในตอนต่อไป”
หลินเยวียนพยักหน้า
เป็นธรรมเนียมที่อันดับสุดท้ายจะตกรอบ ส่วนอันดับสองรองจากสุดท้ายจะมีโอกาสพลิกความพ่ายแพ้กลับมาคว้าชัยชนะ นั่นเป็นการให้โอกาสนักร้องซึ่งความสามารถยอดเยี่ยม แต่บางครั้งอาจพลาดพลั้งในการแสดงกลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง
“นอกจากนั้น”
“ในรายการจะไม่แทรกแซงการเลือกเพลงของนักร้อง สมาคมวรรณศิลป์จะประสานงานกับแต่ละบริษัทเพื่อขอลิขสิทธิ์เพลงเพื่อใช้ในการแข่งขัน ขณะเดียวกันยังอนุญาตให้นักร้องขับร้องบทเพลงใหม่ในการแข่งขัน…”
เมื่ออ่านถึงจุดนี้ กู้ตงก็ยกยิ้มและเอ่ยว่า
“ทางบริษัทได้รับแจ้งเรื่องนี้จากสมาคมวรรณศิลป์แล้ว ตอนเช้าหัวหน้าโจวให้ฉันมาถามคุณว่าเราสามารถอนุญาตให้ผู้เข้าแข่งขันในรายการร้องเพลงของคุณได้ไหม ค่าลิขสิทธิ์จะเป็นไปตามมาตรฐานโดยรวมของรายการประเภทนี้…”
“ไม่มีปัญหาครับ”
หลินเยวียนไม่ได้รังเกียจที่ผู้อื่นนำเพลงของตนไปขับร้อง อันที่จริงไม่มีนักประพันธ์เพลงคนไหนรังเกียจหรอก
นี่คือความโดดเด่นของของราชาหน้ากากนักร้อง พวกเขามีสมาคมวรรณศิลป์เป็นเบื้องหลัง ใครจะกล้าปฏิเสธคำขอของสมาคมวรรณศิลป์ล่ะ
หลังจากนั้น กู้ตงจึงอ่านคำอธิบายจากทีมงานรายการต่อไป
ไม่มีเงื่อนไขที่หลินเยวียนไม่สามารถยอมรับได้
เขายอมรับเรื่องการถอดหน้ากากได้ นับประสาอะไรกับเรื่องอื่นๆ
……
ด้านข้างหลินเยวียน กู้ตงผู้ช่วยไม่ใช่เพียงคนเดียวที่รู้ว่าเขาจะเข้าร่วมรายการราชาหน้ากากนักร้อง
ช่วงบ่ายวันนั้น
หลินเยวียนมายังสตูดิโอการ์ตูน และบอกข่าวนี้กับจินมู่
จินมู่ไม่รู้เรื่องที่หลินเยวียนเป็นโรคกลัวกล้อง จึงไม่คิดว่าการไปร้องเพลงของหลินเยวียนเป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างใด ตัวตนของเซี่ยนอวี๋เดิมทีก็อยู่ในสถานะกึ่งเปิดเผยอยู่แล้ว
เขาเพียงกังวลเรื่องหนึ่ง “เข้าร่วมรายการราชาหน้ากากนักร้องไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่หลังจากถอดหน้ากากแล้ว ก็คงไม่สามารถปกปิดตัวตนของอิ่งจือได้เหมือนกัน”
หลินเยวียน “เรื่องนั้นยกให้อาจินจัดการ”
จินมู่พยักหน้า “ที่มหา’ลัยมีคนอื่นรู้เรื่องที่คุณคืออิ่งจือไหมครับ”
“ไม่มีครับ”
มหาวิทยาลัยรู้เพียงว่าฝีมือด้านการวาดภาพของหลินเยวียนยอดเยี่ยมมาก แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วหลินเยวียนคือนักวาดการ์ตูนนามว่าอิ่งจือ
อย่างไรก็ตาม มีคนส่วนน้อยอย่างจงอวี๋ที่รู้ว่าหลัวเวยเป็นผู้ช่วยวาดการ์ตูนของหลินเยวียน
แต่ถึงอย่างนั้น ทุกคนก็ไม่รู้ว่าหลัวเวยกับหลินเยวียนวาดการ์ตูนอะไรกัน ต่อให้มีคนที่รู้จักหลัวเวยสามารถเดาได้จากเบาะแส ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวง
เป็นเรื่องยากที่จะเผยแพร่ความจริงซึ่งมีคนทั่วไปเพียงเล็กน้อยที่รู้ ยิ่งไปกว่านั้นจินมู่ต้องมีวิธีรับมืออย่างแน่นอน
“เข้าใจแล้วครับ”
จินมู่เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “เพราะฉะนั้นคนที่รู้ว่าคุณคืออิ่งจือ ก็จำกัดอยู่ที่หลัวเวยกับผู้ช่วยในออฟฟิศ รอให้ถอดหน้ากากอย่างเป็นทางการแล้ว ผมจะไปคุยกับพวกเขาถึงหลักการรักษาความลับ พลางสะสางผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นด้วย”
“ได้ครับ”
ครั้งนี้หลินเยวียนเตรียมตัวเปิดเผยตัวตนของเซี่ยนอวี๋ ส่วนอิ่งจือและฉู่ขวงยังคงอยู่หลังม่านต่อไป
“จริงสิ…”
จินมู่นึกสงสัย “หัวหน้าร้องเพลงได้?”
หลินเยวียนตอบ “ได้นิดหน่อยครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน